ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1020 เพิ่มแรงกดดัน + ตอนที่ 1021 พ่อหนุ่มเจ้าสำราญ
ตอนที่ 1020 เพิ่มแรงกดดัน
คุณป้าถูดูออกถึงเจตนาที่ไม่ดีของจูเหว่ยเลยออกตัวว่าอยากลองไปร้านอาหารฝรั่งด้วยเหมือนกัน จูเหว่ยจะยอมตกลงได้อย่างไร เขาอยากร่วมโต๊ะอาหารกับสาวงามจะให้คุณป้าตัวอ้วนตามไปขัดบรรยากาศได้หรือ
เหมยเหมยส่งสายตาให้คุณป้าถูเป็นเชิงว่าให้เธอวางใจได้
“เดี๋ยวถ้าคุณหลินมาป้าถูให้เขาไปหาฉันที่ร้านอาหารหลังคาแดงนั่นนะ” เหมยเหมยสั่งไว้
จูเหว่ยรีบพูดขึ้นมา “คุณจ้าวอย่าไปเชื่อคนสกุลหลินนั่น สำนักพิมพ์ซิงซิงใกล้จะปิดตัวลงแล้ว ถ้าคุณเซ็นสัญญากับเขาต้องขาดทุนแย่แน่ ๆ!”
เหมยเหมยอมยิ้มจาง ๆ และหลบมือปลาหมึกของจูเหว่ยที่ยื่นมาอย่างแนบเนียน
นี่ยังไม่ถึงเวลา รอเธอบรรลุเป้าหมายจะต้องทำให้พี่หน้าหื่นคนนี้เสียใจที่ได้รู้จักเธอ!
ร้านอาหารฝรั่งหลังคาแดงนั่นอยู่ละแวกใกล้ ๆ สำนักพิมพ์เพียงเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง เป็นร้านอาหารฝรั่งเก่าแก่ของเมืองจิน ซุปบอร์ชที่นี่รสชาติดีมาก เหมยเหมยเคยทานมาหลายครั้งแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ได้รสชาติอย่างร้านอาหาร
เพื่อชนะใจของสาวงามพี่หน้าหื่นก็ใจป้ำพอสมควร “คุณจ้าวอยากทานอะไรก็สั่งได้เลย”
เหมยเหมยไม่เกรงใจอยู่แล้วเลยสั่งโดยไม่ดูชื่อเมนูเลือกดูแค่ราคาและสั่งเมนูที่แพงที่สุด แถมยังสั่งไปสิบกว่าเมนูอย่างเต็มที่ รอยยิ้มบนใบหน้าของจูเหว่ยค่อย ๆ นิ่งค้างและยิ่งดูถูกเหมยเหมยกว่าเก่า
สาวจีนแผ่นดินใหญ่ดูท่าจะไม่รู้ว่าอาหารฝรั่งคืออะไรด้วยซ้ำสินะ ตอนนี้มีโอกาสได้ลิ้มรสเลยสั่งอาหารไปเหมือนคนเพิ่งมีตังค์ ก็พอจะเข้าใจได้
ไม่เป็นไร อย่างไรเสียค่าครองชีพในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ก็ต่ำ อาหารมากมายขนาดนี้คงเสียเงินไม่มาก!
เหมยเหมยเองก็ไม่ได้มองเขาพลางสั่งไปอีกหลายเมนูและย้ำเป็นพิเศษว่าให้ย่างเนื้อสเต็กสุกหน่อย สุกแค่สามส่วนก็เหมือนเนื้อสด แบบนี้สู้ให้เธอทานเนื้อสด ๆ เลยดีกว่า!
“คุณจูเชิญพูดต่อได้เลย…”
เหมยเหมยจงใจทำท่าเหมือนเพิ่งเคยทานอาหารฝรั่งครั้งแรกเลยหั่นเนื้อสเต็กอย่างทุลักทุเลหั่นอย่างไรก็ไม่ขาด เลยได้แต่จิ้มขึ้นมากัด ยิ่งทำให้จูเหว่ยมองด้วยสายตาหยามเหยียด มั่นใจกว่าเดิมว่าต้องได้เหมยเหมยมาไว้ในครอบครอง
“ส่วนแบ่งครึ่งครึ่งเป็นไปไม่ได้ ผมทำลายกฎไม่ได้ แต่…ขอแค่คุณจ้าว…”
จูเหว่ยกดเสียงลงพลางยื่นมือมาหาเหมยเหมยพร้อมเผยยิ้มน่าขยะแขยง
เหมยเหมยหลบอย่างไวก่อนเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วยิ้มกล่าว “ขอแค่ฉันทำไม?”
“ผมหลงรักคุณจ้าวตั้งแต่แรกพบ ขอแค่คุณจ้าวยอมอยู่กับผม อย่าว่าแต่ครึ่งครึ่งเลย ต่อให้เป็นสามต่อเจ็ดก็ไม่มีปัญหา…” จูเหว่ยสารภาพความในใจของตัวเองออกไปอย่างเถรตรงทั้งเจ้าตัวยังยื่นหน้าเข้ามาหา
เหมยเหมยพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกรังเกียจเอาไว้และแอบคิดบัญชีเพิ่มอีกหนึ่งให้พี่หน้าหื่น แค่นเสียงที “ฉันจำได้ว่าคุณจูเพิ่งแต่งงานไม่ใช่เหรอ? ภรรยาเป็นลูกสาวของทางโฉวฉิน หรือว่าคุณจูคิดจะหย่าแล้ว?”
จูเหว่ยชะงักงัน โอ้โห สาวจีนแผ่นดินใหญ่ช่างโลภเสียจริงที่คิดอยากจะเป็นภรรยาตัวจริงของเขา?
คงไม่ได้โง่หรอกนะ?
“ขอแค่คุณจ้าวยอม ผมจะซื้อบ้านให้คุณจ้าวที่นี่และจะบินมาใช้เวลาส่วนตัวกับคุณบ่อย ๆ อีกอย่างผมรับรองว่าหลังจากนี้หนังสือของคุณจ้าวจะได้ส่วนแบ่งสามต่อเจ็ด…”
จูเหว่ยพยายามโน้มน้าวเหมยเหมยอย่างไม่ยอมแพ้และพูดหว่านล้อมด้วยสิ่งล่อใจมากมาย ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีนี้หลอกสาว ๆ แบบนี้ไปกี่คนกัน
เหมยเหมยย่นคิ้วพลางมองไปทางประตูครู่หนึ่ง ทำไมคุณหลินยังไม่มา?
เธอห้ามขาตัวเองไม่ไหวแล้วนะ!
“คุณจ้าวช่วยพิจารณาใหม่ด้วย…คุณอย่าเชื่อเขา เขาหลอกคุณทั้งนั้น…”
คุณหลินวิ่งหืดกระหอบเข้ามาในร้านอาหารและถลึงตาใส่จูเหว่ยแวบหนึ่ง เดิมทีเขาคิดจะขอเจรจาใหม่กับเหมยเหมยแต่เมื่อเห็นคู่อริก็ตัดสินใจแน่วแน่ทันที
“คุณจ้าว เงื่อนไขสามข้อที่คุณเสนอผมยอมตกลงทั้งหมด เซ็นสัญญาได้ตอนนี้เลย!”
…………………………
ตอนที่ 1021 พ่อหนุ่มเจ้าสำราญ
จูเหว่ยนิ่งตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะระเบิดอารมณ์โมโห และตะโกนขึ้น “คุณจ้าวอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระจากเขา สำนักพิมพ์ของพวกเขาจะปิดตัวลงอยู่ลอมล่อ คาดว่าแม้แต่เงินที่จะตีพิมพ์ให้คุณอาจจะยังไม่มีเลย เขาให้คุณได้เพียงแค่คำสัญญาจอมปลอม!”
คุณหลินกัดฟันแน่น จ้องตาเหมยเหมยอย่างจริงจัง พร้อมกับเอ่ย “คุณจ้าว แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของสำนักพิมพ์ซิงซิงไม่ค่อยดีนัก แต่ผมและคุณลุงจะพยายามสู้ต่อไป ต่อให้คุณจ้าวไม่เซ็นสัญญากับทางสำนักพิมพ์ซิงซิง ก็ขออย่าได้เซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์อีเจียเลยครับ เพราะสำนักพิมพ์อีเจียหน่ะมีแต่เอาเปรียบ ไม่เคยให้ความเคารพต่อนักเขียนเลย”
“นายพูดบ้าอะไรอยู่ คุณจ้าวฟังที่ผมพูดนะ…”
จูเหว่ยพูดถึงสถานการณ์อันน่าสังเวชของสำนักพิมพ์ซิงซิงอย่างละเอียดไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมทั้งพูดถึงความสามารถอันแข็งแกร่งของสำนักพิมพ์อีเจียด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับเป็นผู้ชนะ
คุณหลินกัดฟันด้วยความเจ็บปวด จูเหว่ยพูดถูก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยินยอมให้เหมยเหมยเซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์อีเจีย เพราะคนอย่างจูเหว่ยหน้าเนื้อใจเสือและยังหัวงู หลายปีมานี้เพื่อความสะดวกในการทำงาน ไม่รู้ว่าเหล่าสาวน้อยหน้าตาสะสวยต้องถูกทำลายไปแล้วกี่คน
หากพูดให้ดูดีหน่อยก็คือเป็นการช่วยตีพิมพ์หนังสือให้พวกหล่อน แต่ความจริงนั้นถือเป็นการส่งเสียเลี้ยงดูผู้หญิงพวกนั้นโดยไม่ต้องเสียเงิน
เพราะหนังสือพวกนั้นที่ได้รับการตีพิมพ์ กำไรทั้งหมดที่ได้รับมาล้วนแต่ตกไปอยู่ในกระเป๋าเงินของสองพ่อลูกตระกูลจู ซึ่งนับว่ามีแต่กำไรล้วน ๆ
“คุณจ้าว เชื่อผมเถอะ จูเหว่ยนั้นไม่น่าไว้วางใจ…”
คุณหลินพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเหมยเหมย หวังว่าเธอจะไม่หลงกล ในแววตามีแต่ความกังวล
เหมยเหมยยกยิ้มอย่างน่ารัก ก่อนจะหัน ไปพูดกับคุณหลิน เธอได้ล้วงนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ยื่นออกไปตรงหน้าและเอ่ย “เรื่องการเซ็นสัญญา คุณติดต่อกับทนายของฉันได้เลย”
คุณหลินนิ่งค้าง ในเวลานั้นเขาแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเลย แต่จูเหว่ยกลับคิดว่านั่นหมายถึงเขา จึงยกยิ้มอย่างได้ใจ พลางขยับเข้าใกล้หมายจะหยิบเอานามบัตร
เขารู้ดีว่าแม่สาวน้อยต้องอยู่ในกำมือของเขา!
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นอย่างนึกรำคาญ แล้วขยับมือหนีจากมือของจูเหว่ย พร้อมทั้งพูดกับคุณหลินไปอีกไม่กี่คำ นั่นจึงทำให้คุณหลินได้สติ แล้วเปลี่ยนเป็นความดีใจอย่างเหลือล้น พร้อมกับรับนามบัตรมาด้วยความตื่นเต้น
นั่นทำให้จูเหว่ยได้เข้าใจ จนรู้สึกโกรธแค้นอย่างยากที่จะควบคุม
ตระกูลเขายืนหยัดอยู่ในแวดวงตีพิมพ์มาหลายปี เหมยเหมยเป็นนักเขียนคนแรกที่หยามหน้าตระกูลจูได้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วงั้นรึ?
“คุณจ้าวอย่าได้ใจร้อนไป ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือเงินทอง สำนักพิมพ์อีเจียของเรานั้นยิ่งใหญ่ นกที่ดีจักรู้เลือกกิ่งไม้ไว้พำนัก ยังไงเสียสำนักพิมพ์ซิงซิงก็จะต้องปิดตัวลงอย่างแน่นอน หรือว่าคุณจ้าวอยากจะตายไปพร้อมกับสำนักพิมพ์ซิงซิงล่ะ?” จูเหว่ยกระตุกยิ้มพร้อมกับจ้องเหมยเหมยหน้านิ่ง
เหมยเหมยเอ่ยระคนเยาะเย้ย “ใครบอกว่าซิงซิงจะต้องปิดตัวลงล่ะ? สำหรับฉันแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าสำนักพิมพ์ไหนจะปิดตัวลง!”
จูเหว่ยหัวเราะเยาะไปพลาง ก่อนจะพูด “คุณจ้าวก็น่าจะรู้ดี หากพลาดโอกาสในการเซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์อีเจียในครั้งนี้ไป คุณจ้าวก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้อยากเซ็นสัญญากับทางสำนักพิมพ์อีเจียอยู่แล้ว” เหมยเหมยกล่าวพร้อมกับยิ้มจนตาหยี แล้วนั่งลงไปอีกครั้ง พร้อมทั้งแสดงมารยาทแบบชาวตะวันตกอย่างถูกต้อง เพื่อหั่นสเต็กวัวให้เป็นชิ้นที่สมบูรณ์แบบ พลางส่งเข้าปากด้วยท่วงท่าสง่างาม
ตั้งแต่เด็กเซียวเซ่อก็ได้รับการฝึกมารยาทจากตระกูลขุนนางชาวอังกฤษ เรื่องมารยาทในการรับประทานอาหารนับว่าเป็นพื้นฐาน เหมยเหมยที่ตกอยู่ภายใต้การบังคับของเซียวเซ่อ แน่นอนว่าต้องหั่นสเต็กออกมาได้ดี แม้แต่ภาษาอังกฤษแบบออกซฟอร์ดเธอก็สามารถพูดมันได้ดีอยู่หลายประโยคเลยล่ะ!
“ฉันสงสัยมาตลอดเลย นักเรียนดีเด่นที่มากล้นด้วยความสามารถของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์นี่เป็นเหมือนคุณหมดเลยรึ? หรือว่ามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ลดเกณฑ์ลงมาก? ขนาดคำว่าแอลเลนยังออกเสียงเป็นตูดเป็ดได้ หรือความสามารถของคุณคือการขายตูดเป็ด?”
เหมยเหมยวางมีดและส้อมลง เผยถึงอิริยาบถที่ดูมีชีวิตชีวาในแบบฉบับของผู้ดี เพียบพร้อมและสูงส่ง โดยได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบออกซฟอร์ดพูดเย้าหยอก แต่น่าเสียดาย…
เพราะเธอใช้ภาษาไก่คุยกับเป็ด!
ดวงตาทั้งสองข้างของคุณตูดเป็ดหมุนวนดั่งกับขดยากันยุ่ง เพราะฟังไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
คุณหลินพยายามกลั้นขำพร้อมกับเอ่ยขึ้น “คุณจ้าวอย่าไปฟังที่เขาพูดเลย มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จะรับคนกากเดนอย่างเขาได้ยังไง จูเหว่ยเรียนไม่จบแม้กระทั่งมัธยมปลาย ยิ่งพยัญชนะภาษาอังกฤษยี่สิบหกตัวเขายังท่องได้ไม่หมดเลย”
คำพูดในประโยคนี้เขาพูดมันด้วยภาษาจีนกลาง ซึ่งแน่นอนว่าจูเหว่ยเข้าใจได้
ในตอนนั้นเขาเองพึ่งจะเข้าใจ ท่าทีก่อนหน้านั้นที่เหมยเหมยทำทีอ่อนต่อโลก แท้จริงแล้วเธอเสแสร้งแกล้งทำ
ทั้ง ๆ ที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่าเขา การใช้มีดและส้อมก็ดูจะคล่องแคล่วกว่าเขาเสียอีก…
………………………………………………………