ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1028 วิกฤตของตระกูลจ้าว + ตอนที่ 1029 เกี่ยวดองกัน
ตอนที่ 1028 วิกฤตของตระกูลจ้าว
จ้าวอิงสยงแววตาเป็นประกาย เขารับรู้ได้ถึงโทนเสียงของคุณปู่ที่อ่อนลง บ่งบอกถึงสัญญาณดี เอาเข้าจริงแผนการของภรรยาก็ถือว่าใช้ได้ รู้ว่าตาแก่ขี้ใจอ่อน เพียงแค่เขี้ยวลากดิน ตาแก่ไม่มีทางนิ่งเฉยโดยไม่ช่วยอะไรแน่นอน
“พ่อ ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องของผม มีเพียงเฮ่อเหลียนเช่อ เขาบอกว่าเรื่องทุกอย่างตกลงกันได้…” จ้าวอิงสยงพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
คุณปู่จ้าวยกเท้าขึ้นถีบอีกครั้ง พร้อมกับต่อว่าด่าทอ “คำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อแกก็เชื่อ? แกนี่มันโง่จริง ๆ ฉันจะเอาปืนมายิงแก…”
จ้าวอิงหย่งเขาไปจับคุณปู่จ้าวที่พร้อมจะลั่นไกปืน แต่ก็แค่จับ ไม่ได้เอ่ยปากพูดแต่อย่างใด
ตอนนี้คุณปู่เอาแต่พูดว่าจะยิงจ้าวอิงสยง พอเรื่องผ่านไปเขาเองจะเจ็บปวด แม้ว่าจ้าวอิงหย่งจะไม่เข้าใจนัก แต่ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ อันหย่าฟางได้ชี้แนะเขาอยู่อย่างหนึ่ง
…
อย่าได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องอื่นใดที่ไม่ใช่เรื่องของตน ใช้ความเงียบเป็นดั่งที่พึ่ง ซึ่งนับเป็นสิ่งมีค่ามากเท่ากับทองคำ
คำพูดนี้เป็นคำพูดที่จ้าวอิงหย่งจดจำจนขึ้นใจ ไม่กล้าขัดขืนคำชี้แนะของภรรยา
นับตั้งแต่ในปีนั้นหลังจากที่เขาได้สูญเสียลูกสาวไป จ้าวอิงหย่งจึงเลือกเชื่อฟังแต่คำพูดของภรรยา อันหย่าฟางให้เขาไปทางทิศตะวันออก เขาไม่มีทางจะไปทางทิศตะวันตกเป็นแน่ ต่อให้พ่อแม่จะดี ก็ไม่อาจจะปฏิบัติกับเขาอย่างดีเพียงคนเดียวได้ เพราะยังมีบรรดาพี่น้องอีกนี่!
ลูกจะกตัญญูแค่ไหน วันข้างหน้าก็ต้องแต่งงานมีลูก ใจหนึ่งดวงต้องแบ่งแยกเป็นหลายส่วน ซึ่งไม่อาจพึ่งพาได้ มีแค่ภรรยาเท่านั้นที่จะสามารถอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต ถ้าเขาไม่เชื่อฟังเมียแล้วจะให้เชื่อฟังใคร?
อีกอย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพราะเขาเชื่อเมียมาตลอด ชีวิตจึงดูราบรื่นเสมอมา ตำแหน่งทางการทหารก็เลื่อนขึ้นเรื่อย ๆ
ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ชายที่เชื่อฟังต่อภรรยาพระเจ้าล้วนเมตตาเสมอ!
จ้าวอิงสยงร้องห่มร้องไห้ ยันตัวลุกขึ้นกอดขาคุณปู่อีกครั้ง พูดแล้วก็แปลกเมื่อก่อนนั้นรูปหน้าทรงสี่เหลี่ยมของจ้าวอิงสยงที่สง่างาม มองยังไงก็เห็นเพียงแต่ความชอบธรรม แต่บัดนี้กลับเผยให้เห็นเพียงความอัปลักษณ์ จนแลดูหมดความน่าเชื่อถือ
“พ่อ ผมรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่น่าไว้วางใจ แต่มันกุมความผิดของผมเอาไว้ หากว่าข่าวหลุดออกไป พ่อคงไม่ได้เห็นหน้าลูกชายคนนี้อีก…พ่อครับ…พ่อต้องช่วยผมนะ พี่ใหญ่ก็ไม่อยู่แล้ว ผมรับปากพี่ใหญ่ไว้ ต้องทดแทนบุญคุณต่อพ่อและแม่…”
จ้าวอิงสยงร้องไห้ฟูมฟายน้ำมูกน้ำตาไหล ดวงใจแทบแหลกสลาย
คุณปู่จ้าวหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ลูกชายคนโตคือความภาคภูมิใจของเขา และก็เป็นลูกชายหนึ่งในสี่คนที่เขาวางใจมากที่สุด แต่กลับจากโลกนี้ไปแล้ว
เขารู้ดีว่าเฮ่อเหลียนเช่อต้องการอะไร หากไม่เกินความคาดหมายคงอยากจะให้ตระกูลจ้าวคอยสนับสนุนหนิงเฉินเซวียน และเป็นอริต่อนายใหญ่
แต่เขาทำไม่ได้!
อุดมการณ์ที่แตกต่าง มิอาจร่วมทางกันได้ เขากับหนิงเฉินเซวียนไม่ใช่คนในแวดวงเดียวกัน หนทางที่เดินก็ไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน
แต่ก็จำต้องช่วยลูกชาย สูญเสียลูกชายคนโตไปแล้ว เขาจะสูญเสียลูกชายคนรองไปอีกไม่ได้ คุณปู่จ้าวกัดฟันแน่น ภายในใจได้ตัดสินใจไว้แล้ว
“อิงหย่ง แกลากไอ้ตัวต่ำต้อยด้อยค่านี่ออกไป” คุณปู่จ้าวโบกมือกลาย ๆ อย่างนึกรำคาญ เขาต้องคิดให้ดีเสียก่อน
จ้าวอิงสยงรู้สึกใจชา หรือว่าพ่อจะไม่สนใจเขาจริง ๆ ?
ตกดึกจ้าวอิสยงหารือกับหานซู่ฉินทั้งคู่ต่างหน้าดำคล้ำเครียด โดยเฉพาะหานซู่ฉิน แสงเปล่งประกายและความอวบอิ่มบนใบหน้าของเธอเหมือนแต่ก่อนนั้นได้เลือนหายไปหมดสิ้น ผิวก็หย่อนคล้อย เหี่ยวเฉายิ่งกว่าเดิม จนเผยให้เห็นถึงความชรา
เรื่องที่จ้าวอิงสยงทุจริตเงินมาร่วมหลายปี แน่นอนว่าหานซู่ฉินเองก็รับรู้ แต่เธอนั้นไม่รู้ว่าจ้าวอิงสยงทุจริตมาจำนวนเท่าไหร่ และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นแขกประจำของสโมสรหมายเลขหนึ่ง
พอได้ทราบเรื่องราวเหล่านี้จากปากของจ้าวอิงสยง หานซู่ฉินไม่ได้อาละวาดแต่อย่างใด แม้ว่าอยากจะฆ่าชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ฝืนทนเอาไว้ได้ ไม่เพียงแค่ไม่ได้อาละวาด ตรงกันข้ามเธอนั้นกลับช่วยคิดหาทางออก เพื่อให้จ้าวอิงสยงก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปได้
หานซู่ฉินนั้นรู้ดีเสียยิ่งกว่าใคร เพียงแค่ช่วยปกป้องจ้าวอิงสยงไว้ เธอถึงจะสามารถเชิดหน้าชูตาต่อไปได้ หากไม่มีจ้าวอิสยง เธอก็ไม่เหลืออะไรเลย
สำหรับสิ่งที่จ้าวอิงสยงทรยศหักหลัง รอให้ผ่านพ้นจุดนี้ไปได้ก่อน อีกหน่อยเธอจะเอามันคืนมาทีละเล็กทีละน้อยแล้วกัน
………………………………………………..
ตอนที่ 1029 เกี่ยวดองกัน
“นี่พ่อไม่สนใจคุณแล้วหรอ?” หานซู่ฉินเอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม
จ้าวอิงสยงตอบกลับอย่างรำคาญ “ฉันจะไปรู้ได้ไง พ่อไม่ได้บอกว่าไม่สนแต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะสน ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว เธออย่ามาทำตัวน่ารำคาญ!”
หานซู่ฉินหัวเราะเยาะ โดยฉับพลันก็ดึงเสียงสูงจนรู้สึกหนวกหู “ฉันทำให้คุณรำคาญ? จ้าวอิงสยงคุณไปเล่นชู้กับผู้หญิงอยู่นอกบ้าน คุณทำเรื่องที่ผิดต่อฉัน ฉันพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็ไม่ได้เลยรึ?”
แม้ว่าเธอมีสติมากพอจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่สำหรับการถูกหักหลังจากสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาหลายสิบปี ความรู้สึกของหานซู่ฉินนั้นบอกให้เธอมีสติไม่ไหวอีกต่อไป เธอแค่ต้องการจะอาละวาดสักครั้ง อาละวาดให้ใหญ่โตสักครั้ง
จ้าวอิงสยงที่โดนบ่นจนเบื่อหน่าย ลอบมองภรรยาที่ทั้งอ้วนทั้งแก่และอัปลักษณ์ จึงรู้สึกหน่ายใจจนเกินจะควบคุม เลยสบถด่าไปว่า “เธอดูสภาพเธอด้วยว่าเป็นยังไง? ฉันมองแค่แวบเดียวก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว หากเธอไม่อยากไปต่อก็ได้ ไปหย่ากันตอนนี้เลย ฉันอดทนกับเธอมามากพอแล้ว!”
หานซู่ฉินรู้สึกเสียศูนย์ในทันที เธอไม่ได้มีความมั่นใจเหมือนจ้าวอิงสยง เธอในตอนนี้ไม่ใช่หญิงวัยกลางคนเสียด้วยซ้ำ หย่าร้างไปจะไปทำอะไรได้?
ต่อให้ตอนนี้จ้าวอิสยงจะโชคร้าย หานซู่ฉินก็ไม่ได้กังวล ก็แค่ทุจริตเงินแล้วก็เลี้ยงดูผู้หญิงไม่ใช่เหรอ พวกผู้ชายในแวดวงสังคมนี้มีใครบ้างที่ไม่ทำเรื่องแบบนี้?
ทุกคนต่างก็มีชีวิตที่ดีมิใช่หรือ หากว่าเบื้องบนรู้เรื่องเข้า ก็ทำหลับหูหลับตาไป น้ำที่ใสสะอาดเกินไป จักไม่มีปลามาแหวกว่ายฉันใด คนที่แยกแยะเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่าง ๆ จนชัดเจนเกินไป ก็จักไร้ซึ่งมิตรสหายฉันนั้น นายใหญ่ฉลาดถึงเพียงนี้ ไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องระยำของพวกไร้ค่าหรอก
เรื่องของจ้าวอิงสยงเล็กน้อยแค่นี้ ขอเพียงแค่คุณปู่จ้าวยอมออกหน้าให้ แค่เข้าไปพูดดี ๆ กับนายใหญ่เพียงไม่กี่ประโยคต้องไม่เป็นอะไรแน่ เธอไม่ได้โง่ถึงขั้นที่จะต้องหย่าร้างกับจ้าวอิงสยงสักหน่อย
ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะเข้ามาเชิดหน้าชูตาในตระกูลจ้าวได้ แล้วเหตุใดเธอจักต้องยอมให้ผู้หญิงคนอื่นด้วยเล่า?
แต่หานซู่ฉินกลับไม่รู้เลยว่าเรื่องของจ้าวอิงสยงนั้นไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย อีกอย่างการที่ตระกูลจ้าวจะกลับมาเชิดหน้าชูตาอีกครั้ง คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
จ้าวอิงสยงที่เห็นว่าหานซู่ฉินสงบเสงี่ยมลงจึงสบถอย่างเยาะเย้ย เขารู้ดีว่าคนอย่างหล่อนไม่มีทางจะหย่า หานซู่ฉินจะละทิ้งตระกูลจ้าวแล้วกลับไปเหยียบตระกูลหานอันโสมมได้อย่างไร?
ผู้หญิงคนนี้ฉลาดจะตายไป!
“รีบ ๆ ช่วยฉันคิด หากว่าฉันต้องซวย เธอเองก็อาจจะไม่มีชีวิตที่ดีแบบนี้ต่อไปได้อีกแน่!”
จ้าวอิงสยงยังคงมีท่าทีหยิ่งทะนง แตกต่างกับเมื่อก่อนจากภาพลักษณ์สามีที่ดีในยามที่อยู่นอกบ้านอย่างสิ้นเชิง
หานซู่ฉินนึกโกรธแค้น เพื่อเกียรติยศและชื่อเสียงเธอจะต้องอดทน ความอดทนที่ทิ่มแทงไว้…
เจ็บชะมัด!
“ในเมื่อเป็นจุดอ่อนที่เฮ่อเหลียนเช่อกุมเอาไว้ ถ้างั้นเราต้องคิดหาวิธีทำให้เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีสิ ไม่แน่ว่าถ้าเขาอารมณ์ดี อาจจะเลิกกัดคุณก็ได้” หานซู่ฉินคิดไปพลาง ๆ พร้อมเอ่ยพูด
จ้าวอิงสยงหัวเราะเยาะไปที “คนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อเอาแน่เอานอนไม่ได้ จะทำยังไงให้เขาอารมณ์ดี?”
หานซู่ฉินเองก็ไม่มีวิธี แม้แต่รูปร่างหน้าตาของเฮ่อเหลียนเช่อเธอยังไม่เคยเห็นเลย จะไปรู้ได้ยังไงว่าต้องทำอะไรให้คนคนนี้อารมณ์ดี แต่จินตนาการของผู้หญิงมักอยู่เหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะในช่วงที่หมดหนทาง
“มีสิ วิธีที่ดีที่สุดคือการหมั้นหมาย เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่เหรอ? ตระกูลจ้าวของเราต้องเกี่ยวดองกับเฮ่อเหลียนเช่อ แค่เป็นทองแผ่นเดียวกันได้ พวกเรากับเฮ่อเหลียนเช่อก็ถือว่าได้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากเขาทำร้ายคุณก็เท่ากับทำร้ายตัวเอง”
จ้าวอิงสยงดวงตาเปล่งประกาย จริงด้วย นี่นับว่าเป็นวิธีที่ดี เพียงแต่…
“พวกเราไม่มีลูกสาว จะเอาอะไรไปหมั้นหมาย?”
หานซู่ฉินมองเขาอย่างเหยียด ๆ โง่เหมือนหมูจริง ๆ เลย หากไม่ใช่เพราะเขาเกิดมาในตระกูลจ้าวนะ ผู้ชายหน้าโง่แบบนี้เธอไม่มีทางแต่งงานด้วยหรอก
“ไม่มีลูกสาว แต่ก็ยังมีหลานสาวไม่ใช่เหรอ ขอแค่แซ่จ้าวก็เพียงพอแล้ว”
หานซู่ฉินเองก็นึกเสียดายอยู่บ้าง จ้าวเหมยนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นหลานสะใภ้ของเธอ แต่บัดนี้ต้องทำเพื่ออนาคตของสามี และอนาคตแห่งความร่ำรวยและเกียรติยศของเธอ คงจำต้องทอดทิ้งหลานชายไปแล้ว
………………………………………………..