ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1040 หลอกแต๊ะอั๋ง + ตอนที่ 1041 ความคาดหวังของแม่ยาย
ตอนที่ 1040 หลอกแต๊ะอั๋ง
เหยียนหมิงซุ่นมารับเหมยเหมยที่โรงเรียนเช่นเคย เขามักจะต้องออกไปทำงานข้างนอกอยู่เป็นประจำ เวลาที่ใช้อยู่กับเหมยเหมยจึงน้อยเกินไป ช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้เขาจะไม่ยอมแยกจากเหมยเหมยเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เจียงซินเหมยกับอู่เชาต่างก็รู้เรื่องของเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่น จึงเดินแยกออกไปอย่างรู้งาน เหมยเหมยก้าวขึ้นรถด้วยความเบิกบานใจ
“ช่วงนี้ทำตัวดีขนาดนี้ อยู่ข้างนอกแอบไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม” เหมยเหมยจงใจพูดแกล้ง
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไร เขากำลังตั้งใจใส่เข็มขัดนิรภัยให้เธอ แต่มือกลับสัมผัสไปโดนหน้าอกหน้าใจของสาวเจ้าราวกับจงใจ เหมยเหมยตัวกระตุกเล็กน้อย มองไปที่ผู้กระทำความผิด กระจกรถยังไม่ได้ปิดเลย คนอื่นเห็นเข้าจะทำอย่างไร
“นั่งให้ดี ๆ ”
เหยียนหมิงซุ่นเข้าใกล้ด้วยท่าทีที่ปกติ พยายามใส่เข็มขัดนิรภัยให้เธอต่อไป แต่วันนี้ดูเหมือนเข็มขัดจะไม่ค่อยเชื่อฟัง เสียบกี่ครั้งก็ดูเหมือนจะเสียบไม่เข้า มือไม้ของเขาก็ดูเหมือนจะไปสัมผัสโดนจุดอ่อนไหวของเหมยเหมยอยู่ตลอดเวลา
“เหยียนหมิงซุ่น พี่ตั้งใจใช่ไหม เดี๋ยวฉันคาดเอง”
เหมยเหมยรู้สึกเขินอาย จนตัวยิ่งขดลงไปอีก ขดจนจะกลายเป็นกุ้งไปเสียแล้ว
“เธอคาดได้ไม่ดี ก็บอกแล้วว่าอย่าขยับ ใกล้จะได้แล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าตาท่าทีจริงจัง กล่าวโทษเหมยเหมยว่าไม่เชื่อฟัง แล้วก็พยายามคาดเข็มขัดนิรภัยที่ดูเหมือนจะไม่มีวันคาดได้ต่อไป มือของเขาก็ยิ่งซุกซนมากขึ้นกว่าเดิม
ยัยนี่ถึงขั้นกล้าแกล้งเขา เดี๋ยวนี้กล้ามากใช่ไหม แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ยัยนี่ก็ยังคงขี้กลัวเหมือนเดิม ตัวจะขดลงไปใต้เบาะได้อยู่แล้ว
เหมยเหมยก้มหน้าอยู่ จึงทำให้ไม่เห็นสายตาตลกขบขันของเหยียนหมิงซุ่น ไม่เช่นนั้นเธอคงจะรับรู้ได้แล้วว่า เธฮกำลังโดนคนบางคนแกล้งอยู่
เหมยเหมยผู้น่าสงสาร ตอนนี้เธอยังคงคิดว่าเป็นเพราะตัวเองไม่ได้นั่งดี ๆ เหยียนหมิงซุ่นจึงไม่สามารถคาดเข็มขัดให้เธอได้
“งั้นก็ไม่คาดแล้ว พี่หมิงซุ่นรีบขับรถเถอะ” เหมยเหมยเร่งเขา ถ้าหากมีเพื่อนมาเห็นล่ะก็ เธอคงไม่มีหน้าจะไปเจอใครแล้วจริง ๆ
เหยียนหมิงซุ่นมองหญิงสาวที่กำลังเขินอายบิดงอตัวเหมือนกุ้ง ก็ไม่อยากจะแกล้งเธออีกแล้ว จึงคาดเข็มนิรภัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อย เขากระซิบลงที่ข้างหูหญิงสาวว่า “เมื่อกี้กล้ามากไม่ใช่หรอ ตอนนี้ทำไมอ่อนปวกเปียกแบบนี้ล่ะ”
ลมหายที่เร่าร้อนของเขาทำให้เหมยเหมยรู้สึกมึนงง แต่เธอก็ฟังออกว่าเขากำลังพูดจาแกล้งเธออยู่ เธอโมโหมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นที่กำลังยิ้มมุมปาก ในขณะที่เธอกำลังจะโผตัวไปกัดเขานั้น เหยียนหมิงซุ่นก็มองออกไปที่นอกกระจก เหมยเหมยรีบกลับมานั่งด้วยท่าทีที่สงบนิ่งเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รอไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกลางคืนค่อยจัดการกับตาหมอนี่ ยิ่งอยู่ยิ่งร้ายขึ้นทุกวัน
เหยียนหมิงซุ่นหอมไปที่ใบหูสีชมพูของเธออย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบถอยตัวออกมา รถเคลื่อนออกไปในขณะที่เหมยเหมยกำลังนั่งกัดฟัน มุมปากของเขาแสดงให้เห็นรอยยิ้มได้ใจ
หลักจากที่รถแล่นออกจากโรงเรียนอีจง เหมยเหมยก็ไม่กลัวอะไรอีกต่อไป เธอกัดไปที่มือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเต็มแรง แต่ว่า ——
“โอ้ย…”
เหมยเหมยกุมมือไว้ที่ปาก น้ำตาปริ่มมองไปที่ใครบางคน มือของตาบ้านี่แข็งยิ่งกว่าหิน ฟันของเธอแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจด้วยความปลง เขากำลังจับพวงมาลัยอยู่ เวลาใช้แรงที่มือ กล้ามเนื้อที่มือก็จะแข็งตัว ยัยโง่นี่หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ
มองเห็นสายตาร้องทุกข์ของเหมยเหมยแล้วเขาก็ใจอ่อน เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอีกครั้ง แล้วยื่นมือขวาออกไป ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เหมยเหมยได้ใจ ทำท่ากัดลงไปอย่างเต็มแรง
ดูแล้วเหมือนจะใช้แรงมาก แต่จริง ๆ เป็นการกัดเพียงเบา ๆ เท่านั้น สำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้ว แค่รู้สึกคัน ๆ ชา ๆ ก็เท่านั้นเอง ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว
ยัยโง่นี่กำลังอ่อยเขาอยู่นะ รู้ตัวบ้างไหม
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา เหมือนจะลืมล้างมือ…” เหยียนหมิงซุ่นจงใจพูดแกล้ง
เหมยเหมยชะงักในทันที สะบัดมือของเขาออก แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ เหยียนหมิงซุ่น พี่มันน่ารังเกียจ”
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกได้ใจจนต้องผิวปากออกมา เขาลูบหัวยัยสิงโตน้อยที่กำลังพองขนเบา ๆ เขาไม่รู้สึกเลยว่าการโกหกหลอกแต๊ะอั๋งแฟนตัวเองเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจแม้แต่น้อย
แฟนที่ดูโง่ ๆ ก็มีไว้ให้หลอกแต๊ะอั๋งไม่ใช่เหรอ
…………………………………………..
ตอนที่ 1041 ความคาดหวังของแม่ยาย
เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยส่งถึงบ้านโดยที่เขาไม่ได้กลับบ้านแต่เลือกอยู่ต่อ เขาต้องคุยกับจ้าวอิงหัวเสียหน่อย
“คุณรู้แผนของหานซู่ฉินแล้วสินะ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างตรงไปตรงมา
จ้าวอิงหัวพยักหน้าจริงจัง “โทรมาแล้วแต่ฉันปฏิเสธไป”
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “หานซู่ฉินไม่ยอมแพ้แน่นอน ตอนนี้นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะคิดได้ เพื่อที่เธอจะได้รักษาตำแหน่งตัวเองไว้ ซึ่งย่อมทำได้ทุกวิถีทาง”
“ไว้ใจได้ ฉันไม่มีทางเสียสละลูกสาวของฉันเพื่อตระกูลอะไรนั่นหรอก!” จ้าวอิงหัวพูดดั่งให้คำสาบาน เมื่อนั้นเขาไม่ยินยอมที่จะเสียสละน้องสาวอย่างไรบัดนี้ก็ยิ่งไม่มีวันยอมเสียสละตัวลูกสาวไปเช่นกัน!
เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจกับท่าทีของจ้าวอิงหัวแล้วก็พึงพอใจอย่างมาก เขาพูดเป็นเชิงเตือน “กลัวก็แต่หานซู่ฉินกับจ้าวอิงสยงอับจนหนทางแล้วจะทำได้ทุกอย่าง แต่คุณก็ไว้วางใจได้ ผมไม่มีวันให้เหมยเหมยเป็นอะไรไปแน่นอน”
จ้าวอิงหัวยื่นมือตบบ่าเหยียนหมิงซุ่นหนักๆ แล้วตอบเป็นเชิงขอบคุณ “ขอบคุณ!”
“เหมยเหมยเป็นว่าที่ภรรยาของผมในอนาคต การที่ผมปกป้องเธอเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว!”
เหยียนหมิงซู่นไม่คิดจะปิดบังความอยากครอบครองของเขาที่มีต่อเหมยเหมยสักนิดจนจ้าวอิงหัวชะงักไปพักใหญ่ กัดฟันกรอดจนเกิดเสียงดัง อยากจะต่อยไปสักหมัดจริงๆ
กล้าคิดไม่ซื่อกับลูกสาวต่อหน้าเขา เจ้าหมอนี่เหิมเกริมนัก!
แล้วทำไมเขาถึงชื่นชมนิสัยเจ้าหมอนี่นักล่ะ!
จ้าวอิงหัวที่ทั้งรักทั้งเกลียดปรึกษากับเหยียนหมิงซุ่นที่ห้องทำงานเกือบหนึ่งชั่วโมง เหยียนซินหย่ากับเหมยเหมยเตรียมอาหารเย็นที่ห้องครัว ว่าที่ลูกเขยในอนาคตมาทานข้าวทั้งทีเหยียนซินหย่าแทบจะจัดโต๊ะอาหารเป็นหมั่นฮั่นฉวนสีให้รู้แล้วรู้รอด![1]
“เหมยเหมย หมิงซุ่นอยู่ในค่ายทหารเป็นยังไงบ้าง? แม่เห็นว่าเขาคล้ำขึ้นเยอะ ลำบากมากเลยใช่มั้ย?” เหยียนซินหย่าถามอย่างเป็นห่วง
เหมยเหมยหัวเราะอย่างระอา “แม่ถามหนูแล้วจะให้หนูไปถามใคร? หนูไม่ได้จับตาดูอยู่ในค่ายทหารสักหน่อย เดี๋ยวแม่ไปถามพี่หมิงซุ่นเองสิ”
เหยียนซินหย่ายิ้มเก้อ นั่นน่ะสิ เธอนี่สติเลอะเลือนจริงๆ
“แล้วตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นทำงานตำแหน่งอะไรเหรอ? เขาไม่ใส่ชุดทหารเลยไม่รู้ตำแหน่งของเขา”
เหยียนซินหย่าเริ่มลังเล แม้เธอไม่ใช่แม่ยายที่มักใหญ่ใฝ่สูงแต่นี่เกี่ยวโยงถึงความสุขตลอดชีวิตของลูกสาว เธอต้องหวังอยากให้เหยียนหมิงซุ่นได้ดิบได้ดีในค่ายทหารไต้เต้าขึ้นตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งดี!
เหมยเหมยแสร้งพูดหยอก “แม่คะ พี่หมิงซุ่นเพิ่งเป็นทหารได้สามปีจะมีตำแหน่งอะไร ก็ยังเป็นแค่ทหารธรรมดาคนหนึ่ง!”
เหยียนซินหย่าผิดหวังเล็กน้อย นับนิ้วพึมพำเอง “สิบเจ็ด…จบมหาวิทยาลัยอย่างน้อยต้องทำงานสองสามปีก็อีกหกเจ็ดปี หกเจ็ดปีตอนนั้นน่าจะได้เป็นนายร้อยแล้วสินะ…”
เหมยเหมยได้ยินจนมึนเลยถามด้วยความแปลกใจ “แม่พึมพำอะไรคะ? อะไรคือนายร้อยนายสิบ?”
เหยียนซินหย่าตักซุปกระดูกซี่โครงใส่กระเทียมเจียวเสร็จสรรพ “เปล่า ลูกยกนี่ออกไปแล้วเรียกพวกคุณพ่อมาทานข้าว พอคุยแล้วก็ไม่จบไม่สิ้น!”
เหมยเหมยยิ้มคิกคักพลางหยิบกระดูกซี่โครงหนึ่งชิ้นมาแทะก่อนจะไปเรียกอีกสองคน
ขณะทานข้าวเหยียนซินหย่าคีบผักให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างอดไม่ได้ กระตือรือร้นเสียจนจ้าวอิงหัวนึกอิจฉาและแสร้งทำเป็นไอตลอดคืนก็ยังไม่มีใครสนใจเขา ผู้หญิงในบ้านทั้งสองคนไม่ว่าในสายตาหรือหัวใจต่างมีแต่เหยียนหมิงซุ่น จะว่างมาสนใจเขาเสียที่ไหนกันล่ะ
จ้าวอิงหัวที่อัดอั้นอยู่เต็มอกหลังทานข้าวก็ไปนั่งดูโทรทัศน์อย่างไม่พอใจ คร้านจะส่งใครบางคนที่ขัดหูขัดตาเขา เหยียนซินหย่าให้เหมยเหมยเก็บถ้วยชามโดยที่ตัวเองไปส่งเหยียนหมิงซุ่นตรงลานหน้าบ้าน
“หมิงซุ่นเอ้ย น้าคิดว่าหลายปีนี้เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วหน่อยก็ได้นะ ยังไงก็น่าจะไปถึงตำแหน่งนายร้อยสินะ น้าคิดว่าเธอต้องทำได้แน่ๆ” เหยียนซินหย่าพูดเสียงอันเบาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจอย่างไม่มีเหตุผล
………………………..
[1] หมั่นฮั่นฉวนสี โต๊ะอาหารจีนหลวงสำหรับฮ่องเต้ในยุคราชวงศ์ชิงที่มีทั้งอาหารแมนจูและชาวฮั่น