ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1042 ความละโมบโลภมาก + ตอนที่ 1043 เปลี่ยนกฎ
ตอนที่ 1042 ความละโมบโลภมาก
เหยียนหมิงซุ่นชะงักงันและไม่เข้าใจความหมายเหยียนซินหย่าไปชั่วขณะ เท่าที่เขาดูเหยียนซินหย่าไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูงแบบนั้นและไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ ทำไมจู่ๆ ก็เรียกร้องให้เขาเป็นถึงนายร้อยล่ะ?
แน่นอนว่าตำแหน่งของเขาในตอนนี้เหนือกว่านายร้อยไปหลายขั้นแล้ว!
เหยียนซินหย่าเห็นเหยียนหมิงซุ่นเงียบไปเลยคิดว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีเลยรีบอธิบายด้วยความรู้สึกผิดชั่วขณะ “หมิงซุ่นอย่าเข้าใจฉันผิดไปนะ ฉันไม่ได้บอกว่าเธอจะต้องทำให้ได้ แค่ให้พยายามทำให้ได้”
เหยียนหมิงซุ่นจงใจถาม “ทำไมล่ะครับ? คุณน้ารู้สึกว่าตำแหน่งของผมไม่คู่ควรกับเหมยเหมยเหรอ?”
เหยียนซินหย่าส่ายศีรษะรัว “ไม่ใช่อยู่แล้ว ความหมายของฉันคือหมิงซุ่นต้องคิดถึงชีวิตในอนาคต ฉันได้ยินมาว่าถ้าแต่งงานกับทหารต้องมีตำแหน่งระดับนายร้อยขึ้นไปถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ไม่อย่างนั้นสองสามีภรรยาต้องแยกกันอยู่สองที่ อนาคตถ้าเธอไม่ได้เป็นนายร้อย เหมยเหมยชีวิตต้องลำบากแน่!”
เหยียนหมิงซุ่นชะงักงัน ว่าที่แม่ยายในอนาคตคนนี้ของเขาช่างมีความคิดที่กระโดดก้าวไปไกลเหลือเกิน ทำไมโยงไปถึงเรื่องติดตามสามีที่ค่ายทหารไปได้ล่ะ?
แต่เขาชอบคุยประเด็นนี้ แบบนี้ดูเหมือนว่าเขาจะชนะใจว่าที่แม่ยายในอนาคตได้แล้วสิ?
“น้าเหยียน น้าตกลงให้เหมยเหมยแต่งงานกับผมแล้วเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเพื่อเป็นการยืนยันเสียงเบา
เหยียนซินหย่ามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างตกตะลึง ความคิดสี่มิติฉบับศิลปินของเธอทำให้เธอคิดไปถึงเรื่องอื่นเลยอดทำหน้าบึ้งตึงไม่ได้ตวาดไปว่า “หมิงซุ่นเธอหมายความว่ายังไง? หรือว่าเธอแค่คิดเล่นๆ กับเหมยเหมย? ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ เธอรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วห้าม…”
เหยียนหมิงซุ่นปวดหัวเอามือกุมหน้าผาก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แม่ยายของเขาไร้เหตุผลยิ่งกว่าเหมยเหมยเสียอีก!
เพิ่งปลอบประโลมใจเหยียนซินหย่าได้ทั้งทีเหยียนหมิงซุ่นก็รีบสารภาพความในใจอันภักดีไม่เคยคิดจะนอกลู่นอกทางที่เขามีต่อเหมยเหมยออกไป สร้างความพึงพอใจแก่เหยียนซินหย่าอย่างมากเลยตอบกลับ “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นเด็กดี แต่ไปอยู่ค่ายทหารก็ตั้งใจเข้านะ พยายามให้ได้ตำแหน่งนายร้อยภายในหกปีล่ะ!”
เหยียนหมิงซุ่นมองเหยียนซินหย่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก็หูผึ่ง หกปี? ทำไมถึงเป็นหกปีล่ะ?
กฎหมายกำหนดว่าผู้หญิงแต่งงานได้ตั้งแต่อายุยี่สิบนี่!
“น้าเหยียน สามปีต่างหาก ภายในสามปีผมต้องเป็นนายร้อยได้แน่ๆ” เหยียนหมิงซุ่นทำสีหน้าแน่วแน่
เหยียนซินหย่ากลับไม่เข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่นแถมยังดีใจแทนนึกว่าเขามีความมุ่งมั่น หลังส่งเหยียนหมิงซุ่นกลับไปเธอเดินกลับเข้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จ้าวอิงหัวกระแอมเสียงไอด้วยความหึงหวงเพื่อสื่อถึงความไม่พอใจอย่างหนักหน่วงของเขา
“คุณเป็นหวัดหรือเปล่า? ฉันเห็นคุณไอตลอดคืนเลย ฉันไปต้มน้ำสาลี่ใส่น้ำตาลกรวดให้แล้วกัน!” เหยียนซินหย่าว่าแล้วก็หมายจะเข้าไปต้มน้ำสาลี่ใส่น้ำตาลกรวดในห้องครัว
จ้าวอิงหัวรีบห้ามเธอไว้ “ไม่เป็นไร ก็แค่กับข้าวเค็มไปหน่อย คุณมาดูทีวีเป็นเพื่อนผมหน่อย เมื่อกี้ทำไมไปส่งนานขนาดนี้ คุณคุยอะไรกับเหยียนหมิงซุ่นบ้าง?”
เหมยเหมยที่กำลังล้างถ้วยอยู่ในครัวก็หูผึ่ง เธอเองก็อยากรู้มากเหมือนกัน!
“ไม่มีอะไร แค่ให้หมิงซุ่นตั้งใจทำงานในค่ายทหาร พยายามให้คว้าตำแหน่งนายร้อยเร็วๆ” เหยียนซินหย่ากดเปลี่ยนช่องข่าวเป็นช่องฉายละครน้ำเน่าจากไต้หวัน ช่วงนี้เธอกำลังติดตามอยู่ เสียน้ำตาไปเป็นโอ่งได้
จ้าวอิงหัวไม่เข้าใจเลยถามภรรยาว่าหมายความว่าอย่างไร เหยียนซินหย่าเขม่นตาใส่เขาแวบหนึ่ง “ต้องเป็นนายร้อยถึงจะอนุญาตให้ภรรยาติดตามไปอยู่ค่ายทหารได้ไง ถ้าเหมยเหมยแต่งงานกับหมิงซุ่นแล้วติดตามไปด้วยไม่ได้ ลูกสาวเราก็ต้องเป็นหม้ายน่ะสิ”
เหมยเหมยในห้องครัวหน้าแดงก่ำทันทีแทบจะทำจานลื่นมือตกพื้น แม่ของเธอความคิดก้าวกระโดดเกินไปล่ะมั้ง นี่ยังห่างจากวัยแต่งงานเธออีกตั้งหลายปี!
จ้าวอิงหัวอารมณ์พุ่งปรี๊ดจนเผลอสำลักไอติดกันหลายครั้งเสียงแทบขาดใจ เหยียนซินหย่าลูบหลังให้เขาทั้งบอกเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นให้คำมั่นสัญญาสามปีไปด้วย พูดชมว่า “หมิงซุ่นช่างเป็นคนที่มีอุดมการณ์จริงๆ!”
“แค่กแค่กแค่ก…”
จ้าวอิงหัวโกรธจนอารมณ์เปลี่ยนตามไม่ทันและยิ่งไอหนักกว่าเดิม ภรรยาของเขาใสซื่อเกินไปแม้แต่ความละโมบของเหยียนหมิงซุ่นยังดูไม่ออก สามปีคิดจะแต่งงานกับลูกสาวเขางั้นเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
………………………….
ตอนที่ 1043 เปลี่ยนกฎ
ตกดึกเหมยเหมยก็ได้รับสายจากทนายหม่าว่าหลินเจิ้นกั๋วมาถึงแล้วและอยากเจอเธอสักครั้งในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ ดูเหมือนว่าหลินเจิ้นกั๋วจะใจร้อนน่าดู!
เหมยเหมยคิดๆ แล้วก็ตอบตกลงไปแล้วโทรหาเหยียนหมิงซุ่น เขาพักอยู่แถบอีจง พรุ่งนี้ไปเป็นเพื่อนเธอได้พอดี
แม้เหยียนหมิงซุ่นจะมีบ้านในเมืองจินหลายแห่งแต่ทุกครั้งที่เขากลับเมืองจินก็ต้องไปพักกับคุณปู่คุณย่าเสมอ ห่างกันไปสามปีคนแก่ตระกูลเหยียนสองคนค่อยๆ ยอมรับความจริงที่ว่าหลานชายไปเป็นทหารได้ทีละนิดและไม่ตื๊อเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยอีก
เพียงแต่เหยียนโฮ่วเต๋อกลับไม่ยอมยกโทษให้ลูกชายคนโต ไม่เคยมีจดหมายสักฉบับตลอดสามปีที่ผ่านมา ยิ่งอย่าพูดถึงโทรหาเลย เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกมาถึงจุดเยือกเย็น
หลินเจิ้นกั๋วอายุราวหกสิบกว่าปีโดยมีผมหงอกขาวทั้งสองข้างบ่งบอกช่วงอายุอย่างชัดเจน หน้าตาคล้ายคลึงกับหลานชายคุณหลินอย่างมาก ตามที่ว่ามาคือภรรยาของหลินเจิ้นกั๋วเสียชีวิตท่ามกลางเหตุการณ์จลาจลครานั้น คนที่รอดมีเพียงเขากับหลานชายหลินฮั่นเหวินสองคน
ทนายหม่าเองก็มาถึงแล้ว หลินเจิ้นกั๋วเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา อ้าปากก็ถามเหมยเหมยเลยว่าสามารถจ่ายได้เท่าไรด้วยสีหน้าระอาเต็มทน
“ผมก็ไม่คิดจะปิดบังคุณจ้าว สถานการณ์ซิงซิงในตอนนี้แย่มาก เดิมทีผมกะจะอาศัยหนังสือของคุณจ้าวมาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แต่เงินกู้ที่คุยไว้กับธนาคารไม่สำเร็จ ซิงซิงมาถึงทางตันแล้ว” หลินเจิ้นกั๋วยิ้มกล่าวออกมาอย่างขมขื่น
เหมยเหมยถึงบางอ้อทันที มิน่าถึงได้รีบร้อนนัก!
เธอชี้ไปยังเหยียนหมิงซุ่นแล้วกล่าว “คุณหลินคุยกับเขาแล้วกัน เขาสามารถจัดการเรื่องของฉันได้อย่างมีอำนาจเต็มที่”
เรื่องที่ต้องใช้สมองเหล่านี้ให้เหยียนหมิงซุ่นทำแล้วกัน มีเรื่องก็ให้แฟนหนุ่มจัดการไง!
เดิมทีหลินเจิ้นกั๋วยังคิดจะใช้ท่าทีเรียกร้องความเห็นใจต่อหน้าแม่หนูคนนี้เพื่อหลอกเงินให้มากกว่านี้เสียหน่อย กลับไม่คิดว่าเหมยเหมยจะพาเหยียนหมิงซุ่นมาด้วย แค่เห็นผู้ชายคนนี้ก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ!
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามองไม่ผิด เหยียนหมิงซุ่นหาเรื่องไม่ง่ายเลยจริงๆ แค่ไม่กี่ประโยคก็สามารถแบ่งหุ้นของซิงซินไปถึงร้อยละสามสิบกลายเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่รายที่สองรองจากหลินเจิ้นกั๋ว
ส่วนหนังสือเล่มนั้นของเหมยเหมย การช่วยตีพิมพ์หนังสือแทนหุ้นส่วนยังมีหน้ามาแบ่งค่าตอบแทนครึ่งครึ่งอีกหรือ?
แน่นอนว่าต้องสี่ต่อหก เหมยเหมยหกส่วนซิงซิงสี่ สี่ส่วนนี้ซิงซิงยังต้องนับรวมโบนัสรายปีที่ต้องแบ่งให้เหมยเหมยอีกด้วย
เหมยเหมยยังพกหนังสือรวมบทความสองเล่มของเจ้าอ้วนน้อยมาให้หลินเจิ้นกั๋วอ่านผ่านๆ ตาอีกต่างหาก
“นี่เป็นหนังสือของเพื่อนฉันคุณชายน่าหลัน นามปากกาของเขาพวกคุณน่าจะเคยได้ยิน นี่เป็นนักเขียนมือใหม่ที่ผงาดขึ้นในสามปีนี้ เป็นคนรุ่นเดียวกับฉันแต่ภาษาการเขียนกลับดูเป็นผู้ใหญ่ น่าจะมีตลาดรองรับ”
เหมยเหมยเน้นย้ำอายุของเจ้าอ้วนน้อย นี่เป็นคำเกริ่นที่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักอ่านชั้นดีเชียว
ชาติก่อนเธอเห็นนักเขียนบางส่วนที่ใช้ชื่อนามปากกาว่า ‘นักเขียนสาวงาม’ หรือ ‘นักเขียนหนุ่มน้อย’ แล้วได้ความสนใจอย่างล้นหลาม
เจ้าอ้วนน้อยเป็นคนมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ต่อให้ต้องขายภาพลักษณ์ก็ไม่มีอะไรมาก ความสามารถที่แท้จริงไม่ต้องกลัวอุปสรรค!
หลินเจิ้นกั๋วไม่ได้อ่านหนังสือ เขาพูดด้วยความตกใจ “บทความของคุณชายน่าหลันผมเคยอ่านมานานแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะเป็นเพื่อนของคุณจ้าวแล้วยังอายุน้อยขนาดนี้ ช่างเป็นเด็กที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยจริงๆ!”
หลินฮั่นเหวินพูดเสริม “ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะเงินทุนไม่เอื้ออำนวยผมอยากเซ็นสัญญาหนังสือของคุณชายน่าหลันไว้ด้วย วงการนักเขียนในฮ่องกงตลอดหลายปีมานี้ขาดคนมีความสามารถเลยต้องการนักเขียนรุ่นใหม่อย่างคุณจ้าวกับคุณชายน่าหลันมากๆ”
เหมยเหมยยิ้มตอบ “เงินไม่ใช่ปัญหา ก็วางจำหน่ายพร้อมกันเลยแล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณชายน่าหลันมาเซ็นสัญญากับคุณ ส่วนแบ่งครึ่งต่อครึ่ง หลังจากนั้นถ้าซิงซิงเซ็นสัญญากับนักเขียนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ก็แบ่งกันครึ่งครึ่งทุกกรณี”
มีเงินคือพระเจ้า ต่อให้เธอใช้เงินตบหัวก็ต้องเปลี่ยนกฎต่ำทรามของทางนั้นให้ได้!
เหอะ กินข้าวของจีนแผ่นดินใหญ่ ดื่มน้ำจากจีนแผ่นดินใหญ่แต่ยังดูถูกคนจีนแผ่นดินใหญ่ ช่างหาเรื่องให้ด่าเสียจริง!
…………………………