ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1052 สั่งสอนเจ้าโง่ที่ไม่เคารพพี่สะใภ้อย่างนาย + ตอนที่ 1053 แผนของอู่เยวี่ย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1052 สั่งสอนเจ้าโง่ที่ไม่เคารพพี่สะใภ้อย่างนาย + ตอนที่ 1053 แผนของอู่เยวี่ย
ตอนที่ 1052 สั่งสอนเจ้าโง่ที่ไม่เคารพพี่สะใภ้อย่างนาย
เหยียนหมิงต๋าไม่กล้าฝืนคำสั่งพี่ชายเลยหยุดอยู่กับที่อย่างเชื่อฟัง อู่เยวี่ยหันกลับมามองเขาแวบหนึ่งกัดฟันแล้วเดินจากไป
เหยียนหมิงซุ่นเดินมาใต้ซุ้มองุ่นก่อนถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับอู่เยวี่ย?”
เหยียนหมิงต๋าเล่าเรื่องอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นเขาไม่กล้าโกหกแม้แต่คำเดียวแต่เพราะใจที่เอนเอียงไปทางอู่เยวี่ยเลยใส่สีตีไข่ไปบ้าง
“พี่ใหญ่ จ้าวเหมยทำเกินไปแล้ว เธอ…”
‘เพี้ยะ…’
เหยียนหมิงซุ่นตวัดฝ่ามือใส่จนเหยียนหมิงต๋าล้มไปกองกับพื้น ครึ่งหนึ่งของใบหน้าเริ่มปูดบวมและมีเลือดที่มุมปาก
คุณยายหยางลุกขึ้นหมายจะห้ามเหยียนหมิงต๋าแต่ถูกคุณตาเหยียนห้ามไว้โดยการใช้สายตาตักเตือน คุณยายหยางเลยจำเป็นต้องกลับมานั่งที่เดิมและยิ่งไม่พอใจต่ออู่เยวี่ยกว่าเก่า
ทุกอย่างเป็นเพราะเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงทำให้หมิงต๋าเดือดร้อน เฮ้อ ทำไมหมิงต๋าต้องแขวนคอตายอยู่บนต้นไม้อย่างอู่เยวี่ยต้นเดียวด้วยนะ !
“พี่ใหญ่…”
เหยียนหมิงต๋าขานเรียกชื่อออกมา ใบหน้าเริ่มแสบร้อนและเจ็บจนน้ำตาไหลพราก
เมื่อก่อนพี่ใหญ่เคยให้เขานั่งจักรยานของอู่เจิ้งซือเพราะจ้าวเหมยถึงขนาดก้นสะท้านจนปวดไปหมด ตอนนี้ยิ่งลงไม้ลงมือกับเขาเพราะจ้าวเหมย ฮือ…พี่ใหญ่ยังไม่ทันแต่งงานก็ทอดทิ้งน้องชายแล้ว!
“รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงตีนาย?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงนิ่ง
“รู้…ซู้ด…ฉันไม่ควรนินทาจ้าวเหมย…” เหยียนหมิงต๋าตอบเสียงเบาแต่ก็โดนตบหน้าอีกฟากหนึ่ง ดีล่ะสิทีนี้ บวมเป่งทั้งสองข้างเหมือนหมูเลย
เหยียนหมิงซุ่นมองน้องชายตัวเองอย่างนึกขุ่นใจว่าเจ้าหมอนี่ได้สมองมาจากใคร?
หมูยังฉลาดกว่าเขาเลย!
เขาเป็นคนที่จะลงไม้ลงมือกับพี่น้องตัวเองเพราะผู้หญิงคนเดียวหรือ?
แน่นอนว่าใจเขาเองก็มีความไม่พอใจ เจ้าน้องชายโง่คนนี้ไม่รู้จักเคารพว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตสักนิด แต่คำพูดแบบนี้จะพูดต่อหน้าคุณปู่คุณย่าได้หรือ?
“ฉันเคยเตือนนายไว้แล้วว่าห้ามไปมาหาสู่กับอู่เยวี่ย นายทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดฉันเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเย็น
คุณยายหยางที่ทนไม่ไหวแต่แรกรีบด่าแทรกเข้ามา “หมิงต๋าทำไมหลานไม่ฟังเลย เป็นเด็กดีเชื่อฟังที่พี่พูดนะ อยู่ให้ห่างจากอู่เยวี่ยหน่อย ดูสิว่าหลานซ้ำชั้นเพราะอู่เยวี่ยไปแล้ว!”
“ซ้ำชั้นเพราะผมสมยอมเอง ไม่เกี่ยวกับเยวี่ยเยวี่ย!”
เหยียนหมิงต๋าเถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ยอมแพ้
ตุบตับตุบตับ…
รอบนี้คนลงไม้ลงมือคือคุณตาเหยียน เขาโกรธจนตัวสั่นระริกเลยเตะเหยียนหมิงต๋าไปหลายที แต่เพราะอายุที่มากแล้วสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย หมัดเท้าที่โดนตัวเหยียนหมิงต๋าเลยไม่ค่อยสะทกสะท้านเท่าไร
เหยียนหมิงซุ่นพยุงให้คุณปู่นั่งลงแล้วจ้องน้องชายที่ไม่รู้จักสำนึกผิดอยู่ครู่ใหญ่ มองจนเหยียนหมิงต๋าหวาดเสียวในใจ ขนลุกขนพองไปหมด
“ตั้งแต่พรุ่งนี้มากินข้าวเที่ยงที่บ้าน ยกเลิกเงินค่าขนม!”
เหยียนหมิงต๋าอยากจะแย้ง เวลาอาหารกลางวันเป็นเพียงเวลาเดียวที่เขาจะได้เข้าใกล้เยวี่ยเยวี่ยในระยะประชิด หากเงินค่าขนมถูกยกเลิกไปเขาจะซื้อของขวัญให้เยวี่ยเยวี่ยอย่างไร?
แต่ยามเขาสบสายตาเย็นยะเยือกของพี่ชายของตนความกล้าเท่าลูกหมาก็มลายหายไปทันทีไม่กล้าแม้แต่ปริเสียงออกมา รับขานไปอย่างเชื่อฟังก่อนจะแบกหน้าที่ปูดบวมเหมือนหัวหมูไปเรียนหนังสือ
รอเหยียนหมิงต๋าเดินไปไกลแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็บอกคนแก่อีกสองคนว่า “ปีหน้าให้หมิงต๋าไปเกณฑ์ทหาร”
คุณตาเหยียนเงียบส่วนคุณยายหยางดูท่าทางไม่ยินยอมเท่าไรนัก หลานคนโตไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ไปเป็นทหารเสียก่อน ตอนนี้หลานคนเล็กก็จะไม่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อไปเป็นทหารเหมือนกัน หรือว่าตระกูลเหลียนจะเข้าสู่สายอาชีพทหารกันแล้วหรือ?
เหยียนหมิงซุ่นรู้ทันความคิดของคนแก่ทั้งสองเลยถาม “จากคะแนนของหมิงต๋าคุณปู่คุณย่าคิดว่าเขาเหมาะกับเดินสายไปทางการเรียนเหรอ?”
คนแก่ทั้งสองถอนหายใจ หลานชายตัวเล็กคะแนนแย่ไปหน่อยหากไม่ได้โควตานักกีฬาเกรงว่าสอบมหาวิทยาลัยก็ไม่ติดด้วยซ้ำ คนแก่สองคนมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นอย่างขุ่นเคือง คนสอบได้กลับไม่สอบ เฮ้อ!
เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจพลางกล่าวเตือน “ถ้าหมิงต๋าอยู่เมืองจินต่อไปกลัวว่าจะต้องพัวพันกับอู่เยวี่ยไปตลอดชีวิต หรือว่าพวกท่านอยากได้อู่เยวี่ยมาเป็นหลานสะใภ้?”
ทั้งคู่ตัวสะท้านเฮือกแล้วส่ายหน้าปฏิเสธอย่างขันแข็งทั้งพูดขึ้นพร้อมกัน “ตกลงตามนี้ ปีหน้าให้หมิงต๋าไปเกณฑ์ทหาร!”
…………………………..
ตอนที่ 1053 แผนของอู่เยวี่ย
เหมยเหมยที่กลับถึงห้องเรียนรู้สึกได้ถึงสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมของเหล่าเพื่อนร่วมห้องเลยยิ้มส่ายศีรษะ สุดท้ายก็เกิดกำแพงขึ้นจนได้!
แต่เธอไม่สนใจเท่าไรในเมื่อเธอไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนร่วมห้องมากนัก ไม่แม้แต่จะสนทนากันด้วยซ้ำ ส่วนจะเกิดกำแพงกั้นหรือเปล่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเธอ
ไม่นานเหยียนหมิงต๋าก็กลับเข้าห้องเรียนในสภาพหน้าบวมเป่ง เห็นเหมยเหมยแล้วรีบหลบสายตาเอาแต่ก้มหน้างุด
เหมยเหมยหัวเราะเงียบๆ แค่ดูก็รู้ว่าถูกเหยียนหมิงซุ่นสั่งสอนมา คุณปู่เหยียนไม่ได้แรงเยอะขนาดนั้น ความรู้สึกที่มีโล่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังแถมยังเป็นที่รักใคร่อย่างไร้ขีดจำกัดแบบนี้เรียกให้เหมยเหมยรู้สึกหวานชื่นไปถึงใจ
กลางคืนให้รางวัลหน่อยแล้วกัน อือฮึ!
คนที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงยังมีโอหยางซานซาน เหล่าแฟนคลับตัวยงที่เคยรักเธออย่างไร้สตินั้นจู่ๆ ก็น้อยลงไปมากทีเดียว ถึงขั้นมีคนแอบนินทาเธอลับหลังไหนจะสายตาที่คอยหลบหลีกอยู่ตลอด
“มิน่าโอหยางซานซานที่เขียนหนังสือตีพิมพ์ได้ ที่แท้พ่อของเขาก็ดูแลสำนักพิมพ์อยู่สินะ ชิ…ฉันนึกว่าเธอจะมีความสามารถมากขนาดไหนเชียว!”
“นั่นสิ ถ้าพ่อฉันมีตำแหน่งใหญ่โตแบบนั้นก็ต้องได้ตีพิมพ์หนังสือด้วยกันแน่!”
“แต่บทความของรุ่นพี่โอหยางเขียนได้ดีจริงๆ นี่นา!” แฟนคลับตัวจริงต่างออกเสียงท้วงแทนไอดอลของพวกเขา
“ทั้งประเทศมีคนตั้งมาก คนเขียนดีมีถมเถไป ถึงคราวที่โอหยางซานซานตีพิมพ์หนังสือแล้ว? นั่นก็เพราะเธอมีพ่อที่ดีไง!”
“ใช่ มีพ่อที่ดีก็ไม่ต้องสู้ไปอีกสามสิบปี เฮ้อ…อิจฉาจัง!”
……
โอหยางซานซานเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่ถมึงทึง
ยายจ้าวเหมย!
ช่วงหัวค่ำกลับถึงบ้านโอหยางซานซานก็รีบฟ้องสิ่งที่ตัวเองเจอมาเมื่อกลางวันให้หวงอวี้เหลียนฟัง หวงอวี้เหลียนย่อมเจ็บใจอยู่แล้ว แววตาแปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน
“ซานซานอย่าเสียใจไป แม่จะต้องแก้แค้นแทนลูกแน่ๆ ลูกอดทนไว้ก่อน ไม่นานตระกูลจ้าวก็จะเจอดีแล้ว!”
“ต้องอีกนานแค่ไหน ตอนนี้หนูเห็นจ้าวเหมยก็อารมณ์เสียแล้ว แม่คะ แม่รีบไล่เธอไปจากอีจงสิ หนูไม่อยากเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอ…” โอหยางซานซานทั้งร้องทั้งโวยวาย
หวงอวี้เหลียนได้แต่ใช้คำพูดดี ๆ ปลอบประโลม เธอมีความสามารถขับไล่จ้าวเหมยเสียที่ไหน ตอนนี้จ้าวอิงหัวยังเป็นคนคุมเมืองจินอยู่จะแข็งชนแข็งไม่ได้ เธอยังไม่โง่ถึงขั้นนั้น
“ซานซานเป็นเด็กดีนะ สองวันถัดจากนี้แม่ได้โทรนัดสัมภาษณ์ช่องหนึ่งให้ลูก ลูกรีบตั้งสติ ขอแค่ลูกฟังแม่ อนาคตลูกต้องสบายกว่าจ้าวเหมยร้อยเท่า!”
หวงอวี้เหลียนปลอบไปอีกสักพักโอหยางซานซานถึงยิ้มออก รอคอยวันที่จ้าวเหมยตกอับ
ถึงตอนนั้นเธอจะต้องเอาคืนจ้าวเหมยให้สาสม!
อู่เยวี่ยไปหาอู่เจิ้งซือหลังเลิกเรียนอีกวันถัดจากนั้น เมื่อวานสภาพเธอย่ำแย่ขนาดนั้นหากไปแล้วต้องโดนอู่เจิ้งซือรังเกียจแน่
บริษัทของอู่เจิ้งซือเป็นบริษัทสื่อและความบันเทิงแห่งหนึ่งที่มีนักแสดงชื่อดังมากมายสังกัดอยู่โดยมีเจ้านายเป็นเหมยซูหาน แต่ปกติล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของเขา อีกอย่างเหมยซูหานดีกับเขามาก แบ่งหุ้นส่วนให้เขาถึงร้อยละสิบ แค่โบนัสก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ
ในต้นยุคเก้าศูนย์บริษัทคล้ายๆ สื่อและบันเทิงแบบนี้ยังมีน้อยนัก เหมยซูหานก่อตั้งบริษัทสื่อและบันเทิงนี้ได้เพราะอาศัยความทรงจำเศษเสี้ยวในฝันทั้งนั้นซึ่งความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาตัดสินใจไม่ผิด อาศัยดารานักแสดงชื่อดังเหล่านั้นก็กอบโกยผลประโยชน์ให้บริษัทได้เต็มๆ
อู่เยวี่ยแต่งกายสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์และปล่อยผมสยาย เพราะใส่เครื่องช่วยฟังอยู่ไม่ว่าอากาศร้อนแค่ไหนก็ต้องปล่อยผมสยาย
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ?”
อู่เยวี่ยที่กำลังจะผลักประตูห้องผู้จัดการใหญ่ก็ถูกหญิงสาวในชุดทำงานตัวอ้อนแอ้นหน้าตาสะสวยคนหนึ่งขวางไว้และยิ้มอย่างมีมารยาททว่าห่างเหิน
…………………………..