ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1096 ความรู้สึกแปลกๆ + ตอนที่ 1097 ความเจ็บของอู่เยวี่ย
ตอนที่ 1096 ความรู้สึกแปลกๆ
เสียงอู่เจิ้งเต้าติดแหบแต่ยังคงเสียดหูอย่างมาก ต่อให้เหมยเหมยจะไม่อยากได้ยินก็คงเป็นเรื่องยาก
ส่วนปลายนิ้วของอู่เจิ้งเต้าชี้ไปที่จี้เจียนโป ‘เขา’ ในที่นี้หมายถึงใครก็ได้ระบุชัดเจนแล้ว
หากรวมกับคำพูดของอู่เจิ้งเต้าล่ะก็ เหมยเหมยใจเต้นรัว มองไปทางเว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจียนโปอย่างไม่เชื่อสายตา
พวกเขาสองคน…
เป็นไปได้อย่างไร?
คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ?
หลังจากเธอกลับไปยังตระกูลจ้าวเมื่อห้าปีก่อนก็ไม่เคยติดตามเรื่องของจี้เจียนโปอีก แค่เคยได้ยินอู่เชาพูดถึงว่าความสัมพันธ์ของจี้เจียนโปกับอู่เจิ้งหงเลวร้ายลงวันแล้ววันเล่าจนที่บ้านไม่เคยสงบเลยสักวัน
อดีตยังมีคุณย่าอู่กับเว่ยชิวเยวี่ยคอยไกล่เกลี่ยทั้งยังมีอู่เจิ้งเต้ากับคุณปู่อู่คอยห้ามจี้เจียนโปเลยยังพอสงบเสงี่ยมอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ตระกูลอู่เกิดความวุ่นวายภายใน ใครจะมีอารมณ์มายุ่งเรื่องที่ไม่เข้าเรื่องของคู่นี้อีก ดังนั้นความอัดอั้นตันใจที่สั่งสมมาหลายปีไม่อาจทนเก็บไว้ได้อีก ระเบิดออกมาราวกับก๊อกน้ำแตก
แต่กลับไม่เคยได้ยินว่าจี้เจียนโปหย่ากับอู่เจิ้งหง ฉะนั้นเหมยเหมยเลยรู้สึกตกใจ
ตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?
เว่ยชิวเยวี่ยยังคงใจเย็นกล่าวเสียงราบเรียบ “อู่เจิ้งเต้า ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉัน อย่ามาทำตัวน่าอับอายขายหน้าตรงนี้”
อู่เจิ้งเต้าคำรามด้วยความโกรธ “เว่ยชิวเยวี่ย เมื่อก่อนเขาเรียกเธอว่าพี่สะใภ้นะ เธอไปหาเขาได้ยังไง? เธอทำแบบนี้แล้วจะให้ตระกูลอู่เอาหน้าไปไว้ไหน?”
“ตระกูลอู่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว ฉันสกุลเว่ย ไม่ใช่อู่” เว่ยชิวเยวี่ยพูดเย้ย
คิดว่าตัวเองเป็นตระกูลสูงส่งมาจากไหน ยังมีหน้าอีกหรือ?
ตระกูลตกอับอย่างตระกูลอู่ยังมีหน้าอะไรอีก?
“พวกลูกชายของฉันสกุลอู่ เธอทำแบบนี้ไม่คิดถึงความรู้สึกของเสี่ยวเจี๋ยกับเสี่ยวเชาบ้างเหรอ?” อู่เจิ้งเต้าตะโกนลั่น
คนเริ่มเข้ามาล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นคนที่พักอาศัยอยู่ในเขตนี้กันทั้งนั้น อู่เชาสีหน้าเปลี่ยนไปรีบเข้าไปแทรกกลางพวกเขา
“มีเรื่องอะไรไว้กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ” อู่เชามองพ่อแม่ตนอย่างเว้าวอน
เว่ยชิวเยวี่ยถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเล็กน้อย จี้เจียนโปเห็นเหมยเหมยได้แต่ยิ้มน้อย ๆ อย่างเก้อเขิน
อู่เจิ้งเต้าแค่นเสียงดังทีหนึ่งแต่ไม่ปฏิเสธ
เหมยเหมยไม่ได้เดินตามเข้าไปเพราะนี่คือเรื่องครอบครัวตระกูลอู่ เธอไม่ใช่คนของตระกูลอู่แล้วไม่จำเป็นต้องสอดมือเข้าไปยุ่ง
วันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนอู่เชามีท่าทางกลัดกลุ้มใจจนขอบตาดำคล้ำ
ถือโอกาสพักกลางวันเหมยเหมยจึงมาถามเขาถึงเรื่องเมื่อวานว่าเกิดอะไรขึ้น อู่เชาถอนหายใจแรงทีหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ไม่พูดอะไร ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
ทำเอาเหมยเหมยต้องฟาดมือลงด้วยความโมโหพลางตะคอกใส่ “รีบพูดมา!”
“ก็เป็นอย่างที่เธอคิดนั่นแหละว่าแม่ฉันกับอาเขยฉันคบกัน พวกเขาเตรียมจะแต่งงานด้วยกันแต่พ่อฉันไม่ยอมเลยมาหาเรื่องทุกวัน”
อู่เชาสรุปจบสั้นกระชับเนื้อหาครอบคลุมอย่างชัดเจน สมแล้วที่เป็นถึงคุณชายน่าหลันผู้มีความสามารถมากล้น ไม่มีประโยคไหนไร้สาระเลย
แม้จะพอเดาได้แต่เมื่อได้ฟังจากปากอู่เชาเหมยเหมยก็ยังตกใจมากอยู่ดี กลืนน้ำลายอึกหนึ่งแล้วถามด้วยความแปลกใจ “อาหญิงของนายหย่ากับอาเขยแล้วเหรอ? หย่ากันตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมนายไม่เคยบอกฉัน?”
อู่เชากลอกตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันเองก็เพิ่งรู้ อาเขยบอกว่าเขาหย่าไปนานแล้วก่อนหน้าพ่อแม่ฉันอีก มิน่าหลายปีนี้ตอนปีใหม่อาเขยไม่เคยมา มีแต่อาหญิงพาจี้เหวินฮุ่ยกลับมา”
“แล้วนายทำหน้าเครียดไปทำไม? แม่ของนายตามหารักครั้งใหม่ได้ไม่ดีเหรอ?” เหมยเหมยถาม
อู่เชาทำท่าหนักใจเหลือเกิน ใบหน้ากลมกลึงยับยู่ยี่แล้วกล่าวด้วยความลำบากใจ “ฉันไม่ได้ไม่ดีใจ แต่ปัญหาคือ…เมื่อก่อนฉันเรียกเขาว่าอาเขยนะ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพ่อเลี้ยงของฉันแทน ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆ จังเลยล่ะ?”
………………………
ตอนที่ 1097 ความเจ็บของอู่เยวี่ย
อู่เชากวาดอาหารในจานข้าวใส่ปากด้วยความเครียด เป็นครั้งแรกที่ไม่มีความอยากอาหาร แม้แต่เนื้อซี่โครงชิ้นโตแสนอร่อยยังไม่อาจกระตุ้นความอยากอาหารของเขาได้เลย
“ฉันไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้แหละ เธอว่าฉันควรทำยังไงดี? ตกลงหรือไม่ตกลง?”
อู่เชาวางจานข้าวไว้บนโต๊ะหินเพราะคร้านจะทานต่อ สองมือกอดศีรษะฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางหนักใจสุดขีด
เวลานี้เขานึกอิจฉาพี่ชายอย่างอู่เจี๋ยเหลือเกินที่ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างเมืองเลยไม่รับรู้เรื่องราวอะไร ไม่ต้องสนไม่ต้องยุ่ง ไม่เหมือนเขา…เฮ้อ…
เหมยเหมยเห็นแล้วรู้สึกขบขันเลยตบหัวเขาเบาๆ ไปหลายที “ก็แค่แม่ของนายตามหารักที่สองเจอเอง ขอแค่แม่นายมีความสุขก็พอนี่ ยังไงตอนนี้นายก็หาเงินเลี้ยงตัวเองได้แล้วนายมีอะไรต้องกังวลอีก? อยู่ร่วมกันได้ก็พอ ถ้าไม่ได้ก็ย้ายออกไปอยู่คนเดียว!”
ไม่ว่าเมื่อไรปัจจัยทางการเงินย่อมเป็นข้อแม้สำคัญของการย้ายออกไปอยู่คนเดียวเสมอ
ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม!
อู่เชาตาวาว นั่นสิ เขากังวลอะไร?
เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในบ้านเชียว อีกอย่างเขาได้ซื้อบ้านสองหลังภายใต้คำแนะนำของเหมยเหมยไปแล้วก็ไม่มีทางกลายเป็นคนเร่ร่อนตามท้องถนน
แต่ว่า–
“ฉันก็รู้สึกแปลกๆ ไง ยังไงคนนั้นก็เคยเป็นอาเขยของฉันมาก่อน ถ้าแม่ฉันแต่งงานกับอาเขยจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพ่อฉันแล้วก็พวกคุณปู่คุณย่ายังไงดี!”
อู่เชาถอนหายใจยาว นี่ต่างหากปัญหาที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด
เหมยเหมยหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “งั้นก็กลับไปให้น้อยลงสิ ยังไงตอนนี้นายก็ไม่ค่อยสนิทกับฝั่งนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างจะให้เสียสละความสุขของแม่นายเพื่อไว้หน้าบ้าๆ ให้นายไม่ได้หรอกมั้ง!”
แม้จะเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างมากที่เว่ยชิวเยวี่ยมาบรรจบกับจี้เจียนโปได้ แต่เหมยเหมยกลับคิดว่าดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
อย่างน้อยก็ทิ่มแทงใจดำพวกผู้ดีจอมปลอมของตระกูลอู่ได้!
อู่เชาเป็นเด็กไม่คิดอะไรมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อให้เหมยเหมยไม่เกลี้ยกล่อมเขาเขาก็ไม่มีทางหนักใจไปนานกว่านี้ เขาพยักหน้า “งั้นฉันจะไปหาทางนั้นให้น้อยลง กินข้าวกัน หิวจะตายอยู่แล้ว!”
เจ้าอ้วนน้อยหยิบจานข้าวขึ้นมาทานอย่างมูมมาม เนื้อซี่โครงชิ้นโตถูกเคี้ยวเพียงสองคำก็กลืนลงท้องไป เพราะยังไม่รู้สึกสะใจพอเลยแย่งจากจานข้าวเหมยเหมยมาอีกชิ้น
“อร่อย พรุ่งนี้จะตักเพิ่มอีกหลายๆ ชิ้น”
อู่เชาพยักหน้ารัว ขอบปากมันวาวด้วยน้ำมันและทำหน้าอิ่มเอมมีความสุข ไม่เหลือคราบความทุกข์ใจอย่างเมื่อครู่เลยสักนิด
เหมยเหมยตักเนื้อในจานตัวเองให้อู่เชาทั้งหมด ส่วนเธอทานข้าวกับผักอย่างเดียว
“เหมยเหมย เธอสังเกตมั้ยว่าช่วงนี้โอหยางซานซานไม่มาเรียนเลย แล้วก็อู่เยวี่ยด้วย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ”
อู่เชาที่กินอิ่มท้องก็เริ่มมีไหวพริบดี ไม่นานก็จับสังเกตถึงความผิดปกติได้
“ใครจะรู้กันล่ะ บางทีอาจติดธุระที่บ้านก็ได้ ไม่เกี่ยวกับเรา นายจะไปยุ่งทำไม!”
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ตักอาหารเข้าปากลวกๆ ไม่กี่คำก็ลุกเดินกลับห้องเรียน
ชีวิตของอู่เยวี่ยในตอนนี้ไม่ดีมากเชียวล่ะ!
โรงพยาบาลเพื่อประชาชนอันดับหนึ่งแห่งเมืองจิน
อู่เยวี่ยนอนบนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาจ้องมองเพดานนิ่ง
เธอเป็นแบบนี้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว เพราะจนตอนนี้เธอยังไม่เชื่อว่าเรื่องคืนนั้นเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ หรือ?
ต่อให้เธอไม่อยากจะเชื่อสักแค่ไหน แต่ความเจ็บปวดบนกายได้ย้ำเตือนเธออยู่ตลอดเวลา–
เรื่องคืนนั้นเป็นความจริง!
อู่เยวี่ยตัวสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด เธอจำรายละเอียดไม่ได้แล้วแต่เธอกลับจำได้เสมอว่าผู้ชายพวกนั้นทำอะไรบนตัวเธอบ้าง
หนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง…นับครั้งไม่ถ้วน…
เธอไม่รู้ว่าเคยผ่านมือผู้ชายมากี่คน แต่เธอรู้…ชื่อเสียงของเธอหมดสิ้นแล้ว!
ทุกอย่างเป็นเพราะจ้าวเหมยคนเดียว!
……………………..