ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1114 ยุยงส่งเสริม + ตอนที่ 1115 ชะตาฟ้าลิขิต
ตอนที่ 1114 ยุยงส่งเสริม
เมืองจิน
อู่เยวี่ยจัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเอง อู่เจิ้งซือไม่ได้มารับเธอ เธอรู้ดีอู่เจิ้งซือไม่ได้อยากรับเธอกลับไปอยู่ด้วย เธอจึงทำได้แค่กลับไปหาเหอปี้อวิ๋น
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากแน่น แววตาเผยให้เห็นถึงความเคียดแค้น
อย่าโทษเธอเลย เธอเดินมาจนถึงทางตันแล้ว หากไม่ทำแบบนั้นคงไม่มีวันหลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายนั่นได้ตลอดไป!
เมื่อเดินออกมาถึงหน้าโรงพยาบาล อู่เยวี่ยก็ได้พบกับหรวนเป่าฮุ่ยที่แต่งตัวงามสง่า ขับรถยี่ห้อเซี่ยลี่คันแดงเข้ามา มองเธอด้วยรอยยิ้มอันสดใส
หรวนเป่าฮุ่ยส่งเธอแค่หน้าปากซอย กระตุกยิ้มพลางพูดว่า “บ่ายนี้ฉันมีนัดสัมภาษณ์ พูดถึงก็ช่างน่าปวดหัว เพราะบุคคลที่ฉันต้องสัมภาษณ์คือเหยียนซินหย่า”
ในแววตาของอู่เยวี่ยเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ เหยียนซินหย่า?
แม่ของจ้าวเหมย?
ว่ากันว่าตอนนี้เป็นถึงจิตกรชื่อดังระดับประเทศนี่!
อู่เยวี่ยไม่ได้เปล่งเสียงพูดแต่อย่างใด เธอไม่รู้ว่าหรวนเป่าฮุ่ยพูดเรื่องนี้เพื่ออะไร หรวนเป่าฮุ่ยก็ไม่ได้ต้องการให้เธอต่อปาก ยิ้มเย้ยหยันตัวเองก่อนจะเอ่ยขึ้น “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงปวดหัว? เพราะเหยียนซินหย่าคือศัตรูหัวใจของฉัน ตอนนี้พ่อของเธอยังคงรักนางผู้หญิงคนนั้น ซึ่งในฐานะคู่มั่นคนปัจจุบันอย่างฉันไม่ปวดหัวสิแปลก!”
สีหน้าท่าทีของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้รู้แน่ชัดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของอู่เจิ้งซือและเหยียนซินหย่าในตอนนั้น เพียงแต่เคยได้ยินที่เหอปี้อวิ๋นก่นด่าเหยียนซินหย่า คิดดูแล้วสิ่งที่หรวนเป่าฮุ่ยพูดดูท่าจะเป็นเรื่องจริง
“เฮ้อ ดูท่าแล้วฉันกับแม่ของเธอนี่ก็เป็นพวกหัวอกเดียวกันเลยนะ เหมือนกันตรงที่เป็นเหมือนตัวตายตัวแทนของเหยียนซินหย่า…เหอะๆ ฉันเองก็โง่ เอาเรื่องพวกนี้มาพูดกับเธอแล้วได้อะไร เธอรีบลงไปเถอะ ฉันต้องไปสัมภาษณ์ที่หอศิลป์ฯ”
หรวนเป่าฮุ่ยเหลือบมองอู่เยวี่ยที่แลดูใจลอยแต่ไม่ทิ้งคราบความสงสัยแต่อย่างใด มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แผนการที่วางไว้จนถึงตอนนี้นับว่าประสบความสำเร็จ หวังว่ายัยอู่เยวี่ยน่าโง่นั่นจะไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง!
หลังจากที่อู่เยวี่ยลงจากรถ หรวนเป่าฮุ่ยได้หยิบเอาธนบัตรใบร้อยออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับยัดให้อู่เยวี่ยไป และเอ่ยขึ้นด้วยความเห็นใจ “เงินนี่เธอเอาไปซื้อเสื้อผ้าใส่ซะ โธ่…เด็กอย่างเธอนี่ช่างน่าสงสารนัก ทั้งๆ ที่จะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้…”
หรวนเป่าฮุ่ยชะงักอย่างทันท่วงที พลางเคาะหน้าผากตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ ราวกับพลั้งปากพูดออกไปอย่างตั้งใจ เธอหันไปโบกมือลาอู่เยวี่ย จากนั้นจึงขับรถจากไป
อู่เยวี่ยมองรถที่ค่อยๆ ขับหายออกไป ความเจ็บปวดกลัดกลุ้มใจจึงได้ถาโถมเข้ามา
หรวนเป่าฮุ่ยพูดถูก แท้จริงแล้วเธอควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ กระทั่งมีชีวิตที่ร่ำรวยเสียยิ่งกว่าหรวนเป่าฮุ่ยด้วยซ้ำ แต่นั่นเป็นเพราะเหอปี้อวิ๋น เธอจึงดูต่ำต้อยด้อยค่ากว่าคนอื่นไปหนึ่งขั้น
ยังมีเหยียนซินหย่านั่นอีก มิน่าอู่เจิ้งซือคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนกันง่ายๆ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่คิดจะกลับมาคืนดีกับเหอปี้อวิ๋น หากว่าอู่เจิ้งซือยินยอมกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง เธอคงไม่มีทางถูกซ่งเป่าเลี่ยง…
อู่เยวี่ยหัวใจบีบแน่นแล้วพลอยเกลียดเหยียนซินหย่าไปด้วย ให้กำเนิดคนสารเลวอย่างจ้าวเหมยออกมาได้ ผู้หญิงคนนี้ก็ต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่ มีสามีอยู่แล้วยังเข้ามายั่วยวนอู่เจิ้งซืออีก!
ที่น่าเกลียดชังที่สุดคือ การทำให้เธอต้องอับอายทางอ้อม!
อู่เยวี่ยตกอยู่ในภวังค์ ยืนอยู่บริเวณปากซอยได้พักใหญ่กว่ากลับเข้าบ้าน เหอปี้อวิ๋นกำลังล้างผักด้วยตะกร้าสาน ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน เหอปี้อวิ๋นคงเตรียมที่จะทำมื้อเที่ยงอยู่
“เยวี่ยเยวี่ยกลับมาแล้วหรือ? พักที่บ้านของพ่อเป็นยังไงบ้าง? เขาไม่ได้ต่อว่าอะไรลูกใช่ไหม? นางจิ้งจอกมารนั่นไม่ได้ทำให้ลูกลำบากใจใช่ไหม?”
เหอปี้อวิ๋นที่ได้เห็นอู่เยวี่ยก็พลันดีใจเป็นอย่างมาก ไม่แม้แต่จะสนใจล้างผักเอาแต่ถามสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งกลัวว่าลูกสาวตนจะได้รับความอัดอั้นตันใจจากอู่เจิ้งซือ
แท้จริงแล้วอู่เจิ้งซือนั้นไม่ได้บอกเหอปี้อวิ๋นถึงเรื่องเลวร้ายที่อู่เยวี่ยเผชิญ บอกแค่ว่าเขารับเอาลูกสาวไปอยู่ด้วยเพียงไม่กี่วัน มีหรือที่เหอปี้อวิ๋นจะไม่ยินยอม เธอปารถนาจะให้อู่เยวี่ยกับอู่เจิ้งซือสนิทชิดเชื้อกันเป็นไหนๆ !
อู่เยวี่ยสติฟุ้งซ้านจ้องมองผิวซีดเซียวเหี่ยวย่นของเหอปี้อวิ๋น พูดอะไรไม่ออกเหมือนมีอะไรติดคอ เพียงแค่ส่ายหน้าไปมา “ไม่นี่ค่ะ พ่อและป้าหร่วนดีกับหนูมาก”
เธอไม่อยากฟังที่เหอปี้อวิ๋นพูดอีก เธอกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน
ไม่ได้!
……………………………………………..
ตอนที่ 1115 ชะตาฟ้าลิขิต
เดิมอู่เยวี่ยตั้งใจจะเริ่มปฏิบัติการในช่วงค่ำนี้ แต่กลับพบว่าซ่งเป่าเลี่ยงสองพ่อลูกไม่ได้ออกไปตั้งแผงต่างพากันอยู่ในบ้าน ใจเธอนั้นยิ่งเกิดความรู้สึกแน่วแน่
พระเจ้าต่างก็ช่วยเธออยู่!
“เยวี่ยเยวี่ยกลับมาแล้ว” ซ่งเป่าเลี่ยงดวงตาเป็นประกาย ดูกระตือรือร้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
อู่เจิ้งซือรับตัวอู่เยวี่ยไปอย่างกะทันหัน ซ่งเป่าเลี่ยงแอบกังวลอยู่นาน หวาดหวั่นว่าอู่เยวี่ยจะไม่กลับมาอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องภรรยาเขาคงสิ้นหวังแล้วล่ะ!
ตอนนี้อู่เยวี่ยกลับมาแล้วเพราะทำใจห่างกับเขาไม่ได้เป็นแน่ คุณพ่อพูดถูกผู้หญิงใจง่าย ต่อให้หนักแน่นแค่ไหน หากได้นอนด้วยสักครั้งก็จะว่านอนสอนง่าย ยอมพลีหัวใจทั้งดวงให้คุณอย่างง่ายดาย
เมื่อนึกถึงรสชาติสูบกระชากวิญญาณในค่ำคืนนั้น ซ่งเป่าเลี่ยงกลืนน้ำลายไม่หยุด หันไปมองสัดส่วนของอู่เยวี่ย เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่าไม่เจอกันหลายวัน อู่เยวี่ยน่าเย้ายวนมากกว่าเดิมนักนะ!
อู่เยวี่ยได้ยินเสียงที่ซ่งเป่าเลี่ยงกลืนน้ำลายในลำคอ จึงรับรู้ได้ถึงความปรารถนาในแววตาของชายหนุ่ม จึงฝืนทนต่อความขยะแขยงส่งยิ้มให้กับซ่งเป่าเลี่ยง
ซ่งเป่าเลี่ยงตกตะลึงไปชั่วขณะ วิญญาณออกจากร่าง ปกติอู่เยวี่ยเจอเขาหากไม่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ก็จะตีหน้านิ่ง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยยิ้มให้เช่นนี้ โอ้โห…อู่เยวี่ยยิ้มทีชวนน่ามองเสียจริง ในใจของเธอต้องมีเขาอยู่เป็นแน่!
อู่เยวี่ยกลับเข้าห้อง ปิดประตูลงเบาๆ แต่กลับไม่ได้ลงกรประตูให้แน่น
เธอหมอบอยู่ตรงข้างประตู จึงสามารถได้ยินเสียงของซ่งเป่าเลี่ยงสองพ่อลูก
“ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ ผู้หญิงเสียตัวให้แกแล้ว ใจก็จะยกให้แกด้วย”
น้ำเสียของพ่อซ่งนั้นดูได้ใจอย่างไม่มีปิดบัง อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากไว้แน่น จ้องมองสองพ่อลูกคู่นั้นลอดผ่านขอบประตูอย่างเอาเรื่อง
เพ้อเจ้อ!
เธอจะต้องทำให้สัตว์นรกชาติชั่วทั้งสองชดใช้ในสิ่งที่ทำ!
ซ่งเป่าเลี่ยงร้อนรนจนทนไม่ไหว พ่อซ่งแค่เห็นก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาจึงยู่ปากไปทางห้องนั้น ซ่งเป่าเลี่ยงนึกดีใจไปก่อน แต่ก็เกิดลังเล “ป้าเหอยังอยู่นี่นา ถ้าเธอรู้เข้า เกรงว่า…”
เขาไม่กล้าตอแยกับคนบ้าอย่างเหอปี้อวิ๋น แต่คนงามอยู่ตรงหน้า ไม่เข้าไปลิ้มรสก็เกินจะอดใจไหว!
พ่อซ่งเดินไปยังห้องครัวพลันเหลือบมองเหอปี้อวิ๋นที เปล่งเสียงพูดขึ้น “เหล้าในบ้านหมดแล้ว เธอทำกับข้าวเสร็จก็ออกไปซื้อเหล้าที่ร้านค้ามาสักขวดล่ะ”
เหอปี้อวิ๋นดวงตาเป็นประกาย จะมีเหล้าดี ๆกินอีกแล้ว เธอตกปากรับคำอย่างดีใจ
พ่อซ่งหันไปหาลูกชายอย่างได้ใจด้วยสายตาแพรวพราว ซ่งเป่าเลี่ยงฉีกยิ้มกว้าง ทั้งทำกับข้าวทั้งซื้อเหล้าอย่างน้อยก็ใช้เวลายี่สิบนาที เพียงพอที่จะทำให้เขาเสร็จสิ้นภารกิจได้หนึ่งครั้ง
อู่เยวี่ยที่อยู่ในห้องได้ยินคำพูดของพ่อซ่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในใจนิ่งงัน ความเกลียดที่มียิ่งทวีมากขึ้น
ไม่ทันที่เธอจะได้คิดประตูห้องก็ถูกแง้มเปิด ซ่งเป่าเลี่ยงปรากฏอยู่หน้าประตู พลางส่งยิ้มให้อย่างเอาใจ แต่มือกลับลูบไล้ไปมาตามร่างกายของเธอ
อู่เยวี่ยพยายามหลบหลีกตามสัญชาตญาณ แต่เพียงครู่เธอกลับยอมสงบนิ่ง หันไปส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับซ่งเป่าเลี่ยง วิญญาณเจ้าหมอนี่แทบหายเข้าไปในกลีบเมฆ
“อย่าใจร้อนสิ ฉันเป็นของพี่แล้ว…”
อู่เยวี่ยกระซิบที่ข้างหูเขาเสียงแผ่วเบา นุ่มนวลและมีเสน่ห์ ซ่งเป่าเลี่ยงตัวแข็งไปครึ่งตัว สมองเกิดอาการสับสน จะไปทันยั้งคิดอะไรอีก นอกเสียจากทำตัวโง่ ๆ
“เธอคือเมียฉัน…เมีย…”
ซ่งเป่าเลี่ยงมีหรือที่จะอดใจไหว สองมือฉุดรั้งฉุดดึง เสื้อผ้าของอู่เยวี่ยในชั่วขณะก็ถูกถอดจนเกลี้ยง ซ่งเป่าเลี่ยงกดตัวเอาไว้ใต้ร่าง เธอหลับตาลงไม่อยากเห็นใบหน้าอัปลักษณ์ของชายผู้นี้
ร่างกายที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมากรุมมาแล้วมักจุดติดง่าย ไม่นานอู่เยวี่ยจึงเกิดความรู้สึกพลางส่งเสียงครางอย่างแผ่วเบา เพียงแค่ยังหลับตาไว้ดังเดิม พร้อมทั้งใจจดจ่ออยู่กับความเคลื่อนไหวภายในห้องนั่งเล่น
จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ครั้งนี้แหละ!
เธอจะต้องทำสำเร็จ มิเช่นนั้นครั้งต่อไปเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นจะใจแข็งได้อีกไหม!
…………………………………………………..