ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1120 อีกแค่นิดเดียว + ตอนที่ 1121 หร่วนเป่าฮุ่ยผู้เสียโฉม
ตอนที่ 1120 อีกแค่นิดเดียว
เหยียนซินหย่าใช้เวลาเกินกว่าครึ่งวันในการแก้ไขภาพวาดเลอะเทอะภาพนั้นให้เสร็จ ดูแล้วเหมือนกับเป็นภาพที่วาดขึ้นใหม่ ไม่มีแม้แต่ข้อบกพร่อง
“สมแล้วที่ซินหย่าเป็นผู้สืบทอดของอาจารย์เซียว เรื่องทักษะไม่ต้องพูดเลย …สูง” ผู้อำนวยการยกนิ้วชมเชยจากใจจริง
“คุณก็ชมเกินไป ความสามารถของฉันยังห่างกับพ่ออีกไกลมาก!” เหยียนซินหย่ารู้สึกละอายแก่ใจ มีหรือที่เธอจะกล้าเปรียบกับพ่อได้ เกรงว่าทั้งชีวิตนี้จะเหยียบไม่ถึงเขตแดนของพ่อด้วยซ้ำไป!
“ท่านผอ. ครับ มีรายการโทรทัศน์เข้ามาถ่ายทำสารคดีที่โถงนิทรรศการของเรา ได้ยินมาว่าจิตรกรเหยียนอยู่ที่นี่ เลยอยากสัมภาษณ์เธอสักหน่อย” มีคนเดินเข้ามาบอก
“ซินหย่าเธอว่าไง?” ผู้อำนวยการมองเธออย่างยิ้มๆ แม้จะเป็นการขอความคิดเห็นจากเธอ แต่น้ำเสียงกลับยากที่จะปฏิเสธได้
เหยียนซินหย่าขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบการเปิดตัวออกสื่อเลย โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์กับทางรายการแบบนี้ แต่คนอย่างผู้อำนวยการกลับชื่นชอบการออกหน้าเป็นอย่างมาก หากว่าเธอปฏิเสธ ผู้อำนวยการก็จะอารมณ์เสียเอาได้
ผู้อำนวยการมักจะดูแลเธอเป็นอย่างดี อย่าทำให้เขาต้องอารมณ์เสียจะดีกว่า!
“ก็ได้ ฉันจะเป็นหน้าเป็นตาให้ท่าน ผอ. เอง” เหยียนซินหย่าจำต้องตอบตกลง ผู้อำนวยการจึงฉีกยิ้มอย่างดีใจในทันที เดินไปให้สัมภาษณ์พร้อมเหยียนซินหย่าอย่างอารมณ์ดี
แต่เมื่อเหยียนซินพบกับหรวนเป่าฮุ่ยที่แต่งหน้าจัดเต็มอยู่ในห้องโถงนิทรรศการ กลับรู้สึกเสียดาย
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าพิธีกรคือผู้หญิงคนนี้ ต่อให้ผู้อำนวยการต้องอารมณ์เสีย เธอจะปฏิเสธโดยไม่คิดจะรับปากแน่ แต่ตอนนี้กลับรับปากไปแล้ว ต่อให้ไม่ชอบก็ต้องฝืนทน
คำถามที่หรวนเป่าฮุ่ยถามเหยียนซินหย่าค่อนข้างเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ไม่ได้จงใจทำให้อึดอัดอะไร เหยียนซินหย่าเองก็ตอบคำถามได้ดีตามกฎและเกณฑ์ ทำให้คนจับผิดไม่ได้แม้แต่น้อย
เหยียนซินหย่าสังเกตได้ว่าหรวนเป่าฮุ่ยมีท่าทีเหม่อลอย เหลือบมองประตูอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งเกิดรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้น ทัศนคติในการทำงานดูผ่อนปรน ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เลยสักนิด
หรวนเป่าฮุ่ยเห็นเหอปี้อวิ๋นเดินเข้าอย่างเชื่องช้า มุมปากยกยิ้ม รอยยิ้มแลดูลึกขึ้น อู่เยวี่ยช่างทำอะไรได้น่าไว้ใจนัก!
ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวังเสียจริง!
“จิตกรเหยียนคะ ได้ยินมาว่าลูกสาวคุณเองก็มีพรสวรรค์ด้านการวาดภาพ คุณมีแผนที่จะฝึกฝนให้เธอสืบทอดความสามารถของคุณหรือเปล่าคะ?”
หรวนเป่าฮุ่ยเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น เหอปี้อวิ๋นที่กำลังมองหาคนอยู่ จึงหันมาตามเสียง ประจวบกับที่ได้เห็นเหยียนซินหย่ากำลังให้สัมภาษณ์อยู่
และพิธีกรก็คือคู่หมั้นคนปัจจุบันของอู้เจิ้งซือ เหอปี้อวิ๋นใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ความบ้าคลั่งได้ปะทุขึ้นมา สมองเกิดอาการพร่าเบลอ
ทั้งคู่ต่างก็เป็นดั่งจิ้งจอกมาร ทำให้อู่เจิ้งซือหลงไหลจนกู่ไม่กลับ แม้แต่ลูกเมียก็ไม่ต้องการ ถุย…พวกตัวอันตราย จะต้องไม่ตายดีแน่ไอ้พวกตัวอันตราย!
เหอปี้อวิ๋นมีแววตาแน่นิ่ง หุนหันพลันแล่นไปทางเหยียนซินหย่า คนในโถงนิทรรศการมีจำนวนไม่มาก นอกเสียจากคนงานของรายการโทรทัศน์ ที่เหลือก็เป็นแค่แขกที่เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการภาพวาด
“เหยียนซินหย่าแกไปตายซะ!”
เหอปี้อวิ๋นตะโกนเสียงแหบพร่า “มุ่งหน้าไปหาเหยียนซินหย่าด้วยความบ้าคลั่ง ในมือถือมีดปอกผลไม้ไว้แน่น ทุกคนต่างพากันตกใจต่อบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน จนไม่อาจตอบสนองได้ไปชั่วขณะ”
หรวนเป่าฮุ่ยร้องลั่นอย่างเสแสร้ง ในใจกลับดีใจเอามาก
อีกไม่นานสำนักเหยียนจะต้องหายสาบสูญไปจากโลกนี้!
สยงมู่มู่และเซียวเซ่อ พวกเขาทั้งสามคนก็รีบมายังหอศิลป์ฯ ประจวบกับได้ยินเสียงของเหอปี้อวิ๋น เซียวเซ่อมีปฏิกิริยาที่ว่องไวมาก ถอดรองเท้าพร้อมกับปาออกไป โดนเข้าที่แขนของเหอปี้อวิ๋นอย่างประจวบเหมาะ มีดปอกผลไม้ร่วงลงสู่พื้นจนเกิดเสียง
เหยียนซินหย่าตกใจจนหน้าซีดเซียว ฉับพลันออกแรงดึงผู้อำนวยการที่เกือบจะฉี่ราดกางเกงเข้าไปหลบยังที่ปลอดภัย หรวนเป่าฮุ่ยผิดหวังเป็นอย่างมาก อีกแค่นิดเดียวเอง แค่นิดเดียว…
สำนักเหยียนก็จะสูญสิ้นไป!
ช่างน่าโมโหนัก!
หรวนเป่าฮุ่ยเหลือบมองเหอปี้อวิ๋นที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสายตารังเกียจเพียงครู่ ของไร้ประโยชน์ ไม่แปลกเลยที่อู่เจิ้งซือไม่สนใจใยดีด้วย
เป็นจังหวะเดียวกับที่เหอปี้อวิ๋นเงยหน้าขึ้นมา ได้เห็นสีหน้าแววตาของหรวนเป่าฮุ่ยอย่างชัดเจน ร่างกายของเธอสั่นเทิ้ม แววตาฉายความเย็นชา การกระทำที่ว่องไว หยิบเอามีดปอกผลไม้ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับหันไปแทงหรวนเป่าฮุ่ยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
……………………………………………..
ตอนที่ 1121 หร่วนเป่าฮุ่ยผู้เสียโฉม
“เหอปี้อวิ๋นเธอเป็นบ้าหรือไง…ใครก็ได้รีบมาเอาตัวคนบ้านี่ออกไปที!”
หร่วนเป่าฮุ่ยสะดุ้งตกใจตะเกียกตะกายหาทางหนีอย่างไร้ซึ่งความสง่างาม คิดแต่อยากจะมีแขนขางอกขึ้นมาอีกหลายๆ ข้างถึงจะดี
“ยายสุนัขจิ้งจอก…ยายสุนัขจิ้งจอกหน้าไม่อาย…กล้ามาแย่งผู้ชายของฉัน…”
เหอปี้อวิ๋นวิ่งไล่ตามหร่วนเป่าฮุ่ยอย่างไม่ลดละ สายตาจ้องเขม็งเพราะเธอในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวคือฆ่ายายสุนัขจิ้งจอกคนนี้เสีย ห้ามเธอมีลูกชายให้อู่เจิ้งซือเด็ดขาด
ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของอู่เจิ้งซือเป็นของเยวี่ยเยวี่ยลูกเธอเท่านั้น จะให้ยายสุนัขจิ้งจอกเอาเปรียบไปไม่ได้!
แม้ในตอนนี้เหอปี้อวิ๋นจะได้รับความสะเทือนใจแต่ความคิดของเธอกลับชัดเจนมากขึ้น เธอรู้ว่าตัวเองคงตายสถานเดียว ไม่สามารถปกป้องอู่เยวี่ยได้อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้น…เธอจะต้องจัดการอุปสรรคที่ขวางหน้าแทนลูกสาวไปให้หมดสิ้น!
เท่าที่เธอจะทำได้!
ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำเพื่อลูกสาวแล้วกัน!
เหอปี้อวิ๋นไล่ตามหร่วนเป่าฮุ่ยไม่ลดละด้วยสีหน้าบึ้งตึงโดยมีอาวุธในมืออยู่ ใครจะกล้าไปห้ามอย่างไม่กลัวตาย?
ไม่ว่าจะเป็นแขกที่มาเยี่ยมชมหรือเพื่อนร่วมงานของหร่วนเป่าฮุ่ยล้วนเผ่นหนีกันกระเจิง ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยหร่วนเป่าฮุ่ยเลยสักคนเดียว พวกเขาถึงขั้นคิดว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นเมียหลวงของหัวหน้าสักคนของหร่วนเป่าฮุ่ยด้วยซ้ำและกำลังมาคิดบัญชีแค้น ยังไม่ทันโวยวายเลยแล้วจะไปช่วยได้อย่างไร?
“ยายสุนัขจิ้งจอกไปตายซะเถอะ…”
เหอปี้อวิ๋นเห็นโฉมหน้าที่งดงามสะสวยของหร่วนเป่าฮุ่ย ความอิจฉายิ่งทำให้เธอบ้าคลั่ง เธอใช้มือข้างเดียวกระชากคอเสื้อไว้ ด้วยความที่ทำงานอย่างหนักหน่วงมาตลอดหลายปีเลยมีแรงไม่แพ้ผู้ชาย หร่วนเป่าฮุ่ยดิ้นไม่หลุด เธอได้แต่มองเหอปี้อวิ๋นที่แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างหวาดผวา
เหอปี้อวิ๋นแสยะยิ้มและยกมือขึ้นอย่างไม่ลังเล มีดปอกผลไม้ถูกกรีดลงบนดวงหน้าสวยนั่น
“กรี๊ด…หน้าฉัน…”
เสียงกรีดร้องของหร่วนเป่าฮุ่ยดังกึกก้องทั่วห้องโถงที่จัดงานนิทรรศการนี้ไม่ขาดสาย ทุกคนต่างเอามืออุดหูไม่กล้าฟัง แต่ส่วนใหญ่ก็รู้สึกโชคดี !
โชคดีที่แค่มาแก้แค้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา!
หร่วนเป่าฮุ่ยใช้มือปิดหน้าไว้เลยโดนกรีดลงบนมืออีกหลายที ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็สู้ความเจ็บบนใบหน้าไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าหน้าตัวเองเป็นอย่างไรบ้างและไม่รู้ว่าโดนเหอปี้อวิ๋นกรีดไปกี่ที
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?
ไหนว่าจะไปฆ่าเหยียนซินหย่าไงล่ะ?
ทำไมคนที่บาดเจ็บถึงกลายเป็นเธอ?
ตำรวจไม่ได้มาถึงช้าเกินไป ทว่าหร่วนเป่าฮุ่ยเองก็กลายเป็นคนที่ตัวอาบเลือดจนสลบเหมือดไปแล้ว ชายร่างโตบึกบึนที่แบกกล้องอยู่นั้นมีความรับผิดชอบต่อการงานเหลือเกิน แม้แต่ตอนวิ่งหนีเอาชีวิตรอดก็ยังไม่ลืมทิ้งกล้องและบันทึกเหตุการณ์ก่อคดีของเหอปี้อวิ๋นไว้ทั้งหมด
มีหลักฐานชั้นหนึ่งแบบนี้เหอปี้อวิ๋นมีเจตนาฆ่าคนอย่างไม่ต้องสงสัย รอแค่ทางศาลตัดสินโทษเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็รู้เรื่องพวกนี้ทันทีซึ่งเป็นเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ที่บอกเธอ สองคนนี้เร่งมาเมืองหลวงตั้งแต่วันที่สองเพื่อมารวมตัวกับเหมยเหมย
พวกเขาไปเจอกันที่คฤหาสน์หลังโตของเซียวเซ่อโดยที่ทั้งสามคนกอดกันตัวกลมด้วยความดีใจ ภายหลังเซียวเซ่อจึงเล่าเหตุการณ์สุดระทึกที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมื่อวานทำเอาเหมยเหมยตกใจแทบแย่และรู้สึกกลัวไม่หาย
“โชคดีที่มีพวกเธอ ไม่งั้นแม่ฉัน…ไอ้สารเลวเหอปี้อวิ๋น รอฉันจัดการเรื่องทางนี้เสร็จค่อยไปจัดการมัน!” เหมยเหมยพูดเสียงแค้น
“ไม่ต้องรอเธอจัดการหรอก เหอปี้อวิ๋นทำร้ายชีวิตถึงสองคน ยังไงก็ไม่พ้นโทษทางกฎหมาย” เซียวเซ่อกล่าวพลางเล่าเรื่องการตายของพ่อเลี้ยงและพี่เลี้ยงของอู่เยวี่ยไปเช่นกัน
เหมยเหมยฟังแล้วทำตาโตอ้าปากค้าง เธอเพิ่งจากมาแค่หนึ่งวันก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เชียว?
“ทำไมเหอปี้อวิ๋นถึงฆ่าสามีกับลูกเลี้ยง? อู่เยวี่ยเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหรอ?”
ไม่รู้ทำไมเหมยเหมยถึงรู้สึกว่าคดีฆาตกรรมนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับอู่เยวี่ยแน่นอน!
………………………………………..