ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1122 เพื่อนรักเจอกัน + ตอนที่ 1123 จงใจกลั่นแกล้ง
ตอนที่ 1122 เพื่อนรักเจอกัน
เซียวเซ่อส่ายศีรษะ “ไม่รู้เหมือนกัน เรารีบมาเลยไม่มีเวลาตามสืบมากนัก แต่ฉันได้ยินมาว่าสองพ่อลูกนั่นข่มขืนอู่เยวี่ยแล้วโดนเหอปี้อวิ๋นเห็นเข้า ถูกยั่วยุจนฆ่าคน”
“แล้วทำไมเหอปี้อวิ๋นถึงจะไปฆ่าแม่ฉันกับหร่วนเป่าฮุ่ย?”
เหมยเหมยพึมพำกับตัวเองเพราะรู้สึกสงสัย
การฆ่าสองพ่อลูกตระกูลซ่งถือเป็นการปกป้องลูกสาว แต่ฆ่าเหยียนซินหย่ากับหร่วนเป่าฮุ่ยเพื่ออะไร?
“เพราะหึงหวงมั้ง ฉันได้ยินว่าเหอปี้อวิ๋นด่าว่ายายสุนัขจิ้งจอกตลอด น่าจะรู้สึกว่าน้าเหยียนกับหร่วนเป่าฮุ่ยแย่งผู้ชายของเธอไปล่ะมั้ง!” เซียวเซ่อวิเคราะห์ด้วยสติเลยโดนเหมยเหมยกลอกตาใส่ทีหนึ่ง
“เธออย่าเอาแม่ฉันไปเหมารวมกับไอ้สารเลวนั่น ระวังฉันจะซ้อมเธอนะ!”
เซียวเซ่อหัวเราะแหะๆ และกลอกตามองบนกลับใส่ “ฉันพูดความจริง มันก็บ่งบอกว่าน้าเหยียนมีเสน่ห์อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว ฉันถามเธอนะว่าย่าเธอเป็นบ้าอะไรอีกแล้ว?”
เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางเล่าแผนร้ายของสองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงกับคุณย่าโดยไม่ปิดบัง เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่โกรธจนเด้งตัวขึ้นชี้นิ้วด่ากราดใส่เธอ
“เธอโง่หรือไง? รู้อยู่แก่ใจว่าคนพวกนี้ไม่หวังดีแล้วเธอยังมาถึงนี่อีก? รีบกลับเมืองจินเดี๋ยวนี้!”
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เปิดปากด่าเสร็จก็กระชากแขนคนละข้างอย่างพร้อมเพรียงหวังจะลากเหมยเหมยไปที่สนามบิน
เหมยเหมยสะบัดแขนหลุดมาได้ในที่สุดพลางพูดหยอกเย้า “พวกเธอสองคนใจตรงกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คงไม่ได้ก่อตัวเป็นความรักขึ้นมาในสามปีนี้หรอกนะ?”
“แหวะ…”
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ทำท่าโก่งคออ้วกพร้อมกันอีกครั้งอย่างน่าตกใจ ถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจแวบหนึ่งก่อนจะหันไปกระชากตัวเหมยเหมยอีกครั้ง
“เธอยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอีก? ไม่รู้หรือไงว่าเจ้าเฮ่อเหลียนเช่อนั่นโรคจิตแค่ไหน? รีบไปเดี๋ยวนี้เลย!” สยงมู่มู่ทำหน้าตื่นตระหนกและออกแรงสุดฤทธิ์
ความรู้สึกอบอุ่นวาบไปทั้งหัวใจของเหมยเหมยพลางแสร้งกระชากผมของสยงมู่มู่อย่างซุกซนทีหนึ่ง ความอ่อนนุ่มลื่นมือนั่นบ่งบอกว่าผมสุขภาพดียิ่งกว่านางเอกโฆษณาแชมพูสระผมรีจอยส์ร้อยเท่า และดีกว่าผมเส้นเล็กของเธออีกหมื่นเท่า
ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
“วางใจเถอะ ในเมื่อฉันกล้ามาก็ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปอยู่แล้ว ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย จะวิ่งแจ้นมารนหาที่ตายเองได้ไง?” เหมยเหมยพูดปลอบเพื่อน
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่แค่นเสียงออกมาพร้อมกัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก “เธอจะเก่งกว่าคนโง่สักเท่าไหร่เชียว?”
เหมยเหมยเท้าสะเอวตวาดกลับ “พวกเธออย่ามาดูถูกกันนะ สามปีนี้ฉันเก่งขึ้นมากเลยล่ะ เดือนก่อนฉัน…”
เธอเล่าวีรกรรมแห่งความกล้าหาญที่ตัวเองบุกไปช่วยเพื่อนที่ร้านคาราโอเกะเพียงลำพังแล้วควักดวงตาของโอหยางสยง วางแผนจัดการอู่เยวี่ยกับทำลายลูกรักของหานป๋อหย่วน กลับเรียกให้พวกเซียวเซ่อมองด้วยสายตาชื่นชม
“ก็เก่งขึ้นหน่อย คนอย่างอู่เยวี่ยทำตัวเองทั้งนั้น สมน้ำหน้าที่โดนรุมโทรม เสียดายที่ปล่อยตัวโอหยางซานซาน” เซียวเซ่อพูดอย่างเสียดาย
สยงมู่มู่กลับรู้สึกกังวล “เหมยเหมยทีนี้เธอได้มีเรื่องกับตระกูลโอหยางเข้าอย่างจังแล้ว โอหยางสยงเสียตาไปข้างหนึ่ง มันต้องไม่มีวันยอมแน่ๆ”
เหมยเหมยแค่นเสียงเย็นชา “ต่อให้ไม่ควักตาโอหยางสยงมาตระกูลโอหยางก็ไม่มีทางปล่อยฉันหรอก พวกเขาเป็นสุนัขรับใช้แสนภักดีของเฮ่อเหลียนเช่อเชียว”
“งั้นตอนนี้เธอคิดจะทำยังไงต่อ?” เซียวเซ่อถาม
“ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ฉันรอพวกเขาลงมืออยู่!” เหมยเหมยเองก็ไม่มีวิธีที่ดียิ่งกว่านี้ ได้แต่รอพวกหานซู่ฉินเริ่มเผยไต๋ก่อนถึงจะเปิดโปงธาตุแท้อันจอมปลอมของพวกเขา
“งั้นฉันยังไม่กลับไป ยังไงพ่อแม่ฉันก็ไม่รู้เรื่องที่ฉันกลับประเทศ ฉันกับเซียวเซ่อจะแอบอยู่ในที่ลับ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” สยงมู่มู่กล่าว เซียวเซ่อเองก็พยักหน้ารับ นานๆ ทีที่ทั้งคู่จะสามัคคีกันได้
เหมยเหมยมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกใจหลายที มักรู้สึกทะแม่ง ๆ อย่างไรชอบกล ทันใดนั้นเสียงเพจเจอร์ก็ดังขึ้น เหมยเหมยกดตอบรับ หานซู่ฉินเองที่เป็นคนส่งหาเธอบอกว่าอยากเชิญเธอไปทานข้าวด้วย
………………………………………………
ตอนที่ 1123 จงใจกลั่นแกล้ง
หานซูฉินเชิญเธอไปทานข้าวที่บาร์ระดับกลางร้านหนึ่ง ใจป้ำกว่าหลานชายเธออยู่นิดหน่อย แต่ที่นั่นมีเพียงหานซู่ฉินคนเดียวไม่มีคนอื่นด้วย
ภายในห้องเงียบสงัดหานซู่ฉินดูท่าทีไม่ดีเท่าไร ตอนนี้ไม่นิยมแต่งหน้าโดยเฉพาะผู้หญิงที่ทำงานในกองทัพ หานซู่ฉินจึงไม่มีความเคยชินที่จะแต่งหน้า สีหน้าบนใบหน้าดูแย่มาก มีถุงดำใต้ตาผิวพรรณหยาบกร้านขับให้ดูแก่ลง
“ป้าสะใภ้สองมีเรื่องจะคุยกับหนูเหรอ?” เหมยเหมยตัดประโยคทักทายไปโดยเลือกถามอย่างตรงไปตรงมา
หานซู่ฉินเองก็ชะงัก เธอชินกับการพูดอ้อมค้อมเลยปรับตัวไม่ทันกับน้ำเสียงบีบเค้นของเหมยเหมยชั่วขณะ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก
“เปล่า แค่อยากเลี้ยงข้าวเธอ เหมยเหมยรีบกิน ผักห่อเนื้อของร้านนี้รสชาติไม่เลวเลย” หานซู่ฉินจัดจานอาหารอย่างกระตือรือร้น มัวแต่พูดคำที่ไร้แก่นสารไม่ยอมเข้าประเด็นสักที
เหมยเหมยไม่ได้ทานกับข้าว ไม่แม้แต่จะเอาแก้วน้ำแตะริมฝีปาก
“ทำไมเหมยเหมยไม่กินล่ะ? ไม่ชอบหรือเปล่า? เธออยากกินอะไรสั่งได้เลย!”
หานซู่ฉินพูดอย่างใจเย็นและดูเป็นมิตรอบอุ่นเหมือนเฉกเช่นปกติ แต่ในสายตาเหมยเหมยนั้นกลับมีเพียงความรู้สึกสะอิดสะเอียนใจ อยากกระชากใบหน้าอ้วนกลมจอมปลอมของเธอออกให้รู้แล้วรู้รอด
“ไม่ต้องหรอก หนูไม่หิว ถ้าป้าสะใภ้สองไม่มีธุระอะไรหนูขอตัวก่อน”
เหมยเหมยทำท่าจะลุกขึ้นแต่หานซู่ฉินรีบคว้าตัวเธอไว้ก่อน “มีธุระมีธุระ อย่าเพิ่งรีบไปสิ ป้าขอคุยกับเธอเรื่องหนึ่ง”
หานซู่ฉินคอยมองเหมยเหมยที่มีใบหน้าเย้ายวนก็ยิ่งมั่นใจ หลานสาวคนนี้มันซูต๋ากลับชาติมาเกิดชัดๆ เธอกล้ารับรองว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องหลงเสน่ห์เหมยเหมยหัวปักหัวปำ จ้าวอิงสยงเองก็คงไม่เป็นอะไร
“ป้าสะใภ้สองรีบพูดเถอะ หนูนัดชอปปิงกับเพื่อนไว้” เหมยเหมยพูดเร่งเร้า
หานซู่ฉินรีบพูดขึ้น “ป้าบอกเรื่องน่ายินดีกับเธอเรื่องหนึ่ง เหมยเหมยอายุสิบแปดแล้ว สมัยที่ป้าอายุเท่าเธอก็แต่งงานกับลุงสองของเธอแล้ว ถึงเวลาที่เธอควรคิดถึงอนาคตแล้วล่ะ!”
“ไม่รีบค่ะ พ่อของหนูบอกว่าจะเลี้ยงหนูตลอดชีวิต ไม่ได้รีบแต่งงานเหมือนป้าสะใภ้” เหมยเหมยพูดเสียงเรียบ
หานซู่ฉินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและไม่พอใจต่อความไม่เจียมตัวของเหมยเหมยอย่างมาก ไอ้คนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ในเมื่อเสพสุขอยู่ภายใต้แสงของเจ้าหญิงตระกูลจ้าว ถ้าอย่างนั้นก็สมควรออกแรงเพื่อตระกูลจ้าวเช่นกัน
“พ่อของเธอพูดเล่นต่างหาก มีผู้หญิงคนไหนอยู่บ้านตลอดชีวิต คนอื่นมีแต่จะหัวเราะเยาะเอา”
“ก็แล้วแต่ค่ะ คนอื่นหัวเราะจนตายก็ไม่เกี่ยวกับหนู”
“เด็กคนนี้นี่…ทำไมพูดจาเหมือนกินปืนไฟเข้าไปเลย ตอนเด็กปากหวานจะตาย!”
“ตอนเด็กไม่รู้ความ…”
หานซู่ฉินหน้าชะงักแทบจะฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว เหมยเหมยเองก็เริ่มหมดความอดทนเลยพูดไปตรงๆ “ป้าสะใภ้รีบพูดเรื่องน่ายินดีนั่นเถอะ หนูรีบ”
“เหมยเหมย ป้าสะใภ้ไม่พูดอ้อมค้อมแล้วกัน ตระกูลจ้าวเกิดเรื่องใหญ่แล้ว” หานซู่ฉินลอบสบถอยู่ในใจแต่ใบหน้ากลับทำท่าน่าสงสาร
“ก็คุณย่าใกล้ไม่ไหวแล้วไม่ใช่เหรอ? เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติ ป้าสะใภ้อย่าจมปลักนักเลย!” เหมยเหมยแกล้งโง่แต่กลับล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงเพื่อกดปุ่มอัดเสียง
หานซู่ฉินกัดฟัน ยายเด็กบ้านี่ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ แผนจู่โจมที่เธอคิดจะใช้ตอนแรกก็เปล่าประโยชน์
“ไม่ใช่เรื่องคุณย่าของเธอแต่ลุงสองของเธอเกิดเรื่องนิดหน่อยที่เกี่ยวข้องถึงความอยู่ความตายของตระกูลจ้าว” หานซู่ฉินจำต้องพูดไปตรงๆ
เหมยเหมยลอบยิ้มในใจแต่กลับทำหน้าเฉยชามึนๆ งงๆ ถามด้วยความสงสัย “ความอยู่ความตายของตระกูลจ้าว? สาหัสขนาดนั้นเลย? ลุงสองคิดจะก่อกบฏเหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ลุงสองของเธอยักยอกเงินไปนิดหน่อยเลยโดนคนจับได้” หานซู่ฉินพูดเสียงไม่สบอารมณ์และจงใจพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ คิดว่าเหมยเหมยหลอกง่าย
เหมยเหมยทนไม่ไหวอีกต่อไปและคร้านจะหยอกหานซู่ฉินอีกเลยได้แต่แค่นยิ้มกล่าว “ป้าสะใภ้สองไม่จริงใจเลย ลุงสองยักยอกทรัพย์หาความสุขใส่ตัวจะเป็นเงินจำนวนน้อยนิดได้อย่างไร? ปลาเน่าตัวเดียวอย่างลุงสองย่อมมีกฎหมายของประเทศชาติคอยลงโทษ ป้าสะใภ้สองมาหาหนูทำไม!”
………………………………………………