ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1138 สวรรค์กับนรกของอาหลาน + ตอนที่ 1139 ยิ่งทำยิ่งเสีย
ตอนที่ 1138 สวรรค์กับนรกของอาหลาน
เฮ่อเหลียนเช่อเดินตรงไปยังประตูใหญ่โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองสองอาหลานหานซู่ฉิน วันนี้เป็นเวลาที่เขานัดคุยโทรศัพท์กับเหมยซูหานไว้ เขาต้องกลับไปเร็วหน่อย อาบน้ำก่อนค่อยให้ห้องครัวทำของอร่อยๆ พร้อมเหล้านิดหน่อย อาบน้ำใต้แสงจันทร์และคุยกับดอกเหมยน้อยของเขาไปด้วย โรแมนติกจะตายไป!
ใครจะมาทนดูเศษสวะพวกนี้ให้รำคาญใจกัน!
เฮ่อเหลียนเช่อที่เดินไปถึงหน้าประตูจู่ ๆ ก็หันหลังกลับมาสาดผงสีชมพูในมือปล่อยให้แพร่กระจายไปทั่วห้องตามลมอ่อนๆ พวกโอหยางสยงเผลอสูดเข้าไปจำนวนไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะอย่างได้ใจ ในเมื่อคนพวกนี้ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ถ้าอย่างนั้นเขาจะช่วยเสริมความสนุกหน่อยแล้วกัน!
“ป้าแก่ๆ ร่างอืดทน พวกแกอย่าออมแรงล่ะ ส่วนไอ้คนพิการนี่พวกแกคงไม่ชอบใจ งั้นก็ตบเป็นรางวัลให้พวกเจ้าดำแล้วกัน…”
ฤทธิ์ยาของผงสีชมพูนั่นเริ่มออกฤทธิ์กลายๆ พวกโอหยางสยงหน้าแดงก่ำลำคอแห้งผาก สายตาที่มองไปทางหานซู่ฉินแฝงด้วยความเร่าร้อน หานซู่ฉินเองก็เช่นกันแม้ยังมีสติหลงเหลืออยู่บ้างแต่กลับต้านฤทธิ์ของยากระตุ้นอารมณ์นี้ไม่ไหว
รวมทั้งเธอกับจ้าวอิงสยงเป็นเพียงสามีภรรยากันแค่ชื่อมานานแล้ว ไม่รู้ว่าแห้งเหี่ยวมาตั้งกี่ปี ผงยาพวกนี้เลยมีผลต่อเธอรุนแรงกว่าคนทั่วไป ต่างจากพวกโอหยางสยงที่ใช้เวลาอยู่ในสโมสรอันดับหนึ่งเป็นปกติ ภูมิต้านทานย่อมมีมากกว่า
ยาในตัวหานซู่ฉินแผลงฤทธิ์เป็นคนแรก กลับเคลื่อนร่างเข้าหาโอหยางสยงที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดก่อน
โอหยางสยงแค้นตระกูลจ้าวเข้ากระดูก แม้หานซู่ฉินไม่ได้สวยเย้ายวนเท่าหวงอวี้เหลียนและอายุมากกว่าเสียหน่อย แต่ใครให้หานซู่ฉินเป็นภรรยาของจ้าวอิงสยงกันล่ะ แค่คิดว่าจะเป็นการสวมเขาให้จ้าวอิงสยงครั้งใหญ่แถมยังทำลายชื่อเสียงตระกูลจ้าวได้ โอหยางสยงก็เกิดอารมณ์กระชากหานซู่ฉินเข้าหาตัวก่อนจะเริ่มสงครามแห่งรัก
คนอื่นๆ ที่สูดผงแป้งเข้าไปเหมือนกันก็เริ่มทนไม่ไหว รุมเข้าไปทีละคนพลันทำให้ภาพนี้อนาจารเกินจะมองได้
เฮ่อเหลียนเช่อทำปากส่งซิกให้ลูกน้องหน้าประตู ลูกน้องเข้าใจความหมายเลยพาหานป๋อหย่วนไปยังอีกห้อง
หานป๋อหย่วนยืนอยู่มุมอับลมเลยสูดผงแป้งเข้าไปในร่างกายอย่างจำกัด ยาจึงออกฤทธิ์ช้ากว่าทำให้ขณะนี้ยังมีสติครบถ้วน ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ยิ่งระแวงกว่าเดิม
แม้เขาไม่รู้ว่าเจ้าดำเป็นเทพเจ้ามาจากไหนแต่เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีได้อัตโนมัติ พร่ำขอร้องอ้อนวอนเสียงแทบขาดใจ ถึงขั้นพ่นคำที่ว่าจะยอมปรนนิบัติเฮ่อเหลียนเช่อออกจากปาก
“สวะอย่างแกคิดจะรับใช้คุณชายเช่อ ถุย ฝันกลางวันไปเถอะ อย่างแกแค่เหมาะรับใช้เจ้าดำของคุณชายเช่อล่ะ…”
ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าดูถูกพลางยกเท้าเตะใส่ท้องหานป๋อหย่วน เขาเจ็บจนน้ำหูน้ำตาไหล
“ในเมื่อเขาจริงใจขนาดนี้ งั้นก็จูงสายฟ้าเข้ามาด้วยแล้วกัน ให้พวกมันได้สนุกให้เต็มไปเลยวันนี้” เฮ่อเหลียนเช่อไม่โกรธแต่กลับหัวเราะแทน
หานป๋อหย่วนไม่เข้าใจคำว่าเจ้าดำหรือสายฟ้า แต่เขารู้ว่าต้องไม่ใช่สาวงามอ้อนแอ้นเย้ายวนใจ หรือว่าจะเป็น…
เขาไม่กล้าคิดต่อไป ใจดิ่งสู่ก้นเหวลอบอธิษฐานในใจว่าขอไม่ให้เป็นอย่างที่เขาคิด แต่–
รอเห็นหมาพันธุ์ทิเบตันที่ขนาดตัวราวกับลูกวัวตัวน้อยคำรามอยู่ในกรงหานป๋อหย่วนก็ใจหล่นวูบโดยปริยาย ต่อให้เขาโง่แค่ไหนก็เข้าใจความหมายว่า ‘สนุก’ ของเฮ่อเหลียนเช่อมันหมายถึงอะไร!
หานป๋อหย่วนดิ้นรนตะเกียกตะกาย เขายอมโดนผู้ชายทะลวงแต่ไม่อยากโดนหมาพันธุ์ทิเบตตัวหนึ่ง…
“สายฟ้ามาแล้ว วันนี้เจ้าหมอนี่มีบุญล่ะ!”
หานป๋อหย่วนมองไปทางประตูก็ชะงักค้างทันที สายฟ้าเป็นหมาพันธุ์บลูด็อกตัวใหญ่ที่หน้าตาน่าเกลียด เขี้ยวคมเป็นซี่ๆ น่ากลัวยิ่งกว่าใบมีดสั้น น้ำลายไหลหยดลงมาเป็นพักๆ ส่งกลิ่นเหม็นคาวไปทั่ว
เจ้าดำกับสายฟ้าถูกป้อนยากันทั้งสองตัว พอเห็นหานป๋อหย่วนก็ตื่นเต้นโถมเข้าใส่ตัวเขาอย่างมีความสุข สุนัขไม่รู้จักเบิกทางไม่เบิกทางแต่จู่โจมเข้าไปทันที หานป๋อหย่วนเจ็บจนร้องคร่ำครวญแทบตายทั้งเป็น
ส่วนหานซู่ฉินที่อยู่ห้องโถงใหญ่กลับตรงกันข้าม ไม่รู้ว่ากำลังมันขนาดไหน…
……………………………………………
ตอนที่ 1139 ยิ่งทำยิ่งเสีย
ทางจ้าวอิงสยงรอข่าวของหานซู่ฉินอยู่ตลอดเวลา เขากับหานซู่ฉินนัดกันไว้ว่าจะโทรหากันตอนสิบเอ็ดโมงแต่ตอนนี้มันสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วยังไม่มีวี่แววความเคลื่อนไหวจากฝั่งหานซู่ฉินแม้สักน้อย จ้าวอิงสยงเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว
เขาส่งข้อความไปที่เพจเจอร์หานซู่ฉินหลายครั้งแต่กลับไม่มีการตอบรับจากหานซู่ฉิน เขาโทรหาหานป๋อหย่วนอีกครั้งและเช่นกันที่ไม่มีข่าวคราวใดๆ
จ้าวอิงสยงชักสังหรณ์ใจไม่ดี เขายังอยากจะขอดิ้นรนอีกสักนิดเลยโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อ
เฮ่อเหลียนเช่อกำลังรอสายจากเหมยซูหาน พอได้รับสายจากจ้าวอิงสยงเลยอารมณ์เสียฉับพลัน ไม่มีความอดทนที่จะคุยอ้อมค้อมกับเขาอีก
“แกทำอะไร? คุยกันไว้ว่าเช้านี้จะส่งตัวจ้าวเหมยมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ยังไม่เห็นเงาหัว? ทำให้ฉันต้องรอทั้งเช้า จ้าวอิงสยงแกกล้าปั่นหัวฉันเล่นเหรอ?”
เฮ่อเหลียนเช่อไม่พูดพร่ำทำเพลงพลางก่นด่าจ้าวอิงสยงไปยกหนึ่งและไม่เอ่ยถึงเรื่องที่สองอาหลานหานซู่ฉินอยู่ในมือเขา จ้าวอิงสยงจะรู้ได้อย่างไรเลยคอยพูดเอาใจ หวังแค่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะให้เวลาเขาอีกสักหน่อย
“ยังคิดจะปั่นหัวฉันเล่นอีกเหรอ? เหอะ คิดว่าฉันโง่หรือไง?”
เฮ่อเหลียนเช่อเงยหน้าดูนาฬิกาบนผนังแวบหนึ่ง ใกล้จะเที่ยงแล้วจึงไม่อยากเสียเวลากับจ้าวอิงสยงอีก กดตัดสายไปทันที เวลาที่เหมยซูหานนัดกับเขาไว้คือเที่ยงตรง จะมีเวลาว่างที่ไหนมาคุยให้เสียเวลาเล่นกับเจ้าโง่จ้าวอิงสยงกันล่ะ
เที่ยงตรงเสียงกริ่งโทรศัพท์แผดเสียงดัง เหมยซูหานโทรมา เที่ยงตรงพอดีไม่ขาดไม่เกิน
เฮ่อเหลียนเช่อเผยยิ้มกว้างทันทีไร้ซึ่งวี่แววความไม่สบอารมณ์เมื่อสักครู่ ไหนจะเริ่มอ้อนอีกต่างหาก ลูกน้องของเขาชินตากับภาพนี้แล้ว ชินกับความแตกต่างยามคุณชายตัวเองอยู่กับเหมยซูหานและคนภายนอก
ทั้งคู่คุยเรื่องสัพเพเหระและหยอกเย้ากันอีกสักครู่ เหมยซูหานลังเลแล้วลังเลเล่าสุดท้ายเลยกล่าว “อาเช่อ ฉันกับจ้าวเหมยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว”
เฮ่อเหลียนเช่อชะงัก สีหน้าเย็นยะเยือกทันตา จู่ๆ ก็พูดถึงจ้าวเหมยทำไมกัน?
หรือว่าไปเจอกันที่เมืองจิน?
ไม่สิ จ้าวเหมยอยู่เมืองหลวงไม่มีทางบังเอิญเจอได้ เฮ่อเหลียนเช่อหน้าบึ้งกว่าเดิม เขาคิดว่าถ่านไฟเก่าของเหมยซูหานที่มีต่อจ้าวเหมยจุดติดใหม่แล้วอีกครั้งงั้นหรอ หรือบางทีไม่เคยขาดการติดต่อ ที่ผ่านมาแค่จงใจทำท่าไม่สนใจเพื่อหลอกเขา
แค่นึกถึงความเป็นไปได้ความหึงหวงก็เข้าครอบงำเฮ่อเหลียนเช่อ ไอเย็นแผ่จากรอบตัวเหมือนเพิ่งออกจากมาห้องแช่แข็ง เย็นเสียจนลูกน้องรอบข้างอดตัวสั่นไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณชายตนเป็นบ้าอะไรอีก!
“นายอยากพูดอะไร? ทำไมถึงพูดถึงจ้าวเหมย?” เฮ่อเหลียนเช่อน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์
“เปล่า แค่เพิ่งได้ยินมาว่าจ้าวเหมยไปเมืองหลวง ฉันกลัวนายจะคิดมาก อาเช่อ ฉันกับจ้าวเหมยไม่ได้ติดต่อกันมาสามปี ตอนนี้ฉันมีแค่นายนะ”
เหมยซูหานไม่สัมผัสถึงยังหลงคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้โกรธเลยนึกดีใจ คิดว่าสามปีที่ผ่านมาเขาจงใจไม่แวะข้องเกี่ยวกับจ้าวเหมยจนได้ผล เฮ่อเหลียนเช่อเชื่อแล้วว่าเขาไม่ได้ชอบเหมยเหมย
แต่ยังคิดเป็นห่วงเหมยเหมยอยู่ เขารู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางปล่อยตระกูลจ้าว แม้เขาอยากจะช่วยเหลือแต่เฮ่อเหลียนเช่อระแวงเขามากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจหรืออย่างอื่นเฮ่อเหลียนเช่อต้องให้ทุกอย่างที่เขาต้องการ มีเพียงเรื่องการเมืองที่เฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยให้เขาสอดมือเข้ามายุ่ง และไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังแม้แต่น้อย
ต่อให้เหมยซูหานอยากช่วยตระกูลจ้าวก็เป็นเพียงความต้องการเท่านั้น
แน่นอนว่าเขาไม่สนใจความเป็นความตายของตระกูลจ้าว เขาแค่อยากปกป้องจ้าวเหมยไว้
เขาลังเลอยู่นานถึงตัดสินใจเอ่ยถึงจ้าวเหมยทางโทรศัพท์ จงใจใช้น้ำเสียงเย็นชาเพื่ออยากให้เฮ่อเหลียนเช่อเชื่อเขาว่าเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อจ้าวเหมยอีกแล้ว
แต่เขากลับประเมินความใจแคบของเฮ่อเหลียนเช่อไว้สูงเกินไป เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธของเขาทางโทรศัพท์กลับคุยน้ำเสียงเป็นปกติ หยอกเย้ากับเหมยซูหานอีกไม่กี่ประโยคถึงวางสายด้วยใบหน้าถมึงทึง
………………………………………………