ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1160 ศึกภายใน + ตอนที่ 1161 คุณย่าที่ล้มป่วยลง
ตอนที่ 1160 ศึกภายใน
เพื่อรักษาตำแหน่งสะใภ้บ้านตระกูลจ้าวไว้ หานซู่ฉินไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หล่อนจะกัดคุณย่าไม่ปล่อย
“พ่อคะ พ่อยังไม่รู้สินะว่าจริง ๆแล้วแม่ไม่ได้ป่วย ก่อนหน้านี้ท่านจงใจไม่ยอมกินข้าวทำให้หิวจนจะเป็นจะตาย ก็เพื่อให้พ่อหลอกจ้าวเหมยให้กลับมาเมืองหลวง”
หานซู่ฉินยังคงแฉต่อ เรื่องที่คุณย่าแกล้งป่วยเป็นความคิดของหล่อนเอง ไม่มีใครรู้เรื่องไปมากกว่าหล่อนแล้ว
เหมยเหมยฟังแล้วก็นึกขัน นี่คือคนชั่วกัดกันเองชัด ๆ
ถือว่าประหยัดแรงหล่อนไปได้มาก ไม่ต้องให้หล่อนคิดวิธีหลอกล่อให้คุณย่าพูดความจริง ตอนนี้สารภาพออกมาเองเสียหมดเปลือก
คุณย่ารู้สึกร้อนรนอย่างมาก แค้นหานซู่ฉินอย่างถึงที่สุดแต่หล่อนก็จะไม่ยอมปริปากพูดอะไรทั้งนั้น แล้วก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด ตาแก่ไม่พอใจหล่อนหลายเรื่องแล้ว ถ้ายอมรับเรื่องพวกนี้อีก ไม่รู้ว่าตาแก่จะโมโหแบบไหนขึ้นมาอีก
“แกพูดซี้ซั้ว ฉันแกล้งป่วยที่ไหน หมอก็บอกว่าตอนนั้นฉันไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
หานซู่ฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “หนูจ่ายเงินหมอไว้แล้ว หนูให้พวกเขาพูดอะไรพวกเขาก็พูดอย่างนั้น”
“ไร้สาระ หานซู่ฉินแกอย่าคิดจะมาใส่ความฉันนะ ไม่มีใครเขาเชื่อแกหรอก”
ตอนนี้คุณย่าแข็งนอกอ่อนใน แต่พอพูดตวาดเสียงดังก็เริ่มรู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาจนเหงื่อแตกพลั่ก หายใจหอบไม่หยุด
เหมยเหมยพูดแทรกขึ้นมาว่า “เรื่องแกล้งป่วยอย่าเพิ่งพูดละกัน แต่คุณย่าหลอกหนูไปที่ภัตตาคารเหอผิง แล้ววางยาในน้ำส้มให้หนูดื่ม เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริงอยู่ใช่ไหม”
คุณปู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามขึ้นมาว่า “ยาอะไร”
เหมยเหมยถอนหายใจยกคางส่งสัญญาณให้กับสยงมู่มู่ สยงมู่มู่รีบไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำสัมออกมาขวดหนึ่ง ขวดถูกเปิดออกแล้วแต่ยังไม่มีใครดื่ม
“น้ำส้มขวดนี้คือน้ำส้มขวดเมื่อวานที่เอากลับมาจากภัตตาคารเหอผิง เป็นขวดเดียวกับที่คุณย่าขอให้หนูดื่ม หนูรู้สึกทะแม่ง ๆเลยไม่ดื่มแล้วให้สยงมู่มู่เอากลับมา” เหมยเหมยอธิบายความเป็นมาของน้ำส้มขวดนี้
จ้าวอิงสยงสองสามีภรรยาได้รับกรรมที่สมควรจะได้รับแล้วแต่คุณย่ากลับยังไม่ได้รับ เหมยเหมยก็ไม่ได้ใจกว้างถึงขนาดจะให้อภัยหญิงใจอำมหิตที่ทำร้ายหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า
น้ำส้มขวดนี้หล่อนตั้งใจเอากลับมาเพื่อจะรอดูว่าคุณปู่จะลงโทษคุณย่าอย่างไร ถ้าหากไม่สามารถทำให้หล่อนพอใจได้ หล่อนก็จะใช้น้ำส้มขวดนี้แหละเป็นตัวช่วย
คุณย่าใจหล่นไปที่ตาตุ่ม วางมาดกลบเกลื่อนตวาดขึ้นว่า “ใครจะไปรู้ว่าแกเอาน้ำส้มขวดนี้มาจากที่ไหน แกตั้งใจใส่ร้ายฉัน แกนังเด็กบ้าไม่เคยคิดเรื่องดี ๆได้หรอก”
“น้ำส้มขวดนี้ผมเป็นคนเอากลับมาเอง ไม่เคยผ่านมือใคร” สยงมู่มู่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คุณย่าสบถด่า “แกกับยัยเด็กบ้าเป็นพวกเดียวกัน แกก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก”
“หุบปากได้แล้ว” คุณปู่จ้าวพูดออกไปด้วยความรำคาญใจ แววตามีแต่ความเกลียดชัง
เหมยเหมยส่งขวดน้ำส้มให้กับอันหย่าฟาง “อาสะใภ้ ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะว่าในน้ำส้มขวดนี้มียาสลบผสมอยู่ไหม”
อันหย่าฟางรับขวดน้ำส้มมาใช้จมูกลองดมกลิ่นดู คิ้วขมวดเข้าหากันแล้วก็ดมอีกครั้ง พูดขึ้นว่า “ในนี้มียาผสมอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร จะต้องใช้เครื่องตรวจเท่านั้น ฉันไม่สามารถสรุปเองได้ง่าย ๆหรอก”
คุณปู่จ้าวเอาขวดน้ำส้มเทให้หานซู่ฉินดื่มลงไปด้วยสีหน้าโมโห หานซู่ฉินดิ้นไม่หยุด แต่ก็ถูกกรอกลงไปเกือบครึ่งขวด ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที หานซู่ฉินก็สลบลงไปแสดงให้เห็นถึงความแรงของฤทธิ์ยา
“พลั่ก”
คุณปู่เหวี่ยงฝ่ามือลงไปที่หน้าคุณย่าอย่างแรง ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่คุณปู่ลงไม้ลงมือกับคุณย่า
มุมปากของเหมยเหมยกระตุกขึ้นเล็กน้อย หล่อนรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก น้ำส้มขวดนี้ได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว
แต่หล่อนยังพูดไม่จบ หล่อนรู้สึกเอือมระอากับความร้ายกาจของคุณย่าเสียเต็มทน
“ปู่คะ อีกหน่อยมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณย่า หนูขอไม่ข้องเกี่ยวอีกแล้วนะคะ แล้วก็ไม่ต้องพูดจาหว่านล้อมให้หนูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” เหมยเหมยพูดสิ่งที่หล่อนอยากจะพูดที่สุดออกมา ถึงแม้ว่าจะทำให้คุณปู่ไม่พอใจแต่เธอก็จำเป็นต้องพูด
เพราะจะมามั่วแต่เอาใจคุณปู่แล้วทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายก็คงจะไม่ได้
…………………………………………
ตอนที่ 1161 คุณย่าที่ล้มป่วยลง
เหมยเหมยซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วเป็นไฟลท์พรุ่งนี้ตอนบ่าย เช้าตรู่วันถัดมาหานซู่ฉินก็ไปจากตระกูลจ้าว โดนคุณปู่จ้าวไล่ออกจากบ้าน ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่ได้ยินยอมก็ตาม
คุณย่าโดนแส้ของเหมยเหมยฟาด โดนผลักจนกระดูกเชิงกรานหักแล้วยังถูกคุณปู่จ้าวตบไปอีกหนึ่งที ความโมโหและความเจ็บปวดผสมผสานกัน เดิมทีสุขภาพของเธอไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้ร่างกายแย่ลงไปอีก
แรกเริ่มทุกคนคิดว่าคุณย่าแกล้งป่วยจึงไม่มีใครสนใจ แต่พอนานวันเข้าจึงรู้ว่าคุณย่าสุขภาพไม่ดีจริง ๆ คุณย่าตัวร้อนราวกับไฟลุก สติฟั่นเฟือนพูดจาเลอะเทอะ ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่
“สุขภาพของคุณนาย เอ่อ ผมจะพยายามละกันครับ”
คุณหมอรู้สึกลำบากใจมาก ถ้าคนไข้เป็นคนธรรมดาเขาคงจะพูดแล้วว่า ‘ควรกินอะไรกิน ควรดื่มอะไรดื่ม อยากทำอะไรก็ทำ’
แต่ตอนนี้คนไข้เป็นคุณนายใหญ่ ถ้าหากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมาหมอตัวเล็ก ๆอย่างเขาจะรับผิดชอบไหวได้หรือ คุณหมอสื่อความหมายตะกุกตะกัก ทุกคนพอจะเข้าใจ เข้าใจว่าอายุขัยของคุณย่าคงถึงคราสิ้นสุดลงแล้ว
คุณปู่จ้าวถอนหายใจ เขาไม่ได้สร้างความลำบากใจให้แก่คุณหมอแล้วก็กลับไปที่ห้องหนังสือ แผ่นหลังดูโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุด
เหมยเหมยมองคุณย่าที่ไม่ได้สติอยู่บนเตียง เธอไม่รู้สึกใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย เธอจะกลับเมืองจินตอนบ่ายนี้แล้ว ความเป็นความตายของคุณย่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
เธอไม่ใช่คุณชายตงกัวเสียหน่อย ที่จะช่วยงูแล้วให้งูมาแว้งกัดตัวเองได้ทุกเมื่อ
สยงมู่มู่รู้สึกเศร้าเสียใจ เขายังคงเป็นห่วงคุณย่า เพราะอย่างน้อยเขาก็เติบโตมากับคุณย่าตั้งแต่เล็ก ถึงแม้ว่าจะโมโหความเลอะเลือนของคุณย่าอยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญกับความตายเรื่องพวกนี้ก็มองข้ามกันไปได้
เหมยเหมยเก็บของอย่างลวก ๆ บรรยากาศภายในบ้านไม่ดีนัก เหมยเหมยคิดว่าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย แต่คุณปู่จ้าวส่งคนมาเรียกเธอไปที่ห้องหนังสือ
“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
เหมยเหมยยืนอยู่ตรงหน้าคุณปู่จ้าวด้วยท่าทีนอบน้อม แต่ให้ความรู้สึกที่เหินห่าง
คุณปู่จ้าวถอนหายใจยาว ในใจรู้สึกไม่ดีนัก เรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนตอนที่หลานสาวเพิ่งกลับเข้าสู่ตระกูลจ้าวปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ตอนนั้นมีความสุขมากแค่ไหน เขากับภรรยาไม่เคยมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อน
แต่ว่ามันเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหนกันนะ
คงเพราะหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูก เมื่อสามปีที่แล้วภรรยาที่เลอะเลือนทำร้ายจิตใจของหลานสาวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจ แค่รู้สึกว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น กระทั่งคิดว่าหลานสาวเอาแต่ใจ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังโต้เถียงกับผู้ใหญ่ ตอนนั้นเขายังรู้สึกไม่พอใจหลานสาวเป็นอย่างมาก
อีกทั้งน่าจะเป็นเพราะคำพูดกรอกหูของภรรยาบ่อยครั้งด้วยล่ะ
คุณปู่จ้าวยอมรับ ความชอบของเขาที่มีต่อหลานสาวค่อย ๆจางลง แต่ไม่ว่าเขาจะไม่ชอบหลานสาวเพียงใด เรื่องขายหลานกินเขาก็ไม่มีวันทำแน่นอน
มองแววตาสุกใสของเหมยเหมยแล้ว คุณปู่จ้าวยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ เขาผิดไปแล้ว ผิดอย่างมหันต์
ตระกูลจ้าวมาถึงจุดนี้เขาเองก็มีส่วนไม่น้อย ไม่ใช่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว
ดังนั้นเขาจะต้องช่วยภรรยา เขาไม่อาจให้ภรรยาจากไปต่อหน้าต่อตาได้ เขารู้ว่าหลานสาวของเขาต้องมีวิธีแน่
“เหมยเหมย ปู่ขอโทษนะ” คุณปู่จ้าวพูดขึ้นมาด้วยความขมขื่น คำพูดต่อจากนั้นเขากลับพูดไม่ออก สีหน้าลำบากใจมาก
เหมยเหมยยังคงมีท่าทางนิ่งเฉย พูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรต้องขอโทษค่ะ สำหรับบ้านตระกูลจ้าวแล้ว หนูก็เป็นเพียงแค่แขกเท่านั้น จะร้องขออะไรมากไม่ได้”
คุณปู่จ้าวฟังออกว่าคำพูดของเธอแฝงไปด้วยความไม่พอใจ เขายิ้มฝืนออกมาอย่างอดไม่ได้
เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ เหมยเหมยจะโกรธเกลียดตระกูลจ้าวก็เป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรเขาก็ต้องพูด
“เหมยเหมย คุณย่าทำผิดต่อหนู แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของหนู ปู่ขอร้องหนูล่ะ ช่วยเขาหน่อยได้ไหม”
คุณปู่จ้าวพูดคำนั้นออกมาด้วยความลำบากใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แล้วมองไปที่เหมยเหมยด้วยความคาดหวัง
……………………………………………