ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1164 ปากไม่ตรงกับใจ + ตอนที่ 1165 รสนิยมแย่
ตอนที่ 1164 ปากไม่ตรงกับใจ
เหมยเหมยอึ้งไปสักพัก คุณปู่เพิ่งจะพูดเรื่องนี้กับเธอยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมตาแก่โรคจิตถึงรู้เร็วขนาดนี้ หรือว่าเขาติดเครื่องดักฟังไว้ในบ้านตระกูลจ้าว
เฮ่อเหลียนชิงคาดเดาปฏิกิริยาของเหมยเหมยได้อย่างเหมาะเจาะแต่กลับรู้สึกรังเกียจ สมองโง่อย่างกับหมูอย่างนี้จะคู่ควรกับลูกชายของเขาได้อย่างไร
ที่น่ารำคาญที่สุดคือหน้าตาที่คล้ายกับปีศาจจิ้งจอก ตอนเด็ก ๆดูเหมือนจิ้งจอกน้อยแสนน่ารัก แต่พอโตขึ้นมา กลายเป็นนางพญาจิ้งจองเก้าหางไปเสียได้ ผู้หญิงแบบนี้จะมาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาได้อย่างไรกัน
อีกหน่อยธรณีประตูของบ้านตระกูลเฮ่อเหลียนคงจะต้องกลายเป็นสีเขียวแน่
เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นรีบร้อนตัดสินใจตกปากรับคำเรื่องที่ถ้าเหมยเหมยผ่านการทดสอบขึ้นมาก็จะยอมรับยัยนี้ แต่ไม่รู้ว่ายัยเด็กนี่จะโชคดีอะไรนักหนารอดจากการถูกเล่นงานได้ตลอด
คำพูดเมื่อพูดออกมาแล้วไม่สามารถผิดคำพูดได้
คำพูดที่รับปากของลูกชายไปแล้ว ไม่รักษาคำพูดได้ไหมนะ
เฮ่อเหลียนชิงตาสว่างขึ้นมาในทันที ก่นด่าความเลอะเลือนของตัวเองในใจ สุภาพบุรุษจะต้องรักษาคำพูด แต่เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษเลยสักนิด พูดแล้วไม่รักษาคำพูดต่างหากล่ะถึงจะเป็นเขา
ยึดถือความเชื่อแบบผิด ๆไปละกัน
พอคิดได้แล้วเฮ่อเหลียนชิงก็มีความสุขเป็นอย่างมาก สีหน้าแสดงออกให้เห็นถึงความพึงพอใจ เหมยเหมยเริ่มหวาดระแวง ไม่รู้ว่าตาแก่โรคจิตนี่จะคิดเรื่องชั่วอะไรอีก
“คุณรู้ได้ไงว่าคุณปู่จะให้ฉันช่วยคุณย่า” เหมยเหมยถามขึ้นด้วยความสงสัย
เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงอย่างได้ใจ “บนโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้ แกตอบตกลงตาแก่จ้าวไปแล้วเหรอ”
“เปล่านี่คะ ฉันไม่ใช่เทวดามาจากไหนสักหน่อย จะไปช่วยคุณย่าได้อย่างไรกัน”
เหมยเหมยส่ายหัว เรื่องที่หล่อนมียาวิเศษในครอบครองมีเพียงเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้นที่รู้เรื่อง แม้แต่จ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่าหล่อนก็ไม่ได้บอก และไม่ได้เล่าให้เฮ่อเหลียนชิงฟังอย่างแน่นอน
เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่เหมยเหมยอย่างมีเล่ห์นัย มุมปากมีรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาได้ เหมยเหมยถูกเขามองจนเริ่มขนลุก หรือว่าตาแก่โรคจิตนี่จะรู้อะไรมา
“ครั้งนี้ยังดีที่ไม่โง่ คุณย่าของเธอหมดอายุขัยแล้ว ชะตาฟ้าลิขิตไม่อาจฝืนได้ เธอไม่ต้องสนใจอะไรก็พอแล้ว”
เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆแต่ก็ยังพอฟังรู้เรื่อง ความหมายของเฮ่อเหลียนชิงก็คือคุณย่าถึงเวลาต้องไปแล้ว ไม่ต้องไปสนใจความเป็นความตายของหล่อน
“ต่อให้ฉันอยากสนใจก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันไม่ใช่พญายมทูตเสียหน่อย อยากให้ใครตายก็ต้องตาย จะให้ใครอยู่ก็อยู่ สมองคุณเลอะเลือนไปกันใหญ่แล้ว” เหมยเหมยแย่งพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะอย่างมีเลศนัย ยัยเด็กนี่คงนึกว่าตัวเองฉลาดมาก
อย่าคิดว่าจะมีเรื่องไหนปิดบังเขาได้
สามปีมานี้สุขภาพของเขาดีขึ้นมาก อีกทั้งร่างกายที่แข็งแรงราวกับซาตานของเหยียนหมิงซุ่น แล้วก็สุขภาพที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของลูกชายคนรองบ้านตระกูลจ้าว แค่เขาลองคิดดูสักนิดก็พอจะเดาออกมาได้บ้างแล้วล่ะ
เขาเชื่อในชะตาฟ้าลิขิต ความโชคดีไม่ใช่เรื่องที่บังคับกันได้ ฟ้าให้ใครมันก็เป็นของคนนั้น แย่งมาก็เท่านั้น
แค่เอาความโชคดีมาไว้ใกล้ ๆตัวยังดีกว่า อาจจะได้ความโชคดีติดมาบ้าง
เหมยเหมยกินข้าวกับเฮ่อเหลียนชิงแล้วก็กลับ ฉิวฉิวไม่ได้กลับไปด้วยอย่างเคย อีกทั้งยังได้อีกประโยคกลับมาว่า “เลิกยุ่งเรื่องคนอื่น ชีวิตจะยืนยาว”
นี่เป็นครั้งที่สามที่เฮ่อเหลียนชิงเตือนหล่อน ถึงเหมยเหมยจะโง่เพียงใดแต่ก็สามารถเดาออกว่าเฮ่อเหลียนชิงต้องมองอะไรออกแน่ ๆ
แต่ว่าเธอไม่กลัวหรอก ถึงแม้เธอจะกัดกับตาแก่ที่ทุกครั้งที่เจอ แต่หล่อนเชื่อใจตาแก่โรคจิตมากกว่าคนในบ้านตระกูลจ้าวเสียอีก
“คุณเองก็ไม่ควรยุ่งเรื่องคนอื่นเหมือนกัน เลิกยุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับพี่หมิงซุ่น วัน ๆคิดแต่จะเอาผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์มายั่วยวนพี่หมิงซุ่นอยู่ได้” เหมยเหมยพูดจาเสียดสีกลับไป
เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงไม่พอใจ หยิบรูปภาพกองใหญ่ออกจากกระเป๋า ชี้ไปที่รูปผู้หญิงที่อยู่บนสุด แล้วพูดว่า “ผู้หญิงพวกนี้ดูสวยสง่ากว่าเธอทั้งนั้น ฉันแนะนำของฉัน เธอจะกระวนกระวายอะไรนักหนา หรือว่ากลัวว่าหมิงซุ่นจะโดนผู้หญิงอื่นแย่งไป”
“พูดจาไร้สาระของคุณไปเถอะ ในใจของพี่หมิงซุ่นมีแค่ฉันคนเดียว ใครก็แย่งไปไม่ได้”
เหมยเหมยเดินจากไปด้วยความโมโห เสี่ยวเมิ่งจัดคนส่งเธอกลับบ้าน พอเห็นเจ้านายดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก็รู้สึกขบขัน เจ้านายปากก็บอกว่ารังเกียจคุณหนูจ้าว แต่จริง ๆเป็นห่วงหล่อนเสียยิ่งกว่าใคร ไม่เช่นนั้นเมื่อสักครู่คงไม่หลุดเตือนคุณหนูจ้าวไปครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก
…………………………………….
ตอนที่ 1165 รสนิยมแย่
“นายท่านครับ นายท่านคิดว่าจ้าวหวายซานจะเดาอะไรออกหรือเปล่าครับ” เสี่ยวเมิ่งถาม
เฮ่อเหลียนชิงแสยะยิ้มพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไอ้โง่นั่นเพิ่งมาเริ่มสงสัยตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร ใจของจ้าวเหมยตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลจ้าวอีกต่อไปแล้ว”
จากที่เขาได้สืบดูมาเมื่อห้าปีที่แล้ว จ้าวเหมยรักษาสุขภาพให้กับจ้าวหวายซานสองสามีภรรยาแต่สามปีที่แล้วขาดการรักษาไป ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดขนาดนี้ตาโง่นั่นกลับยังไม่สงสัยอะไร ไม่น่าบ้านตระกูลจ้าวถึงพังพินาศขนาดนั้น
ช่างเป็นคนที่ไม่เอาไหนจริง ๆ
อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เป็นประโยชน์ต่อเขาแท้ ๆ
เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่มือที่ไม่ได้หยาบกร้านซีดเซียวเหมือนเดิมของตัวเอง นอกจากขาทั้งสองที่ไม่สามารถเดินได้ ร่างกายของเขาตอนนี้ยังแข็งแรงกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนเสียอีก แน่นอนว่าสามารถอยู่สู้กับตาเฒ่าจิ้งจอกหนิงเฉินเซวียนไปได้อีก เป็นห้าสิบปี
“นายท่านไม่ชอบคุณหนูจ้าวไม่ใช่เหรอครับ ทำไมยังต้องเตือนเธออีก” เสี่ยวเมิ่งพูดขัดขึ้นมาอย่างจงใจ
เฮ่อเหลียนชิงทำหน้านิ่งพูดด้วยความกระอักกระอ่วนใจว่า “ฉันเป็นห่วงฉิวฉิว ถ้ายัยเด็กนั่นเป็นอะไรขึ้นมาฉิวฉิวต้องรู้สึกเสียใจมากแน่ ๆ”
ฉิวฉิวที่กำลังกินชอคโกแลตอยู่บนตักเขากลอกตามองบนใส่ มนุษย์มักจะปากไม่ตรงกับใจ ในใจรู้สึกเอ็นดูเจ้านายของเขาแต่ก็ยังจะปากแข็ง
ก็เหมือนเจ้านายของเขา ทั้ง ๆที่ชอบให้นายผู้ชายจูบ แต่ก็มักจะพูดว่า ‘ไม่เอา ไม่เอา’ ไม่เหมือนอย่างเขาบอกหอมก็หอม บอกทำก็ทำ ไม่ต้องอ้อมค้อมเลยสักนิด
เสี่ยวเมิ่งก็กลอกตามองบนอยู่ในใจเช่นกัน ช่างเป็นนิสัยที่น่ารำคาญใจเสียจริง
“นายท่านน่าจะคิดมากเกินไปนะครับ จ้าวหวายซานกับยายแก่จ้าวไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน น่าจะไม่ลงมือกับคุณหนูจ้าว” เสี่ยวเมิ่งรู้สึกว่าเฮ่อเหลียนชิงมีความกังวลมากเกินไป
เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “นั่นเป็นจ้าวหวายซานคนก่อน เมื่อคนเราตกลงมาจากที่สูง แค่เห็นความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย จ้าวหวายซานก็จะกัดไม่ปล่อยหรอก เดี๋ยวคอยดูเถอะ ตาแก่นี่ไม่ปล่อยยัยเด็กโง่นี่ไปง่าย ๆแน่”
“แต่จ้าวหวายซานบอกว่าจะกลับบ้านนอกแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเขาถอยมาตั้งหลักก่อน” เสี่ยวเมิ่งตาสว่างขึ้นมาในทันที ก่นด่าความเลอะเลือนของตัวเองอยู่ในใจ มันเห็นได้ชัดขนาดนี้แล้วเขาก็ยังดูไม่ออกอีก
เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่เขาด้วยสายตาดูถูกสบถด่าว่า “สมองโดนไขมันกินไปหรืออย่างไร ยัยเด็กโง่นั่นยังฉลาดกว่าแกอีก”
เสี่ยวเมิ่งสงบปากสงบคำ ไม่กล้าเถียงอะไรอีก ที่นายท่านว่ามาไม่ผิดเลย ไอคิวของเขาค่อนข้างต่ำไปหน่อย
เฮ่อเหลียนชิงด่าว่าเสี่ยงเมิ่งไปหนึ่งยก เหลือบมองไปเห็นรูปภาพที่เอามายั่วโมโหเหมยเหมยก่อนหน้านี้ ทุกคนหัวโตหูใหญ่อ้วนอวบอิ่มยิ้มมาทางเขา เขายังรู้สึกขนลุกรีบบอกให้เสี่ยวเมิ่งรีบเก็บรูปพวกนี้ไปเสีย
ถ้าพูดถึงเรื่องความดูดีก็คงต้องนับยัยเด็กโง่นั่นเข้าไปด้วย
หน้าตาแบบนั้นถึงจะเรียกว่าดูดี
เสี่ยวเมิ่งเก็บรูปภาพก็อดไม่ได้ที่จะพูดขัดขึ้นว่า “นายท่านมักจะจงใจแกล้งคุณหนูจ้าวอยู่เสมอ ทั้ง ๆที่ไม่เคยคิดจะขัดขวางความสัมพันธ์ของหล่อนกับหมิงซุ่นเลยสักนิด”
“ฉันทำเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอยู่รู้ไหม มีแต่ความสัมพันธ์ที่อดทนกับการทดสอบที่หนักหนาได้เท่านั้นจึงจะสามารถอยู่ด้วยกันได้นาน คนอย่างแกจะไปรู้อะไร” เฮ่อเหลียนชิงพูดอย่างมีเหตุผล
เสี่ยวเมิ่งขี้เกียจจะเถียงกลับ อย่างไรเสียเขาก็เถียงชนะสู้นายท่านที่พูดอย่างไรก็อ้างเหตุผลมาประกอบอยู่ดี
“แกไปหารูปภาพมาอีกสักหน่อย เอาคนที่ดูใจกว้างสง่างามหน่อย ครั้งหน้าหมิงซุ่นกลับมาให้เขาหาเวลาว่างไปดูตัวด้วย” เฮ่อเหลียนชิงสั่งการด้วยรสนิยมที่แย่ ๆของเขา ปีศาจในใจของเขากำลังยิ้มโชว์ฟันอย่างได้ใจ
เสี่ยวเมิ่งพยักหน้าอย่างขบขัน แอบสงสารเหยียนหมิงซุ่นประมาณสามวินาที แต่ก็ไปจัดการตามหน้าที่อย่างสุดความสามารถ
เหมยเหมยกลับมาบ้านอาการของคุณย่าไม่ดีนัก อุณหภูมิในร่างกายสูงไม่ลด ถึงขนาดเริ่มหายใจลำบาก ดูท่าแล้วครั้งนี้หล่อนไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ
“เหมยเหมย พรุ่งนี้พ่อแม่ของหนูจะกลับมานะ” คุณปู่เอ่ยขึ้น สายตาที่มองเหมยเหมยเต็มไปด้วยความซับซ้อน
หวังว่าลูกชายของเขาจะสามารถพูดจาหว่านล้อมหลานสาวได้สำเร็จ อย่างนี้เขาก็จะสามารถยืนยันความคิดของเขาได้แล้ว
…………………………………………