ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1192 ต่างมีความคิดอยู่ในใจ + ตอนที่ 1193 ขยี้ตามองใหม่
ตอนที่ 1192 ต่างมีความคิดอยู่ในใจ
คุณปู่จ้าวตะลึงงัน รีบถามขึ้น “เขาเป็นคนของเฮ่อเหลียนชิงจริงเหรอ? ไม่เข้าใจผิดนะ?”
เขามีความคิดไม่ต่างจากจ้าวอิงหย่งเท่าไร ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ปกติเฮ่อเหลียนชิงรักสันโดษ เขาอยากหาทางร่วมมือด้วยก็อับจนหนทางอยู่ร่ำไป ถ้าหากเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนของเฮ่อเหลียนชิงจริงๆ ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้น…
คุณปู่ตาลุกวาวหลังเหยียดตรงอย่างอดไม่ได้ หากเฮ่อเหลียนชิงยอมช่วย วันที่ตระกูลจ้าวจะผงาดอีกครั้งก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
จ้าวอิงหย่งพยักหน้ากล่าว “น่าจะไม่ผิด ทะเบียนรถของเขาเป็นของเฮ่อเหลียนชิง บ่งบอกว่าคนที่ชื่อเหยียนหมิงซุ่นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเฮ่อเหลียนชิง เหมยเหมยน่าจะรู้ดี เรียกเหมยเหมยมาถามมั้ยครับ?”
จ้าวอิงหัวชาวาบที่ศีรษะพลันพูดตัดบททันที “เหมยเหมยจะไปรู้อะไร เฮ่อเหลียนชิงเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงยังไม่รู้เลย เหยียนหมิงซุ่นก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอีกไม่กี่วันก็รู้แล้ว!”
แม้เขาคิดว่าลูกสาวน่าจะรู้เรื่องดีแต่จ้าวอิงหัวก็ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองเข้ามาแปดเปื้อนเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนพวกนี้ ลูกสาวควรมีชีวิตที่เป็นสุข ไม่จำเป็นต้องสนใจมากมายขนาดนี้!
จ้าวอิงหย่งไม่พอใจท่าทีของจ้าวอิงหัว กำลังจะอ้าปากตำหนิแต่ถูกสายตาของพ่อห้ามไว้ เขามองลูกชายคนเล็กด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเอ่ย “เจ้าสาม เราครอบครัวเดียวกัน ปากกาด้ามเดียวเขียนจ้าวสองตัวไม่ได้!”
เป็นครั้งแรกที่จ้าวอิงหัวรู้สึกว่าถ้อยคำคุณพ่อตัวเองเสียดแทงหูขนาดนี้ สั่งสอนเขามาตั้งแต่เด็กว่าความสามัคคีจะสร้างพลัง ครอบครัวเดียวกันสมานฉันท์ตระกูลจะต้องรุ่งเรือง แต่เวลาที่พี่สองพี่สะใภ้สองแล้วก็แม่ของเขาวางแผนใส่ลูกสาวของเขา เหตุใดพ่อของเขาจึงไม่ห้าม?
หรือครอบครัวเดียวกันที่ว่ามีไว้เฉพาะเวลารังแกลูกสาวเขา?
“พ่อ พี่สองกับแม่ของพวกผมไม่ได้เห็นลูกสาวผมเป็นครอบครัวเดียวกันหรอกนะ” จ้าวอิงหัวมองพ่อด้วยท่าทางเรียบนิ่งแต่นัยน์ตาแฝงด้วยความโกรธ
คุณปู่ทำหน้าชะงักค้าง นับตั้งแต่ลูกชายคนเล็กกลับมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่ภรรยากับลูกชายคนรองลักพาตัวหลานสาว เขาหลงคิดว่าเพราะลูกชายคนเล็กเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งดียังรู้สึกปลาบปลื้มใจอยู่เสียด้วยซ้ำ!
แต่เขากลับไม่คิดว่าจ้าวอิงหัวกลับเอ่ยถึงเรื่องนี้ในยามนี้
จ้าวอิงหัวหมายความว่าอย่างไร?
คุณปู่ไม่พอใจอย่างมาก เขารู้สึกว่าอำนาจของตัวเองในตระกูลกำลังได้รับความท้าทาย
“เจ้าสาม แกพูดอะไรกับคุณพ่อน่ะ?” จ้าวอิงหย่งตวาดเสียงดุดัน
จ้าวอิงหัวยักไหล่พูดเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ “ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น” เขาหันไปหาคุณปู่อีกครั้ง “พ่อครับ พ่อสอนผมตั้งแต่เด็กว่าปากกาด้ามเดียวเขียนจ้าวสองตัวไม่ได้ แต่ทำไมพวกเขาถึงวางแผนทำร้ายลูกสาวผม หรือว่าพ่อเองก็รู้สึกว่าลูกสาวผมไม่ใช่คนสกุลจ้าวเหมือนกัน?”
คุณปู่ใจดิ่งวูบ เขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกหลานต่างอยู่ในความควบคุมของเขา คอยเชื่อฟังเป็นอย่างดีซึ่งสร้างความพอใจแก่เขามาก
แต่ขณะนี้ลูกชายคนรองได้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขา และแทบทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลาย ลูกชายคนเล็กเองก็เริ่มสงสัยในตัวเขา
“แกพูดบ้าอะไร? เรื่องเหมยเหมยเป็นแค่อุบัติเหตุ ฉันไม่รู้ว่าพี่สองกับแม่ของแกจะทำเรื่องแบบนั้นได้ ถ้าฉันรู้ล่ะก็ฉันจะอยู่นั่งดูดายได้อย่างไร?” ท่านผู้เฒ่าพูดแก้ตัว แต่ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ
จ้าวอิงหัวกระตุกยิ้ม ตั้งแต่กลับมาถึงตอนนี้เขาอยากได้ยินท่านผู้เฒ่าพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ กับเขาสักคำ จนกระทั่งเวลานี้พ่อของเขายังคิดว่าตัวเองไม่มีความผิด
เขาเสียใจเหลือเกิน!
“ครั้งแรกไม่รู้ ครั้งที่สองก็ไม่รู้ ครั้งที่สามยังไม่รู้หรือครับ? พ่อ บ้านหลังนี้วางแผนทำร้ายลูกสาวผมครั้งแล้วครั้งเล่า พ่อจะบอกว่าตัวเองไม่รู้ตลอดคงไม่ได้หรอกมั้งครับ?”
จ้าวอิงหัวมองพ่อด้วยสายตาเย็นชา ในที่สุดก็ได้พูดในสิ่งที่เขาอยากพูดมาโดยตลอดสักที เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผู้เป็นพ่อจ้าวอิงหัวกลับรู้สึกสะใจอย่างน่าแปลก
ไม่ต้องฝืนอดทนอีกต่อไปแล้ว!
……………………………………………………..
ตอนที่ 1193 ขยี้ตามองใหม่
จ้าวอิงหัวสูดหายใจเข้าลึก เห็นสีหน้าจ้าวอิงหย่งที่แย่ยิ่งกว่าผู้เป็นพ่อก็ลอบแค่นหัวเราะในใจ
พี่สามคนนี้ของเขา ทำให้เขาต้องทำความรู้จักใหม่จริงด้วยสินะ!
อดีตคิดแค่ว่าเขาเป็นชายมุทะลุที่มีเพียงความกล้าแต่ไร้แผนการ แต่พอมาดูตอนนี้แล้วคนที่โง่เป็นเขาต่างหาก!
ตอนจ้าวอิงสยงยังไม่เข้าคุก กิจกรรมอย่างประชุมครอบครัวแบบนี้จ้าวอิงหย่งไม่เคยพูดเลยแม้แต่ประโยคเดียว ส่วนมากจะแสร้งเป็นใบ้ ไม่ว่าเรื่องอะไรถามไปก็ตอบเพียงว่าไม่รู้
ทว่าวันนี้เขากลับกระตือรือร้นขึ้นมาก ไม่ได้เงียบเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากแล้ว ถึงขั้นจำเลขป้ายทะเบียนรถของเฮ่อเหลียนชิงได้ เรื่องนานนมเล็ก ๆน้อย ๆ เท่านี้เกรงว่าทั้งเมืองหลวงคนที่จำได้คงน้อยมากแล้วล่ะ!
ที่แท้พี่สามของเขาแกล้งทำตัวเป็นหมาป่าสวมหนังแกะนี่เอง!
คิดว่าจ้าวอิงสยงเข้าคุกไปแล้ว เขาจะกลายเป็นพี่ใหญ่สุดหรือ?
ฝันไปสิ!
“เจ้าสาม แกยังต้องคิดเผื่ออนาคตทางการเมืองของแก อีกแค่ครึ่งปีแกก็จะต้องเปลี่ยนสมัยแล้ว” จ้าวอิงสยงเอ่ยเสียงนิ่ง
จ้าวอิงหัวแค่นหัวเราะมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน “พี่สามมีเวลามาเป็นห่วงฉันก็เอาเวลาไปห่วงตัวเองให้มากเถอะ ฉันมีเวลาอีกตั้งครึ่งปีถึงจะเปลี่ยนสมัย แต่พี่กลับต้องไปทำงานฝ่ายธุรการแล้ว!”
จ้าวอิงหย่งหน้าตึงทันที ถ้อยคำของจ้าวอิงหัวเปรียบดั่งใบมีดที่ปักลงกลางอกเขา เพราะจ้าวอิงสยงเป็นตัวถ่วงทำให้อาชีพที่กำลังไปได้ดีของเขาในทีแรกกลายเป็นเพียงตำแหน่งว่างเสียเวลาไปวัน ๆ แม้ภายนอกมีชื่อที่ดูดีแต่ความจริงเป็นแค่เปลือกกลวงที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
หากเขาไม่หาทางอื่น เกรงว่าผ่านไปอีกไม่กี่ปีคงไม่มีใครรู้จักจ้าวอิงหย่งอย่างเขาแล้ว!
“เจ้าสาม นี่แกกำลังดีใจบนความทุกข์คนอื่นเหรอ? พี่สามของแกล้มลงแล้วมีประโยชน์อะไรต่อแก?” คุณปู่ตวาดใส่อย่างไม่พอใจ
จ้าวอิงหัวหัวเราะร่วนอย่างไม่ใส่ใจ “พี่สามได้เลื่อนตำแหน่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับผม พ่อ พวกพ่อค่อยๆ คุยไปนะ ผมกลับไปนอนก่อนล่ะ”
ครอบครัวที่คิดจะวางแผนทำร้ายลูกสาวเขาอย่างเดียวแบบนี้ เหอะ เขากินความโกรธจนอิ่มท้องแล้วล่ะ!
หากอยู่ต่อไปเขาจะต้องหลุดปากด่ายับแน่นอน!
แบบนั้นก็ดูจะอกตัญญูเกินไปหน่อย ฉะนั้นทางที่ดีเผ่นก่อนดีกว่า!
รอแม่ของเขาไปจากโลกนี้เขาจะพาภรรยาลูกสาวไปจากที่นี่ หากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตว่าใครตายเขาจะไม่กลับมาอีก!
ท้าทายไม่ได้อย่างน้อยก็หาทางหลบหนีได้นี่นา!
“เจ้าสาม…”
คุณปู่คิดจะเรียกลูกชายคนเล็กไว้แต่จ้าวอิงหัวกลับเปิดประตูเดินมุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล
“คุณปู่ อาสาม พวกผมเองก็ขอตัวก่อน” สองพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงมองตากันก่อนจะพูดขอตัว
จ้าวอิงหย่งทำหน้าไม่สบอารมณ์ “ไปเถอะ ไปเถอะ…”
เพราะได้รับความเดือดร้อนจากจ้าวอิงสยง จ้าวอิงหย่งเลยแสดงท่าทางไม่ดีใส่หลานชายทั้งสอง อีกอย่างหลายชายทั้งสองช่วยอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาเองก็คร้านจะสนทนาด้วย
คุณปู่เองก็ถอนหายใจยาว โบกมือปัดอย่างหมดแรงให้สองพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงออกไปเสีย
สองพี่น้องจ้าวเสวียเฟิงรู้ตัวดีว่าสถานะของพวกเขากลายเป็นเรื่องอ่อนไหวของที่บ้านจึงไม่อยากอยู่นานมากไปกว่านี้ คิดว่ารอคุณย่าเสียชีวิตพวกเขาจะกลับไปที่ค่ายทหาร หลังจากนี้หากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตว่าใครตาย จะไม่ต้องกลับมาให้คนอื่นระแคะระเคืองดีกว่า
ส่วนน้องเล็กจ้าวเสวียไห่ ตลอดหลายปีที่พวกเขาอยู่ในค่ายทหารก็ได้สะสมเส้นสายมาบ้าง แม้เทียบกับตระกูลจ้าวในวันวานไม่ได้แต่รับประกันได้ว่าน้องเล็กจะใช้ชีวิตอันราบรื่นในค่ายทหารอย่างไร้ปัญหา
สามพี่น้องพวกเขาไม่มีเป้าหมายใหญ่โตมาก เป็นอย่างตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน
จ้าวอิงหย่งพูดเสียงคับแค้นใจ “พ่อ เหมยเหมยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฮ่อเหลียนชิงแน่นอน ขอแค่เฮ่อเหลียนชิงยอม…”
คุณปู่โบกมือขัดคำพูดเขา “ฉันจะหาทางอื่นอีก แกออกไปก่อน”
เขารู้อยู่แล้วว่าขอแค่เฮ่อเหลียนชิงยอมช่วย ตระกูลจ้าวก็จะสามารถสู้ทัดเทียมกับเฮ่อเหลียนเช่อได้แน่นอน แต่ตอนนี้เขาเพิ่งเอ่ยไปจ้าวอิงหัวก็ชิงพูดตัดความหวังทุกทางไว้ก่อน
เวลานี้เขาเริ่มนึกเสียใจว่าไม่ควรปล่อยภรรยากับจ้าวอิงสยงทำตามใจตัวเอง แต่ลูกชายคนเล็กก็เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย ทำไมถึงไม่เห็นแก่ส่วนรวมเพียงเพราะความแค้นส่วนตัวบ้างล่ะ!
เขาต้องเรียกจ้าวอิงหัวมาคุยดี ๆ อีกสักหน่อย คนเราจะมองเรื่องเบื้องหน้าเท่านี้ไม่ได้ ต้องรู้จักมองการณ์ไกล!
………………………………………………….