ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1204 ฉันยังไม่ได้บอกว่าจบ + ตอนที่ 1205 งานที่คุณเขียนเอง คุณก็จำไม่ได้เหรอ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1204 ฉันยังไม่ได้บอกว่าจบ + ตอนที่ 1205 งานที่คุณเขียนเอง คุณก็จำไม่ได้เหรอ
ตอนที่ 1204 ฉันยังไม่ได้บอกว่าจบ
เหมยเหมยอ่านต่อออกมาอีกท่อนหนึ่ง ยังคงเป็นแนวเสียดสีแบบเผ็ดร้อนอย่างเคยแต่ครั้งนี้มีความละมุนขึ้นมาบ้าง สมองของโอหยางซานซานยังคงว่างเปล่า เหงื่อบนหน้าผากผุดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ท่อนนี้หล่อนก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย
จ้าวเหมยตั้งใจแน่ ๆ จงใจเลือกตอนที่หล่อนไม่ได้อ่าน ทำให้หล่อนต้องขายหน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
หลังจากที่เหมยเหมยอ่านออกมา คนอื่น ๆก็เริ่มเปิดหนังสือหาดูอีกครั้ง แต่พวกเขาหาอย่างไรก็หาไม่เจอ ทำได้เพียงแต่เปิดหาต่อไป แต่บางคนก็มีท่าทีประหลาดเหมือนจะคิดอะไรออกแต่ไม่กล้าฟันธงว่าใช่
“โอหยางซานซาน สองท่อนนี้เธอคิดออกแค่ท่อนเดียวก็ถือว่าโอเคแล้ว เธอคิดออกหรือยัง?” เหมยเหมยถาม
สีหน้าของโอหยางซานซานไม่สู้ดีนัก ในหัวของหล่อนตอนนี้ฟุ้งซ่านไปหมด ขนาดตอนที่เคยอ่านมาหล่อนเองก็ลืมไปหมดแล้ว
เหมยเหมยถามขึ้นมาอีกรอบ โอหยางซานซานก็ยังคงไม่ตอบอะไร ด้านล่างเวทีเริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนต่างก็เริ่มสงสัย เหมือนที่สาวสวยคนนั้นพูดท่อนหนึ่งนึกไม่ออกอาจจะพอให้อภัยได้ แต่ถ้าสองท่อนถึงขนาดคิดไม่ออกเลยก็ดูผิดปกติจริงๆ
หรือว่าเรื่องที่ในหนังสือพิมพ์พูดจะเป็นเรื่องจริง?
“โอหยางซานซานเธอเพิ่งออกหนังสือไม่ใช่เหรอ ทำไมจำไม่ได้สักนิดเลยล่ะ? เด็กพวกนี้เธอไม่ได้คลอดออกมาเองเหรอ?” เหมยเหมยหัวเราะถากถางใส่
“จ้าวเหมย เธอจงใจใส่ร้ายฉัน หนังสือเล่มนี้ฉันเป็นคนเขียนเอง ในนั้นมีตั้งหลายบทหลายตอนฉันจะไปจำหมดทุกท่อนเลยได้อย่างไรกัน” โอหยางซานซานแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนจะไร้น้ำหนัก
โอหยางปินที่อยู่ด้านหลังเวทีสีหน้าเงียบขรึม เขารู้สึกไม่พอใจหวงอวี้เหลียนเป็นอย่างมาก ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลยเสียจริง ขนาดเด็กสาวคนเดียวก็ยังเอาชนะไม่ได้
เขาเดินออกไปโทรศัพท์ ไม่นานนักบริเวณลานก็มีคนเดินเพิ่มเข้ามา สวมเสื้อผ้าธรรมดาเหมือนคนปกติทั่วไป คนพวกนี้แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มคน
“ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะมาหาเรื่อง หนังสือหนาขนาดนี้จะไปจำหมดได้อย่างไรกัน? ถึงแม้ว่าจะเป็นพ่อแม่แท้ ๆ พอมีลูกออกมากแล้วก็มีตอนที่จำไม่ได้เหมือนกัน” มีคนตะโกนขึ้นมาท่ามกลางคนชุกชุม
แล้วก็มีคนสนับสนุนขึ้นมาในทันที “ใช่ ตอนเด็กระหว่างฉันกับน้องชายฉัน แม่ฉันยังจำสลับกันอยู่เลย จำไม่ได้มันน่าแปลกตรงไหน”
……
คนส่วนใหญ่มักจะเอนเอียงไปตามกระแสส่วนใหญ่ จึงมีสำนวนที่กล่าวว่า ‘ขยับแขนเรียกแขก’
ขอแค่มีคนเปิดประเด็น ถึงแม้ในใจคนอื่นจะไม่ยินยอม แต่ก็จะไม่คัดค้านอะไร
สถานการณ์ในตอนนี้กำลังเป็นเช่นนั้น พวกที่มีท่าทีแปลกใจนั้นพอโดนคนกลุ่มนี้ขัดขึ้นมา พวกเขาก็ได้แต่เก็บความน่าสงสัยนั้นไว้ในใจ เปลี่ยนทีท่ากลับมาเป็นปกติ แล้วคนอื่น ๆก็หันมาสนับสนุนคนกลุ่มนี้ รู้สึกว่าจ้าวเหมยจงใจหาเรื่องโอหยางซานซาน
พิธีกรได้รับสายตาจากหวงอวี้เหลียน จึงพูดขึ้นว่าตอนนี้สายมากแล้ว เพื่อไม่เป็นการกระทบต่อเวลาทานอาหารกลางวันของทุกคน ในช่วงตอบคำถามก็จะข้ามไปเลยแล้วประกาศจบงานขายหนังสือในทันที
เหมยเหมยหยิบโทรโข่งขึ้นมาแล้วพูดว่า “คุณจะรีบร้อนไปทำไมกัน? ยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลย เรื่องกินข้าวไม่ต้องรีบหรอก ตอบคำถามฉันมาก่อนจะดีกว่า!”
“ใช่ ตอบคำถามมาก่อน!” คนที่ติดตามเรื่องราวอยู่จำนวนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา สถานการณ์จึงวุ่นวายขึ้น
หวงอวี้เหลียนไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วจึงลากตัวโอหยางซานซานจะออกไป เหมยเหมยร้อนใจรีบใช้แขนขาปีนขึ้นไปบนเวทีขวางทั้งสองแม่ลูกไว้ มองพวกเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
“จะรีบไปทำไมกันล่ะ? หรือพวกคุณยอมรับแล้วว่าเรื่องในหนังสือพิมพ์เป็นเรื่องจริงงั้นสิ?” เหมยเหมยโบกหนังสือพิมพ์ในมือไปมา
หวงอวี้เหลียนมองเหมยเหมยด้วยสายตาโกรธแค้น ยัยเด็กบ้านี่สมควรตาย มาพังเรื่องดีๆของเธอเสียทุกครั้ง!
“แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องจริง แค่งานขายหนังสือในวันนี้จบลงแล้วก็เท่านั้น สำหรับเรื่องข่าวลือพวกเราจะกลับไปเช็คโดยละเอียดแน่ ไม่รามือง่าย ๆหรอก” หวงอวี้เหลียนพูดอย่างแน่วแน่
“คุณบอกว่าจบมันก็จบอย่างนั้นเหรอ? หึ…ฉันยังไม่ทันบอกว่าจบเลย ในเมื่อโอหยางซานซานตอบไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะตอบแทนหล่อนเอง!” เหมยเหมยเปิดหนังสือขึ้นมา อมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยทำให้หวงอวี้เหลียนรู้สึกกระวนกระวายไม่น้อย
………………………………..
ตอนที่ 1205 งานที่คุณเขียนเอง คุณก็จำไม่ได้เหรอ
เหมยเหมยไม่สนใจความโกรธแค้นของหวงอวี้เหลียน นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!
เธอเปิดหนังสือไปท่อนที่เธออ่านเมื่อสักครู่ แล้วพูดเสียงดังว่า “ท่อนแรกที่ฉันอ่านมาจากตอน ‘ชีวิตคนดุจละคร’ ท่อนที่สี่ของหนังสือเล่มนี้ น่าจะมีหลายคนที่หาเจอกันแล้วใช่ไหม?”
หลายคนด้านล่างเวทีต่างพากันพยักหน้า พวกเขาหาท่อนนี้เจอแล้วจริง ๆ แต่อีกท่อนหนึ่งพวกเขาหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
เหมยเหมยเหลือบมองหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกแวบหนึ่งพลางฉีกยิ้มเล็กน้อย ราวกับมีเวทมนตร์เธอเปิดหนังสือเล่มที่อยู่ในมือขึ้นมาก็เปิดขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง หวงอวี้เหลียนใจเต้นตึกตักยิ่งกระวนกระวายขึ้นเรื่อย ๆ
“คงจะมีหลายคนที่กำลังประหลาดใจ ทำไมถึงหาท่อนที่สองที่ฉันอ่านไม่เจอ” เหมยเหมยพูดพลางหัวเราะไป คนด้านล่างเวทีไม่น้อยต่างพากันพยักหน้าอีกครั้ง
ใช่ ก็มันหาไม่เจอนี่นา!
เหมยเหมยหยิบหนังสืออีกเล่มชูขึ้นมา “เพราะว่าท่อนนั้นไม่ได้อยู่ในหนังสือเล่มนี้ แต่อยู่ในหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ก็คือหนังสือในมือฉันเล่มนี้ เป็นงานเขียนที่เพิ่งตีพิมพ์ของคุณชายน่าหลัน น่าจะมีคนที่เคยอ่านหนังสือของเขา ก็น่าจะพอคุ้นๆท่อนนี้อยู่บ้าง”
“ฉันเคยอ่าน คุณชายน่าหลันเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ฉันชอบ มิน่าฉันฟังท่อนนั้นแล้วก็รู้สึกคุ้นหูขนาดนั้น!”
“ฉันก็รู้สึกคุ้นหู แต่ก็ไม่แน่ใจนัก”
……
อู่เชาเขียนหนังสือมา 3 ปี ออกหนังสือมาประมาณ 3-4 เล่ม มีนักอ่านอยู่ทั่วประเทศ ไม่ใช่ของลอกเลียนแบบเกรดต่ำอย่างโอหยางซานซานจะมาเทียบได้
ดังนั้นทันทีที่เหมยเหมยพูดถึงหนังสือของคุณชายน่าหลัน ด้านล่างเวทีก็มีหลายคนที่ให้การตอบรับ พวกเขาต่างก็เป็นแฟนคลับของอู่เชา เป็นขณะเดียวกันกับที่พวกเขาเริ่มเกิดความสงสัย
หวงอวี้เหลียนดูท่าไม่ดีแน่ จ้าวเหมยถึงกับเอาผลงานคนอื่นมาเล่นงานซานซาน ตอนนี้จะทำอย่างไรดีนะ?
หวงอวี้เหลียนคนที่มีการวางแผนอย่างดิบดีมาตลอด รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นครั้งแรก
เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร เธอมองไปที่หลังเวที พบว่าโอหยางปินกับท่านผู้เฒ่าโอหยางไม่อยู่แล้ว รู้สึกเหมือนตกลงไปอยู่ในห้องแช่แข็งชั่วขณะ
เธอกับลูกสาวโดนบ้านตระกูลโอหยางทอดทิ้งอีกแล้ว!
ความพยายามทั้งหมดของเธอเท่ากับสูญเปล่า!
สยงมู่มู่ที่อยู่ด้านล่างอยากจะมีส่วนร่วมด้วย พูดขึ้นมาอย่างเสียงดังว่า “นักเขียนที่จำบทความของตัวเองไม่ได้อาจจะบอกได้ว่าความจำไม่ดี แต่ขนาดผลงานที่เป็นของตัวเองเขียนหรือไม่นั้นยังไม่รู้ อันนี้น่าจะฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่แหะ!”
เซียวเซ่อรีบพูดต่อขึ้นมาทันที: “นายโง่หรือไง มันก็หมายความว่าเธอไม่ได้เป็นคนเขียนหนังสือเองไงล่ะ ยัยสมองหมูโอหยางซานซาน บทความที่เธอเขียนออกมายังไม่สละสลวยเลยจะเขียนออกมาดีแบบในหนังสือได้อย่างไรกัน!”
สยงมู่มู่ตีหัวตัวเองเบา ๆ ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน “ใช่เนอะ ทำไมผมถึงลืมประวัติของโอหยางซานซานเสียจนเกลี้ยง เธอมีชื่อเสียงได้การสร้างเรื่องจะตาย ห้าปีที่แล้วยังอยากจะใช้เส้นชนะการแข่งขันประกวดวาดภาพระดับประเทศอยู่เลย!”
“ฝีมือระดับเด็กอนุบาลอย่างหล่อนน่ะหรอ ยังอยากจะมาแย่งตำแหน่งแชมป์กับฉัน?”
เซียวเซ่อกอดอก สีหน้าด้วยมาดเท่จนทำให้ดูไม่ออกว่าเธอเป็นหญิงหรือชาย ดึงดูดสายตาของเด็กสาวหลายคนได้ไม่น้อย แต่ฟังจากที่เธอพูดแล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกเสียใจ
ทำไมเป็นผู้หญิงไปได้ล่ะ?
คนที่ยืนข้าง ๆเธอต่างหากที่เป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ!
สยงมู่มู่ก็รีบเข้ามาประจบเสริม “ก็ใช่น่ะสิ ถ้ามีเธอกับเหมยเหมยอยู่ แชมป์กับรองแชมป์จะเป็นของคนอื่นไปได้อย่างไร ยิ่งพวกของลอกเลียนแบบเกรดต่ำก็ยิ่งอย่าไปพูดถึงเลย!”
ทั้งสองคนหนึ่งรับคนหนึ่งส่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เล่าเรื่องเมื่อห้าปีก่อนที่โอหยางซานซานใช้เส้นสายออกมาจนหมด
เรื่องนั้นถึงแม้จะถูกโอหยางเซี่ยงหมิงปิดข่าวไปแล้ว แต่กำแพงมีหู ประตูมีช่อง มีบางคนที่รู้อยู่แล้วแต่แค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เอาเรื่องเก่าออกมาพูด บวกกับท่าทีที่พูดคลุมเคลือไม่ฉะฉานของโอหยางซานซาน สายตาของหลายคนก็เริ่มจะเปลี่ยนไป เริ่มมองโอหยางซานซานที่อยู่บนเวทีอย่างข้องใจ
………………………………………………