ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1208 เลวเหมือนกันทั้งรัง + ตอนที่ 1209 แทะโลม
ตอนที่ 1208 เลวเหมือนกันทั้งรัง
เซียวเซ่อทำงานไม่เคยพลาด นักข่าวพวกนั้นที่เธอเชิญมารับผิดชอบหน้าที่ได้เป็นอย่างดี งานขายหนังสือจัดขึ้นตอนกลางวัน ข่าวภาคค่ำก็รายงานข่าวเรื่องนี้แล้ว
ถึงแม้เรื่องนี้คนที่เกี่ยวข้องคือโอหยางซานซาน แต่จากการชี้นำของเซียวเซ่อ นักข่าวก็จงใจพูดถึงเรื่องบ้านตระกูลโอหยาง พูดถึงว่าบ้านตระกูลโอหยางเลวเหมือนกันทั้งรัง โอหยางซานซานถึงขนาดกล้าขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นลูกหลานตระกูลบ้านโอหยางคนอื่นก็คงไม่ใช่คนดีอะไร
ข่าวภาคค่ำพูดมากไปจะไม่ดี ประเด็นหลักจึงอยู่ที่จ้างมือปืนเขียนงานให้ แต่เซียวเซ่อก็ไม่ได้หาสำนักพิมพ์แค่เจ้าเดียว สำนักพิมพ์เล็กเจ้าอื่นไม่ได้เกรงกลัวอะไรมากจึงเขียนละเลงจัดชุดใหญ่ ขุดเรื่องราวในอดีตของโอหยางซานซานออกมาแฉ
ห้าปีที่แล้วใช้เส้นสายในการแข่งขันระดับประเทศ อีกทั้งชาติกำเนิดที่น่าสงสัยของโอหยางซานซาน…
หนึ่งในนั้นมีสำนักพิมพ์เจ้าหนึ่งที่ใจกล้ามากที่สุด ขุดคุ้ยเรื่องราวสกปรกของบ้านตระกูลโอหยางทุกเรื่องออกมาแฉอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ใครให้ลูกหลานบ้านตระกูลโอหยางทำแต่เรื่องสกปรกล่ะ!
แน่นอนว่าคนพวกนี้ถูกเขียนผ่านเท่านั้น แต่พุ่งประเด็นมาที่เรื่องระหว่างหวงอวี้เหลียนกับโอหยางปิน ความรักไร้พรมแดน อีกทั้งโซ่ทองคล้องใจความรักของเขาทั้งสอง
อีกทั้งยังแนบหลักฐานความรักของคู่รักคู่นี้——
เหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องไปแอบถ่ายความสัมพันธ์ของหวงอวี้เหลียนกับโอหยางปินในระยะนี้ ฝีมือการถ่ายภาพไม่เป็นรองเสี่ยวกัว อีกทั้งยังมีภาพถ่ายที่เสี่ยวกัวถ่ายไว้เมื่อสามปีที่แล้วอีก
เพื่อให้ผู้อ่านอ่านอย่างมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น สำนักพิมพ์ก็ไม่เสียดายต้นทุน แล้วยังตีพิมพ์ออกมาเป็นภาพสี อีกทั้งยังใส่ภาพโมเสคแค่พอเป็นพิธี
จิ๊จิ๊จิ๊!
ในยุคปัจจุบันบางประเทศยังไม่ได้มีหนังเอวีเข้ามามากมาย ปัญหาความเบื่อหน่ายของคนโสดหลายคนไม่ได้รับการแก้ไข หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ช่วยแก้ปัญหานี้ให้พวกเขาได้มากจริง!
ชั่วพริบตากระดาษก็เป็นสิ่งที่ขาดแคลนในเมืองหลวง รายงานพาดหัวข่าวนี้ถึงสามวัน และทุกวันขายหมดตลอด แม้แต่คนในสำนักพิมพ์ที่อยากจะซื้อกลับไปอ่านเองก็ยังไม่มี
บ้านตระกูลโอหยาถึงขนาดกดดันขมขู่และคำด่ามากมายให้สำนักพิมพ์แห่งนี้ แต่สำนักพิมพ์เล็กแห่งนี้กลับไม่เกรงกลัวอำนาจมืด ลุกขึ้นสู้กับอำนาจมืด เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่วงการเสียจริง!
แต่ความจริงแล้ว——
“พี่หมิงซุ่น พี่คิดไว้นานแล้วใช่ไหมจึงซื้อสำนักพิมพ์เล็กเจ้านี้ไว้ตั้งแต่แรก” เหมยเหมยอยู่ในอ้อมกอดของชายผู้เป็นที่รัก มีความสุขที่สุดเลย
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัยมองเข้าไปในตาของเหมยเหมย ความจริงน่าจะเป็นแบบที่เธอคิด เธอก็อดซาบซึ้งใจมากไม่ได้ เงยหน้าขึ้นไปจูบเขาเบาทีหนึ่ง
สำหรับบางคนที่ไม่ได้กินเนื้อมาครึ่งเดือนแล้ว จูบเบา ๆครั้งเดียวจะสามารถดับกระหายได้อย่างไรกัน?
เหยียนหมิงซุ่นใช้มือกดที่ท้ายทอยของหญิงสาว เพิ่มรสจูบให้ดูดดื่มมากขึ้นไปอีก บรรยากาศรอบข้างเริ่มเดือดพล่าน นกกระจอกรอบข้างก็เริ่มส่งเสียงร้อง มองมนุษย์คู่นี้ด้วยสายตาฉงน
สถานที่ที่พวกเขามาพลอดรักกันคือริมลำธารในป่าไม้ที่แสนเงียบสงบมากไม่มีใครมารบกวนได้ ยิ่งไปกว่านั้นเหยียนหมิงซุ่นมีประสาทสัมผัสที่เหนือมนุษย์ หากห่างออกไปอีก 100 เมตรมีการเคลื่อนไหวใดขึ้น เขาก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงสามารถกินเนื้อได้อย่างสบายใจ…
“เหมยเหมย…ตรงนี้ทรมาน…”
หัวหน้าใหญ่ในอนาคตก็อ้อนเป็นเหมือนกัน เหมยเหมยที่หายใจหอบก้มลงปิดตาด้วยความเขินอาย เหยียนหมิงซุ่นจับมือของเธอให้ไปสัมผัสบางอย่าง…
……
ผ่านไปสักพักในที่สุดบางคนก็รู้สึกพอใจแล้ว มองไปดูสาวน้อยที่ขวยเขินราวกับกระต่ายสีชมพูในอ้อมกอด ทั้งสองต่างฟังเสียงหัวใจของกันและกัน บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบขึ้นมา
คิดไปถึงเมื่อปีที่แล้วลูกน้องของเขาทำงานผิดพลาดซื้อสำนักพิมพ์ที่ใกล้จะล้มละลาย เขายังลงโทษส่งตัวลูกน้องไปทำภารกิจที่ไกลแสนไกลเป็นเวลาหนึ่งเดือน เหยียนหมิงซุ่นยังรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างไรไม่รู้
หลังจากกลับไปต้องลงโทษให้ลูกน้องคนนั้นไปอยู่ไกลกว่าเดิมแล้ว!
……………………………………………………
ตอนที่ 1209 แทะโลม
“พี่หมิงซุ่น…พี่อย่าจับซี้ซั้วสิ”
เหมยเหมยไม่รู้เลยว่าในใจของเหยียนหมิงซุ่นกำลังฟุ้งซ่าน เธอไปล้างมือที่ริมแม่น้ำแล้วกลับมากินของว่าง จงใจเขยิบออกห่างคนบางคน แต่มือเรียวยาวของใครบางคนกลับคว้าเธอมานั่งบนเบาะหนังแท้
ดูท่าตอนที่ผู้นำใหญ่ในอนาคตจู๋จี๋กับเจ้าหญิงตัวน้อยตามลำพัง เจ้าหญิงตัวน้อยคงอยู่ได้แค่ในอ้อมกอดที่กว้างใหญ่ของเขาที่เดียวเท่านั้นแล้วแหละ
อย่าคิดจะได้หนีไปไหนเลย!
แน่นอนว่าเหมยเหมยเองก็ชอบขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของคนรักเช่นกัน แต่มือที่ปัดป่ายไปมาอยู่ไม่สุขทำให้เธอรำคาญใจไม่น้อย!
เธอไม่อยากจุดเชื้อเพลิงขึ้นมาอีก ตอนนี้มือของเธอยังปวดอยู่เลยนะ!
กดมือนั้นลงเป็นครั้งที่สิบแปด เหมยเหมยมองค้อนใส่เหยียนหมิงซุ่นที่ตีหน้านิ่ง เมื่อก่อนยังรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนสุขุมเยือกเย็น แต่ตอนนี้ดูท่าเธอคงจะตาถั่วไป
เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นภูเขาไฟที่เดือดพล่านพร้อมปะทุพ่นลาวาออกมาได้ทุกเมื่อ!
เหยียนหมิงซุ่นจะทำใจออกห่างเจ้าตัวนุ่มหอมหวานได้ที่ไหนกัน ห้ามใจไม่ให้ลูบไล้ผิวเนียนละเอียดอีกครั้งไม่ไหว ถึงแม้จะทำอะไรไม่ได้ แต่สัมผัสนุ่มสบายกว่าอากาศแล้วกัน
เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งและคร้านจะยุ่งกับเขาแล้ว จึงเปิดของว่างที่หยิบนำมาด้วย สิ่งที่ดึงดูดเธอก็คือผลไม้ชั้นยอดอย่างเชอร์รีสีแดงสดที่ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้
รสชาติไม่เลวจริง ๆ ไม่มีรสจืดเหมือนผลไม้นอกฤดูกาลเลยสักนิด เหมยเหมยป้อนใส่ปากไม่หยุด พอเห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่กินจึงจับป้อนเข้าปากไปหนึ่งลูก
“อร่อยใช่ไหมล่ะ?” เหมยเหมยเอ่ยถาม
เหยียนหมิงซุ่นกินเชอร์รีเข้าไปแล้วคายเม็ดออกมา อันที่จริงเขาไม่ค่อยชอบกินผลไม้รสเปรี้ยวหวานประเภทนี้สักเท่าไร เขามองหญิงสาวในอ้อมกอดที่แหงนหน้าขึ้นมาเล็กน้อย คางสวยได้รูปที่มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ
มองลงมา…คอยาวขาวระหง ต่อให้เขาจูบเป็นหมื่นครั้งก็ไม่ทางเบื่อ
เพราะจูบอันเร่าร้อนและสิ่งที่อยู่ล่างคอเสื้อที่ถูกปลดออก รูปร่างอ้อนแอ้นที่เขาชอบมากที่สุด ต่อให้กัดขยำเป็นล้าน ๆรอบก็ยังอยากจะลิ้มรสอีก
เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งดับไฟราคะในร่างกายได้ก็ถูกลูกเชอร์รีสีแดงลูกเดียวปลุกเร้าขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด สายตาพลันขรึมลง ก้มหน้าลงประทับริมฝีปากสีแดงที่เขาไม่เคยเบื่อ ปฏิบัติการแทะโลมสาวน้อยเป็นครั้งแรก
“ไม่อร่อยเท่า…เหมยเหมยหรอก…”
เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยเสียงแหบพร่า ในปากเหมยเหมยมีเชอร์รีอยู่ลูกหนึ่ง พอเหยียนหมิงซุ่นบุกจู่โจมเข้ามาเชอร์รีในปากก็ถูกแย่งไป แต่เพียงครู่เดียวน้ำรสหวานเปรี้ยวก็ถูกส่งกลับเข้ามาให้ปาก
เหมยเหมยกลืนลงไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังรู้สึกว่าอร่อยกว่าตนเองเคี้ยวเสียอีก อดไม่ได้จะลอบด่าตัวเองในใจว่าช่างไร้ยางอายเสียจริง
“พี่ป้อนเชอร์รีให้เหมยเหมยแล้ว เหมยเหมยก็ต้องให้พี่กินเป็นการตอบแทนนะ”
เสียงของเหยียนหมิงซุ่นดังขึ้นข้างหู น่าเสียดายที่ไอคิวของเหมยเหมยไม่สูงพอ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจความหมายอันล่อแหลมนี้เลย เพียงแค่ยื่นมือไปหยิบลูกเชอร์รีในกล่องด้วยท่าทีซื่อบื่อ แต่กลับถูกผลักล้มนอนลงบนพรม
“พี่อยากกินอันนี้…”
… (นักเขียน : ไม่กล้าเขียนต่อแล้ว ทุกคนจินตนาการเอาเองนะ)
รอจนกินเสร็จอีกครั้ง เหมยเหมยถึงเพิ่งเข้าใจความหมายในคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นเมื่อครู่ อายตัวแทบม้วนจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ลอบด่าใครบางคนว่าเป็นหมาป่าจอมหื่น
ทำไมเมื่อก่อนเธอไม่เคยสังเกตเห็นธาตุแท้ของหมาป่าจอมหื่นนะ?
เหยียนหมิงซุ่นที่ได้กินเต็มอิ่มถึงสองมื้อกลับรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เขาจึงโอบสาวน้อยที่เหนื่อยล้าเข้ามาในอ้อมกอดอย่างระแวดระวังแล้วป้อนเชอร์รีเข้าปากทีละลูก บริการดีเต็มที่ไม่มีขาดตกบกพร่อง
ตอนแรกเหมยเหมยที่ยังโกรธอยู่ไม่ยอมอ้าปากกิน แต่ไหนเลยจะต้านทานอาหารรสเลิศและเสน่ห์ของชายหื่นได้ ไม่นานก็กลับไปเป็นเด็กสาวว่านอนสอนง่ายอย่างเดิม จัดการเชอร์รีหนึ่งกล่องจนเกลี้ยง
“พรุ่งนี้พี่จะมารับนะ เป็นเด็กดีรออยู่ที่บ้านล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นลูบไล้เส้นผมของเหมยเหมยที่ลื่นราวกับเส้นไหมเบา ๆ
เหมยเหมยพยักหน้าอย่างว่าง่าย “อื้ม พี่หมิงซุ่นได้เชิญพวกคุณปู่ของฉันไหม?”
……………………………….