ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1226 พยายามอย่างช้าๆ + ตอนที่ 1227 สืบทอดวงศ์ตระกูล
ตอนที่ 1226 พยายามอย่างช้าๆ
อันที่จริงเหมยเหมยก็ไม่ได้โมโหมากนักหรอกก็แค่โมโหแวบหนึ่งเท่านั้น เหยียนหมิงซุ่นปลอบหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว เธอสูดหายใจเข้าไป ถูเสื้อของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเก้อเขิน
“เดิมทีฉันยังอยากจะขอบคุณเขา แต่เขาพูดจาไม่น่าฟังเกินไป ฉันถึงอดไม่ได้จนต้องด่าไปสักที” เหมยเหมยก้มหัวบีบนิ้วทำเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยได้รับความไม่เป็นธรรม
เหยียนหมิงซุ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดหน้าให้เธอ ปลายจมูกแดงเล็กน้อย ดูน่าสงสารแต่ดูน่าขันมากกว่า
พ่อบุญธรรมของเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเห็นได้ชัดว่าชอบเหมยเหมยจะตาย แต่มักจะแหย่ให้เหมยเหมยโมโหอยู่เรื่อย พูดจาไม่ลดราวาศอกบ้างเลย สองคนนี้เจอกันทีไรเป็นต้องเถียงกันทุกที วันไหนที่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติเขาคงจะประหลาดใจมาก!
“เป็นความผิดของพ่อเขาแหละ อีกเดี๋ยวพี่จะต้องสั่งสอนตาเฒ่านั่นแน่นอน”
เหมยเหมยหัวเราะทั้งน้ำตาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหน้า “ฉันต้องกลับแล้ว แม่บอกให้กลับไปกินข้าวเย็น คืนนี้ที่บ้านต้องมีเรื่องกวนใจแน่”
นึกถึงใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ตอนที่คุณปู่และจ้าวอิงหย่งจากไป อารมณ์ของเหมยเหมยก็แย่อีกครั้ง
อยากจะกลับเมืองจินจัง!
“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้เธอคือคนของพี่ ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่ของเธอหรือว่าพวกลุงสามจะพูดอะไร เธอก็บอกให้พวกเขามาหาพี่ อย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” เหยียนหมิงซุ่นสอนวิธีรับมือ เหมยเหมยพยักหน้ารับรัว ๆ
เรื่องที่สวนฟาร์มเยอะมากจริง ๆ พอเหยียนหมิงซุ่นส่งเหมยเหมยถึงบ้านตระกูลจ้าวแล้วก็ไปเลย ไม่ได้อยู่พูดคุยกับพวกคุณปู่
”ยังดีที่กลับมา……”
จ้าวอิงหย่งอดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บแนม เพิ่งจะพูดได้แค่เพียงประโยคเดียวเขาก็โดนอันหย่าฟางถีบเข้าให้ แถมยังจ้องมองอย่างดุร้าย จ้าวอิงหย่งจึงรีบปิดปากของเขาทันที
“เหมยเหมยกลับมาแล้ว รีบกินข้าวเร็ว วันนี้เชฟหยวนทำหมูตุ๋นหน่อไม้แห้งที่เธอชอบกินมาก ๆด้วยนะ หน่อไม้แห้งที่หนูเอากลับมายังไงล่ะ!” ใบหน้าของอันหย่าฟางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ฟาร์มเมื่อตอนกลางวันเลยสักนิด
คุณปู่ก็ไม่เอ่ยถึงเช่นกัน พูดแค่เพียงว่ารีบกินข้าว พวกพี่น้องจ้าวเสวียไห่ก็รีบหยิบถ้วยทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ตอนกลางวันได้แต่ดูความวุ่นวายจึงไม่ทันได้กินอิ่ม
เหมยเหมยแอบถอนหายใจ ถึงแม้ว่าการแสดงออกของพวกคุณปู่จะต่างจากที่คิดเอาไว้ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงพูด
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ จ้าวอิงหย่งและคุณปู่ก็พูดคุยกันที่ห้องหนังสือ พวกจ้าวเสวียเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ จึงพูดปฏิเสธโดยอ้างว่ามีนัดกับเพื่อนแล้วก็ออกไป
“พ่อ ทำไมพ่อถึงไม่ว่าเหมยเหมยล่ะ ดูที่วันนี้เธอพูดสิ นี่ไม่ใช่ว่าอยากเอาใจออกห่างจากตระกูลจ้าวหรือยังไง?” จ้าวอิงหย่งพูดอย่างไม่พอใจ
ใบหน้าของคุณปู่ยังคงนิ่ง เขาหยิบบุหรี่หนึ่งซองออกมาจากกระเป๋าของจ้าวอิงหย่ง เขย่าบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของจ้าวอิงหย่ง และเริ่มสูบบุหรี่
เมื่อสิบปีก่อนเขาทำตามคำแนะนำของแพทย์และเริ่มเลิกสูบบุหรี่ จนเลิกบุหรี่ไปสิบปีไม่แตะบุหรี่อีกเลยแม้แต่มวนเดียว แต่วันนี้เขาอึดอัดใจจริง ๆจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสูบบุหรี่เพื่อกำจัดความกลุ้มใจนั่น
สูบไปสามมวนคุณปู่ถึงได้หยุด สีหน้าดูดีขึ้นมาหน่อย เขาถอนหายใจพูดกับจ้าวอิงหย่งว่า “วันหลังอย่าเอาเรื่องเฮ่อเหลียนชิงไปรบกวนเหมยเหมย รอแม่ของลูกไปแล้ว พวกเราทั้งครอบครัวก็ย้ายออกจากที่นี่ ไปใช้ชีวิตสงบสุขกันเถอะ”
“พ่อ…”
จ้าวอิงหย่งร้องขึ้นอย่างตกใจ ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพ่อของเขาถึงได้ไม่แสวงหาความก้าวหน้า!
คุณปู่โบกไม้โบกมืออย่างรำคาญบอกให้เขาออกไป ตอนนี้เขารู้สึกรำคาญเมื่อเห็นลูกชายทั้งสามคนนี้ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ข้างกายไม่มีแม้แต่คนที่จะให้คำแนะนำได้เลยสักคน
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถใช้ชีวิตเรียบง่ายได้อย่างปากพูด แต่เขาจะรีบร้อนไม่ได้
วันนี้ที่สวนเห็นได้ชัดว่าเหมยเหมยตัดความสัมพันธ์กับตระกูลจ้าว มีอคติต่อตระกูลจ้าว เขาจะใจร้อนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันจะกลับตาลปัตรกันไปหมด
ต้องให้เป็นไปอย่างช้า ๆ เขาไม่เชื่อหลานสาวของเขาจะทนมองดูตระกูลจ้าวต้องทนทุกข์ทรมานใจร้ายได้ลงคอหรอก!
เหมยเหมย ‘คุณปู่เชื่อเถอะ คนที่ลงมือคือไอ้บ้าสารเลวนั่น!’
……………………………………………
ตอนที่ 1227 สืบทอดวงศ์ตระกูล
จ้าวอิงหย่งโดนคุณปู่และภรรยาดึงหูสั่งสอนไปแล้วก็ไม่กล้าไปหาเหมยเหมยขอร้องให้เฮ่อเหลียนชิงช่วยอีกแล้ว การเชื่อฟังเป็นจุดเด่นที่ดีที่ใหญ่ที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้!
สุขภาพของคุณย่าแย่ลงเรื่อย ๆ อาจจะวันสองวันนี้ จ้าวอิงหัวบินกลับมาอีกครั้งเพราะกลัวว่าจะไม่ทันช่วงเวลาสุดท้ายของคุณย่า
จ้าวอิงหัวได้ฟังเหยียนซินหย่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นที่สวนให้ฟังก็ด่าตัวเองในใจไม่หยุด
เหยียนหมิงซุ่นเจ้าชั่ว ฉวยโอกาสที่เขาไม่อยู่พูดเกลี้ยกล่อมจนภรรยาของเขามอบลูกสาวให้ โธ่เว้ย!
ด่าไปด่ามาจนสุดท้ายจ้าวอิงหัวก็ยอมรับเช่นกันว่าเหยียนหมิงซุ่นเด็กหนุ่มคนนี้ถือว่าไม่เลวเลย นอกจากเรื่องการแต่งงานที่ใจร้อนมากไปหน่อย เรื่องอื่นก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
พูดถึงสถานะของเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้อยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้เลือกเอาได้เลยด้วยซ้ำ หากเขายังไม่พอใจอีก เกรงว่าคนอื่นจะว่าเขาเรื่องมากไร้เหตุผลเอาได้!
สำหรับสิ่งที่เหมยเหมยพูดในสวนฟาร์ม ถึงแม้ว่าบางอย่างจะไม่เหมาะสมมากนัก แต่จ้าวอิงหัวก็ไม่รู้สึกว่าลูกสาวของเขาพูดผิดอะไร ต้องฉวยโอกาสขีดเส้นให้ชัดเจนแต่เนิ่น ๆเพื่อที่พ่อเขาและพวกพี่ชายทั้งสามคนจะได้ไม่ต้องมาวางแผนคิดร้ายกับลูกสาวของเขาอีก
พูดได้ดี!
เพราะว่าจ้าวอิงหัวสนับสนุนลูกสาวของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เขาเกือบจะทะเลาะวิวาทกับจ้าวอิงหย่งอยู่แล้ว โชคดีที่อันหย่าฟางมาห้ามได้ทันเวลา พาจ้าวอิงหย่งกลับไปสั่งสอนหนึ่งชุดก็ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นอีก
เหมยเหมยถามจากเซียวเซ่อ วันที่สองของงานแจกลายเซ็น แม่ลูกโอหยางซานซานก็ถูกครอบครัวตระกูลโอหยางไล่ตะเพิดอีกครั้ง ยังไม่รู้ว่าจะสามารถกลับมาได้อีกเมื่อไหร่!
ส่วนชื่อเสียงของโอหยางซานซานก็ฉาวโฉ่เหม็นเน่าไปหมด
ไม่ว่าใครที่พูดถึงโอหยางซานซานก็จะมีเพียงคำเดียวที่ใช้พรรณนา —— ขโมย!
สำหรับโอหยางสยงออกไปต่างประเทศเพื่อผ่าตัด เพราะเหยียนหมิงซุ่นตัดหูของเขาในวันนั้นและยังใจดีโยนหูลงโถชักโครก ดังนั้น——
โอหยางสยงต้องใส่หูปลอม ตอนนี้ในประเทศยังไม่มีเงื่อนไขทางการแพทย์ที่สมบูรณ์แบบ ดูท่าคงไม่ได้กลับประเทศมาเร็ว ๆนี้แน่
และเฮ่อเหลียนเช่อ
ตั้งแต่กลับจากงานเลี้ยงวันนั้น หนิงเฉินเซวียนที่ได้รับความสะเทือนใจเป็นอย่างมากจึงอาละวาดใส่เฮ่อเหลียนเช่อ สั่งให้เขาหาทางแต่งงานให้ได้ภายในสามปีและต้องให้กำเนิดหลานชายให้เขาด้วย
เขาไม่สามารถให้ตาแก่นั่นพูดทิ่มแทงได้!
วงศ์ตระกูลหนิงจะขาดคนสืบทอดไม่ได้!
“ฉันให้เวลาแกสามปี ถ้าแกไม่หาลูกสะใภ้คลอดลูกให้ฉัน ฉันก็จะฆ่าไอ้คนแซ่หานหน้าขาวนั่น” หนิงเฉินเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พ่อ…”
เฮ่อเหลียนเช่อร้องออกมาอย่างกะทันหันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เรียกว่าอา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกพ่อ แม้ว่าเขาจะเรียกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วในความฝัน
หนิงเฉินเซวียนตะลึงอยู่นาน เหมือนกับเอ๋อกินไปแล้ว
“แกเรียกฉันว่าอะไร?”
“พ่อ” เฮ่อเหลียนเช่อเรียกอีกครั้ง หนิงเฉินเซวียนรีบหันศีรษะหนีไม่อยากให้ลูกชายเห็นดวงตาแดงก่ำ
ในไม่ช้าหนิงเฉินเซวียนก็สงบลง พยายามกลั้นความตื่นเต้นและความสุขไว้ข้างใน ทำหน้าเคร่งเครียดแล้วพูดว่า “อย่าคิดว่าเรียกฉันว่าพ่อแล้วฉันจะเปลี่ยนใจนะ วงศ์ตระกูลหนิงของฉันจะต้องไม่ขาดทายาท ฉันไม่สนใจว่าแกจะเล่นลับหลังแบบไหนอะไรอย่างไร แต่ต่อหน้าไอ้หมิงนั่นแกจะปล่อยให้ฉันขายขี้หน้าไม่ได้ ทั้งลูกสะใภ้และหลานชายต้องมีมาห้ามขาด!”
หนิงเฉินเซวียนเองก็ทำเอาเฮ่อเหลียนชิงโมโหไม่เบา พยายามอย่างแรงกล้าที่จะไม่ใจอ่อน กัดไม่ปล่อยเลยแม้แต่น้อย
เฮ่อเหลียนเช่อกลับไปที่บ้านพักของเหมยซูหานอย่างหดหู่ กินบะหมี่หมูผักดองหนึ่งชามอารมณ์ก็ดีขึ้นมาหน่อย เขาพูดคุยกับเหมยซูหานเกี่ยวกับคำขอร้องของหนิงเฉินเซวียน แต่ไม่ได้กล่าวถึงการใช้อำนาจคุกคามของหนิงเฉินเซวียนเพราะกลัวว่าจะทำให้เหมยซูหานตกใจ
อันที่จริงต่อให้เขาไม่พูด เหมยซูหานก็รู้ว่าตัวเองต้องแย่แน่ ๆ แม้แต่ชีวิตน้อย ๆนี้ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้
“อาเช่อ ฉันว่าอาของนายให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือหลาน ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้สามารถทำการผสมเทียมได้แล้ว ถ้างั้นพวกเราก็หาผู้หญิงมาอุ้มบุญ คลอดหลานชายเพื่อคลายความกดดันก่อนเป็นไง?”
เหมยซูหานแนะนำอย่างระมัดระวัง สเปิร์มของเฮ่อเหลียนเช่อนั้นใช้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ของคนอื่นสิ
………………………………………….