ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1236 อู่เยวี่ยผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย + ตอนที่ 1237 กลุ้มใจเรื่องไอคิว
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1236 อู่เยวี่ยผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย + ตอนที่ 1237 กลุ้มใจเรื่องไอคิว
ตอนที่ 1236 อู่เยวี่ยผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย
จุดที่เหมยเหมยสงสัยที่สุดก็คือเธอไม่เชื่อว่าในวันนั้นอู่เยวี่ยจะมีสถานะเป็นแค่เหยื่อที่บริสุทธิ์คนหนึ่ง
อู่เยวี่ยไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นจะถูกข่มเหงง่าย ๆขนาดนั้น วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
เพียงแต่เสียดายที่พ่อลูกตระกูลซ่งกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว อู่เยวี่ยคงไม่พูดความจริง เหลือแค่เหอปี้อวิ๋นคนเดียวแล้วล่ะที่รู้
ดูแล้วคงถึงเวลาที่จะต้องไปเรือนจำสักที
“ใช่แล้ว ยังมีข้อสงสัยข้อใหญ่อีกข้อ เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย!”
ทั้งสี่คนกำลังเตรียมตัวจะไปทานอาหารในร้านอาหาร เซียวเซ่ออยู่หน้าสุดตามมาด้วยสยงมู่มู่ เพิ่งจะเดินไปถึงที่ประตู จู่ ๆเซียวเซ่อก็ตะโกนขึ้นมาแล้วหันกลับมาอีกครั้ง ทำเอาสยงมู่มู่ตกใจยกใหญ่จนกระโดดสูงสามฟุต
“เธอเป็นบ้าอะไร? ฉันตกใจแทบตาย!” สยงมู่มู่ตบเบา ๆที่หน้าอกของเขา ดูน่าสงสารเหมือนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่ด้านหน้าแบนมากไปหน่อย
เซียวเซ่อผลักเขาออก พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า เหอปี้อวิ๋นรู้ได้ยังไงว่าน้าเหยียนอยู่ที่หอศิลป์? เธอไม่ใช่กล้องส่องทางไกลเสียหน่อย”
เหมยเหมยใจวูบไปถึงตาตุ่ม ใช่แล้ว…วันนั้นที่เหยียนซินหย่าไปหอศิลป์เป็นเรื่องกะทันหัน มีแค่เพียงเธอและจ้าวอิงหัวเท่านั้นที่รู้ นอกจากนั้นก็พวกพนักงานในหอศิลป์
“เป็นไปได้มากว่าเหอปี้อวิ๋นรีบไปที่หอศิลป์ก่อนเพื่อสอบถามตารางงานของน้าเหยียน… ไม่ถูกสิ”
เซียวเซ่อปฏิเสธด้วยสีหน้าท่าทางอย่างไม่เข้าใจ “เหมยเหมยเธอเคยพูดว่า วันนั้นเดิมทีน้าเหยียนจะไปเมืองหลวง แต่หอศิลป์ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นถึงได้เปลี่ยนแผน เหอปี้อวิ๋นคงไม่สามารถสืบรู้ได้หรอก แปลกจัง…ทำไมเธอถึงได้มั่นใจว่าน้าเหยียนจะอยู่ที่หอศิลป์ล่ะ?”
“ยังมีอีกหนึ่งจุด หร่วนเป่าฮุ่ยเป็นเหยื่อรายใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บที่สุดของหอศิลป์ในวันนั้น ทำไมเหอปี้อวิ๋นถึงเกลียดเธอมากขนาดนั้นล่ะ?” สยงมู่มู่ถามอย่างสงสัย
อู่เชารีบพูดต่อว่า “เรื่องนี้ฉันรู้ หร่วนเป่าฮุ่ยเป็นว่าที่ภรรยาคนต่อไปของลุงรองของฉันซึ่งจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เหอปี้อวิ๋นฆ่าเธอก็น่าจะเป็นเพราะอิจฉาแหละ”
“ถ้างั้นผู้หญิงคนนี้ก็โชคร้ายจริง ๆ แค่ออกมาสัมภาษณ์ก็โดนทำให้เสียโฉมเสียอย่างนั้น” สยงมู่มู่รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เขารู้จักหร่วนเป่าฮุ่ย นี่เป็นเพียงความเห็นอกเห็นใจล้วน ๆ กลับได้รับการกลอกตามองบนของเหมยเหมยที่ทำโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
“พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เรื่องนี้ค่อย ๆสืบหาเอา ช้าเร็วความจริงก็ต้องเปิดเผยออกมาอยู่ดี”
ในใจเหมยเหมหนักอึ้ง พวกเขาเป็นเพียงมือใหม่สมัครเล่นทั้งสี่คน แต่ทุกคนสามารถวิเคราะห์จุดที่น่าสงสัยมากมาย แล้วตำรวจพวกนั้นจะมองไม่ออกได้อย่างไร?
แต่คดีนี้ถูกปิดอย่างเร่งรีบ มันเร่งรีบมากเกินไป
เป็นฝีมือของใครกันนะ?
แล้วต้องการปกปิดความจริงอะไรกันแน่?
และเหมยเหมยก็ไม่พอใจจ้าวอิงหัวอีกด้วย ช่างไม่มีความตื่นตัวเลยจริง ๆ อย่างไรเสียก็เป็นถึงผู้นำในเมืองจิน ขอเพียงแค่จ้าวอิงหัวสั่งให้มีการสอบสวนอย่างเข้มงวด ลูกน้องก็คงจะไม่ถึงกับทำไปแบบส่ง ๆหรอก
อันที่จริงก็ไม่สามารถโทษจ้าวอิงหัวได้ทั้งหมด ช่วงนี้เขายุ่งมากจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมียาน้ำที่เหมยเหมยให้ไว้บำรุงร่างกายละก็ เขาคงทนไม่ไหวหรอก
และเขากับเหยียนซินหย่าต่างก็เป็นพวกเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้เห็นมาก่อน คิดไปว่าเหอปี้อวิ๋นป่วยทางจิตจึงได้ลงมือฆ่าคน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเหมือนเหมยเหมยที่ตั้งใจวิเคราะห์คดีนี้โดยเฉพาะ
จ้าวอิงหัวก็ให้คนตัดสินจำคุกเหอปี้อวิ๋นเป็นเวลาห้าปีแล้ว เขารู้สึกว่าการลงโทษแบบนี้ร้ายแรงพอแล้ว เพราะถึงอย่างไรเหยียนซินหย่าก็ไม่ได้เป็นอะไร
หลังจากนั้นจ้าวอิงหัวก็ไม่เคยถามเกี่ยวกับคดีนี้อีกเลย การจากไปของคุณย่า งานยุ่ง และยังมีแผนการของตระกูลจ้าวที่ทำร้ายเหมยเหมย……ทุก ๆเรื่องราวเหมือนภูเขาที่กดลงบนหัวของจ้าวอิงหัว เขาจะมีกะจิตกะใจที่ไหนไปสนใจเรื่องอื่นกันล่ะ
หลังจากกินข้าวเสร็จเหมยเหมยก็กลับบ้าน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกทะแม่ง ๆ เธอโทรศัพท์หาพี่เสือ คิดจะให้พี่เสือตรวจสอบวันก่อคดีนั้นว่าอู่เยวี่ยทำอะไรบ้าง
ประสิทธิภาพในการทำงานของพี่เสือไม่เลวเลยทีเดียว เหตุผลที่สำคัญก็คืออู่เยวี่ยไม่ได้ตั้งใจซ่อนร่องรอยของเธอในวันนั้น ตอนเย็นเขาก็มาพร้อมกับข่าวคราว
“อู่เยวี่ยออกจากโรงพยาบาลในวันนั้น คนที่มารับเธอก็คือหร่วนเป่าฮุ่ย หร่วนเป่าฮุ่ยมาส่งเธอที่ทางเข้าบ้านแล้วจึงกลับไปที่สถานีโทรทัศน์”
………………………………………………
ตอนที่ 1237 กลุ้มใจเรื่องไอคิว
หร่วนเป่าฮุ่ยมารับอู่เยวี่ยออกจากโรงพยาบาล?
เธอสนิทชิดเชื้อกับอู่เยวี่ยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“วันนั้นหร่วนเป่าฮุ่ยมีสัมภาษณ์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังมีเวลาไปรับที่โรงพยาบาลอีก?” เหมยเหมยพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ถามพี่เสือ
พี่เสือยิ้ม “พูดขึ้นมาแล้วก็น่าแปลก เดิมทีการให้สัมภาษณ์ที่หอศิลป์ไม่ใช่วันนั้น น่าจะเป็นอีกสองวันหลังจากนั้น แต่หร่วนเป่าฮุ่ยบอกว่าอีกสองวันหลังจากนั้นเธอมีธุระดังนั้นจึงขอเปลี่ยนเป็นวันนั้น และบังเอิญเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ”
เขาชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดต่ออีกว่า “อีกอย่างหร่วนเป่าฮุ่ยและหวงอวี้เหลียนสนิทสนมกันมาก พวกเขาคบหาเป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปีแล้ว”
เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หวงอวี้เหลียนและหร่วนเป่าฮุ่ยเป็นเพื่อนกันมาก่อน?
ผู้หญิงสองคนนี้ต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร การอยู่ด้วยกันคงไม่มีวันทำเรื่องดีแน่ การลงมือฆ่าคนของเหอปี้อวิ๋นมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเธอหรือไม่นะ?
ในหัวของเหมยเหมยมักจะมีจุดบางอย่างแล่นผ่านแวบเข้ามาแต่ก็จับจุดไม่ได้สักที เพียงแค่คิดครู่หนึ่งก็เริ่มมีอาการปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง
เฮ้อ ไอคิวความฉลาดช่างบกพร่องจริง ๆ!
ถึงแม้ว่าเธอไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองโง่แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เธอไม่ยอมรับก็คงไม่ได้ ดูเมื่อวานสิเซียวเซ่อเด็กเทพนั่นวิเคราะห์ได้อย่างง่ายดายเพียงใด มีเหตุมีผล แต่ทำไมพอเปลี่ยนเป็นเธอถึงได้ยากขนาดนี้?
รู้สึกเหมือนความยุ่งเหยิงกางอยู่ตรงหน้า เธอจะหาอย่างไรก็หาไม่เจอสักที ยิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นวาย
พี่เสือเห็นท่าทางปวดหัวของเหมยเหมยก็อดหัวเราะไม่ได้ พูดเตือนขึ้นมาว่า “คุณหนู พนักงานที่ทำลายรูปภาพคนนั้นถูกติดสินบนโดยหร่วนเป่าฮุ่ย”
ดวงตาของเหมยเหมยเป็นประกายขึ้นมา หัวสมองเกิดความเข้าใจทะลุปรุโปร่งในทันที
หร่วนเป่าฮุ่ยติดสินบนให้คนทำลายรูปภาพ จุดประสงค์เพื่อให้เหยียนซินหย่าไปที่หอศิลป์ หลังจากนั้นหร่วนเป่าฮุ่ยก็ไปรับอู่เยวี่ยที่ออกจากโรงพยาบาลโดยบอกอู่เยวี่ยว่าเหยียนซินหย่าอยู่ที่หอศิลป์ อู่เยวี่ยก็บอกเหอปี้อวิ๋นต่อ……
แบบนี้ก็สามารถอธิบายได้แล้ว!
“แต่หร่วนเป่าฮุ่ยทำไมถึงอยากจะฆ่าแม่ของฉันล่ะ?” เหมยเหมยรู้สึกว่ามันแปลก ๆ แต่ว่าครั้งนี้เธอก็นึกหาเหตุผลขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นเพราะคุณตาของฉัน หร่วนเป่าฮุ่ยกลัวว่าเรื่องอื้อฉาวที่ทำโดยหร่วนหวาไฉ่พ่อของเธอจะถูกเปิดเผย แล้วจะโดนคนทั้งโลกเยาะเย้ย นั่นเป็นเหตุผลที่ต้องการจะกำจัดแม่ของฉัน เลวทรามต่ำช้าจริง ๆ!” เหมยเหมยพูดอย่างเคียดแค้น
เพราะว่าเหยียนซินหย่ายังคงอ่อนต่อโลกเกินไปในแวดวงศิลปะ จึงไม่ได้เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของสามปรมาจารย์หร่วนหวาไฉ่และลูกศิษย์ไปทั่วโลก ไม่ใช่ว่าต้องการไว้ชีวิตสามคนนี้แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดตอนนี้และคงจะไม่มีใครเชื่อด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ความจริงถูกฝังอยู่ใต้ดินตลอดไป
ยังไม่สู้ค่อย ๆสะสมความแข็งแกร่งอย่างช้า ๆ รอเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยโจมตีเข้ากลางเป้าอีกครั้ง ไม่ปล่อยให้หร่วนเป่าฮุ่ยและคนอื่น ๆได้มีโอกาสหายใจ
คาดไม่ถึงว่าเพื่อชื่อเสียงของพ่อหร่วนเป่าฮุ่ย เธอถึงได้ลงมืออย่างเหี้ยมโหด สมน้ำหน้าที่โดนเหอปี้อวิ๋นทำให้เสียโฉม
ทำชั่วก็ได้ชั่ว!
พี่เสือชี้นำอีกครั้ง “คนที่หร่วนเป่าฮุ่ยต้องการจัดการไม่ได้มีเพียงแค่คุณนายเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าคุณหนูไปเมืองหลวงแล้ว วันนั้นเธอต้องการสัมภาษณ์คุณนายและจิตรกรรุ่นที่สองอย่างคุณหนูในเวลาเดียวกัน ผู้อำนวยการหอศิลป์ก็เห็นชอบด้วย และบอกกับคุณนายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คุณนายปฏิเสธไปเพราะคิดว่าคุณหนูต้องไปโรงเรียน”
ตรงหว่างคิ้วเธอเต้นระส่ำ เหมยเหมยยกมือขึ้นกดไว้ หัวสมองฟุ้งซ่านอีกครั้ง เธอคาดไม่ถึงว่าวันนั้นยังมีเรื่องอื่นแทรกขึ้นมาอีก ดูท่าแล้วหร่วนเป่าฮุ่ยคงต้องการที่จะจบมันทั้งหมดในครั้งเดียว!
“ขอบคุณนะพี่เสือ”
เธอหันไปยิ้มให้พี่เสืออย่าซาบซึ้ง เหยียนหมิงซุ่นหาคนได้ไม่เลวเลยจริง ๆ เธอแค่ให้พี่เสือไปสืบหามาลวก ๆ คาดไม่ถึงจะสืบหาข้อมูลที่มีประโยชน์ออกมาได้มากขนาดนี้
“อีกอย่างผมสืบได้ความอีกว่าก่อนที่หร่วนเป่าฮุ่ยจะเกิดเรื่องก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน เธอไปดื่มกาแฟกับหวงอวี้เหลียนมา” พี่เสือชี้แนวทางอีกครั้ง
อันที่จริงเขาได้คาดการณ์สถานการณ์ความเป็นจริงได้แล้วแต่คุณชายหมิงพูดแล้ว ให้คุณหนูค่อย ๆค้นหาความจริงไป เขาทำได้เพียงช่วยเหลือและชี้แนวทางอยู่ข้าง ๆ ไม่สามารถบอกอะไรได้
เฮ้อ ความสามารถในการอนุมานของคุณหนูนั้นแย่มากจริง ๆ เขาอดไม่ได้ที่อยากจะพูดบทสรุปออกมาอยู่หลายครั้ง!
อึดอัดจะตายอยู่แล้ว!
…………………………………………