ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1248 อึดอัดใจ + ตอนที่ 1249 เจ้ากวางโง่
ตอนที่ 1248 อึดอัดใจ
ตอนนี้การใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก มีหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคอมพิวเตอร์มีไว้ใช้ทำอะไร แต่ลี่เมิงเฉินคนนี้กลับกลายเป็นแฮกเกอร์โด่งดังระดับนานาชาติ ได้ยินมาว่าเขาเคยแอบเข้าไปขโมยข้อมูลจากฐานข้อมูลประเทศจนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาไม่น้อย ถือว่าเป็นบุคคลที่เป็นอัจฉริยะระดับชาติ
คงไม่ใช่คู่แข่งของเหมยเหมยแก๊งค์เด็กเล่นพวกนี้เป็นแน่แท้
แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณลี่คนอัจฉริยะคิดอย่างไรถึงได้ยอมมาออกรายการวาไรตี้แบบนี้
แขกรับเชิญหกคนแบ่งเป็นสามทีมโดยการจับฉลาก เหมยเหมยกับลี่เมิ่งเฉินอยู่ทีมเดียวกัน สยงมู่มู่กับลู่ฮุ่ย แล้วก็อู่เชากับเฉินเจีย แน่นอนว่าจะจับคู่ทั้งหกตอนนี้ไปจนจบรายการ
ก่อนอื่นจะเป็นเกมการแย่งตอบปัญหา พวกอัจฉริยะไง อย่างไรก็ต้องแสดงให้ผู้ชมเห็นไอคิวของพวกเขาแต่ละคนก่อน
เหมยเหมยรู้สึกท้อใจจึงพูดกับลี่เมิ่งเฉินเบา ๆว่า “ฉันเรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ถ้าฉันตอบผิด นายอย่าโกรธนะ!”
“เธอแค่กดปุ่มให้ได้ก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ” ลี่เมิ่งเฉินปรายตาไปมองหญิงสาวข้างกายด้วยความเฉยชา รูปร่างเหมือนข้าวปั้นเลยดูน่ากินทีเดียว
ดูแล้วก็รู้ว่าน่าจะเป็นซาลาเปาที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมยังเป็นซาลาเปาที่สวยอีกเสียด้วย
เหลือแค่ความสวยก็ช่างเถอะ ไอคิวต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ลี่เมิ่งเฉินสงสัยนักว่าคนแบบนี้นะหรือที่มียาวิเศษให้อายุยืนยาวได้
แต่ก็คงเป็นจริงล่ะมั้ง คนโง่มักมีโชคลาภเป็นของตัวเอง!
“อ่อ” เหมยเหมยตกใจเล็กน้อย แต่ก็สามารถเข้าใจความหมายของลี่เมิ่งเฉินได้ในทันที สีหน้าของหล่อนเริ่มแดง นี่หล่อนกำลังโดนดูถูกอยู่ใช่ไหม
ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่ว่าการโดนดูถูกซึ่งซึ่งหน้าแบบนี้ทำให้หล่อนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตาคนชื่อลี่เมิ่งเฉินนี่ชอบดูถูกคนมากเกินไปหน่อยนะ
ถึงแม้ว่าหมอนี่จะเก่งจริง ๆก็เถอะ
หลังจากนั้นสามนาที…
เหมยเหมยถึงกับอ้าปากค้างมองดูความอัจฉริยะของลี่เมิ่งเฉินด้วยความตะลึง เขาเอาชนะพวกสยงมู่มู่แบบขาดลอย ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกัน แต่เหมยเหมยก็สามารถเห็นถึงสีหน้าความโกรธของพวกเขาทั้ง 4 คนได้
อย่างนี้เรียกว่าคนอัจฉริยะที่ไหนกัน
นี่ไม่เรียกว่าคนด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเหมยเหมยก็ไม่สนใจฟังคำถามอีกต่อไป หล่อนมุ่งมั่นที่จะทำอยู่เรื่องเดียว หลังพิธีกรอ่านคำถามจบลง หล่อนจะรีบกดปุ่มอย่างไม่ลังเลใจในทันที อย่างไรเสียสมาชิกร่วมทีมของหล่อนรู้เรื่องราวทุกอย่างบนโลกใบนี้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาตอบไม่ได้
เหมยเหมยมองดูคะแนนของทีมตัวเองแล้วมองไปยังคะแนนไข่สองใบของทีมคู่แข่ง แค่ครู่เดียวพวกเขาก็สามารถทำคะแนนเต็มได้แต่หล่อนไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด หล่อนกลับรู้สึกอึดอัดใจเหลือเกิน
พิธีกรก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน เขามองไปที่ลี่เมิ่งเฉินที่ทำท่าทีสงบนิ่งด้วยความขุ่นเคือง อยากจะถือมีดไปหั่นทีมงานให้ออกเป็น 8 ชิ้น ไปหาปีศาจตัวนี้มาจากที่ไหนกันเนี่ย
ผู้กำกับน้ำตาจะไหล ‘ปีศาจตัวนี้มันมาเอง เขาจะเอาความกล้าจากไหนไปปฏิเสธล่ะ’
ระหว่างการพักเหมยเหมยจะเดินไปหาสยงมู่มู่กับอู่เชา ลี่เมิ่งเฉินพูดจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “นี่เธอคิดจะทรยศเหรอ”
ฝีเท้าของเธอจึงหยุดชะงัก
เหมยเหมยพยายามบังคับตัวเองไม่ให้คิ้วกระตุก หันหน้าไปยิ้มแห้ง ๆแล้วพูดว่า “ฉันจะไปหาพี่ชายฉันก็ไม่ได้เหรอ”
ลี่เมิ่งเฉินยักไหล่เล็กน้อย “ตอนนี้เรามีสถานะเป็นศัตรูกัน ไม่มีการนับพี่นับน้อง”
เหมยเหมยหว่างคิ้วเต้นระส่ำกว่าเดิม รู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เธอกลอกตามองบนไม่อยากจะสนใจตาอสรพิษนี่อีกต่อไป แล้วหล่อนก็เดินตรงต่อไปเพื่อไปหาสยงมู่มู่กับอู่เชา
ลู่ฮุ่ยกับเฉินเจียก็อยู่เหมือนกัน สองทีมนี้ดูสามัคคีกันมาก มีพูดคุยมีหัวเราะกันสนุกสนาน พอเห็นเหมยเหมยมา เฉินเจียยิ่งรู้สึกมีความสุขราวกับดอกทานตะวัน เขาอ้าแขนออก “สาวสวย ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ”
อู่เชาเอาร่างของตัวเองบังหน้าเขาไว้ “ไป ๆ หญิงชายไม่ควรอยู่ใกล้กัน อย่าเอาความคิดของพวกสังคมทุนนิยมมาใช้กับเหมยเหมยนะ”
………………………………………………..
ตอนที่ 1249 เจ้ากวางโง่
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเจียไม่ได้เปลี่ยนไป เขาพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “เจ้าอ้วนอย่าพูดอย่างนี้สิ บ้านผมก็เป็นคนปกติทั่วไปนี่แหละ สังคมทุนนิยมอะไรกัน ไม่กอดก็ไม่กอดสิ จับมือสักหน่อยพอจะได้อยู่ใช่ไหม”
ตาหมอนี้นิสัยดีเลยทีเดียว หน้าตาหล่อแล้วยังพูดจาดีอีก ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีอีคิวสูง อีกทั้งการพูดของเฉินเจียไม่ติดสำเนียงของคนฮ่องกงขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่เป๊ะมากแต่ถ้าเทียบกับบรรดาคนฮ่องกงด้วยกันก็ถือว่าดีมากแล้ว
“จริง ๆแล้วฉันก็เป็นคนเมืองจินนะ ปู่ของฉันก็จบจากมหาวิทยาลัยเมืองจิน เออใช่ เหมยเหมย ฉันมีคุณอาคนหนึ่ง เธอต้องรู้จักแน่ ๆ คุณอาฉันเป็นคนให้ฉันมาออกรายการนี้นี่แหละ” รอยยิ้มของเฉินเจียซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกรังเกียจอะไรกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียมากกว่า
เหมยเหมยพยายามคิดแล้วคิดอีก คุณอาที่หล่อนรู้จักที่ฮ่องกงก็มีแต่คุณอาหลินฮั่นเหวินเท่านั้น ถ้าเฉินเจียบอกว่าเป็นคุณอา ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณหลินฮั่นเหวินนี่แหละ
“นายหมายถึงคุณหลินฮั่นเหวินหรือเปล่า”
เฉินเจียทำตาเบิกโตขึ้นอย่างเว่อร์วัง “เหมยเหมยเธอฉลาดจังเลยแวบเดียวก็เดาออกแล้ว คือคุณอาฮั่นเหวินนั่นแหละ ท่านมักจะชื่นชมเธอต่อหน้าฉันบ่อย ๆว่าเธอเป็นคนแก่ในร่างเด็กสาว จริงสิ คำว่าคนแก่ในร่างเด็กสาวนี่ถือว่าเป็นคำชมใช่ไหม ทำไมฉันรู้สึกเหมือนด่าเธอว่าแก่อย่างไรไม่รู้ แต่ฉันว่าเหมยเหมยไม่แก่เลยนะ ดูแล้วยังเด็กอยู่แท้ ๆ…”
…
…
ทุกคนต่างจ้องดูเฉินเจียที่พูดไม่หยุด น่าอึดอัดชะมัด
นี่ควรเรียกว่ารวมพลคนอัจฉริยะไม่ใช่เหรอ?
คนหนึ่งก็ไอคิวสูงแทบจะทะลุปรอท อีกคนพูดเก่งยิ่งกว่าคุณป้าข้างบ้าน
ลู่ฮุ่ยยังค่อยดูเป็นคนปกติหน่อย แต่โรคนิสัยคุณหนูของเธอก็เหลืออดเหลือเกิน ให้เฉินเจียบ่นไม่หยุดยังจะดีกว่า
“ขอขัดจังหวะหน่อยนะ ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ”
หูของสยงมู่มู่ไม่สามารถรับฟังได้อีกต่อไป เขาเอาชายัดใส่ปากเฉินเจีย เฉินเจียถึงจะสงบลงได้
“เฉินเจีย อีกหน่อยถ้านายเข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ต้องใช้ดาบแล้วนะใช้ปากก็พอ ฝีปากนายน่าจะดีกว่าฝีมือ บ่นคู่แข่งให้ตายไปข้างหนึ่งเลย” อู่เชาพูดขึ้น เหมยเหยปากกระตุกเล็กน้อยพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา
แต่ว่า…
เฉินเจียตอบโต้ภายในทันที “เจ้าอ้วน นายพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะ ข้างล่างของฉันสิเด็ดสุด”
“พรวด (เสียงพ่นน้ำ)”
เหมยเหมยกับสยงมู่มู่พ่นน้ำใส่ตัวเจ้าอ้วนผู้น่าสงสารอย่างพร้อมเพรียง เหมยเหมยรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้กับเจ้าอ้วน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดขำได้อยู่ดี
แม่เจ้า ตลกชะมัด
ตาเฉินเจียนี่ทำไมถึงตลกได้มากขนาดนี้นะ
สยงมู่มู่เหลือบไปมองจุดตรงนั้นของเฉินเจีย เขาใส่กางเกงยีนส์ น่าเสียดายที่มันดูหลวมไปหน่อยจนดูอะไรไม่ออกเลย เขาพูดอย่างมีนัยยะว่า “สมแล้วที่เป็นพวกสังคมทุนนิยม เฉินเจียนายควรจะเบา ๆหน่อยนะ เดี๋ยวกลางคืนฉันจะเลี้ยงซุปหางวัวนายเอง ร่างน้อย ๆของนายควรได้รับการบำรุงนะ”
เฉินเจียกะพริบตาด้วยความงงงวยพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันร่างกายแข็งแรงดีมาก นายอย่าลืมสิว่าฉันเป็นนักกีฬา ทุกวันจะมีนักโภชนาการมาจัดมื้ออาหารให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ”
สยงมู่มู่เหลือบไปมองจุดนั้นของเขาอีกครั้ง หัวเราะด้วยความร้ายกาจแล้วพูดขึ้นว่า “นายไม่ได้เสียหายไปเยอะเหรอ”
“เสียหาย บ้านฉันไม่ได้ทำธุรกิจนะ ไม่มีอะไรต้องให้เสียหาย” เจ้ากวางโง่ โง่ไม่มีที่สิ้นสุด
เหมยเหมยไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ส่งสายตาดุไปให้สยงมู่มู่แล้วลากเฉินเจียมาแล้วกระซิบที่ข้างหูเขาว่า“สยงมู่มู่เขาตั้งใจแกล้งนาย อย่าคิดจริงจังไปเลย”
เจ้ากวางโง่ทำเสียงเหมือนจะเข้าใจขึ้นมา แต่ว่าผ่านไปสักพักเขาถึงจะเข้าใจความหมายเมื่อกี้ได้อย่างแท้จริงจึงเริ่มบ่นขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่สยง เมื่อกี้พี่ล้อฉันเล่นเหรอ…ทำไมฉันไม่รู้สึกตลกเลยล่ะ…เอาอย่างนี้ไหม…นายพูดเรื่องตลกมาอีกสักเรื่องสิดีไหม”
ทุกคนต่างจ้องมองตากัน เฮ้อ…อึดอัดเป็นบ้า
…………………………………………….