ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1254 โรคเจ้าหญิงกับตาจอมขี้อวด + ตอนที่ 1255 แม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้เหรอ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1254 โรคเจ้าหญิงกับตาจอมขี้อวด + ตอนที่ 1255 แม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้เหรอ
ตอนที่ 1254 โรคเจ้าหญิงกับตาจอมขี้อวด
เหมยเหมยไปตรงที่นั่งผู้ชมเพื่อบอกกับจ้าวอิงหัวสองสามีภรรยาเสียก่อน วันนี้ทั้งสองตั้งใจหาเวลามาให้กำลังใจลูกสาวโดยเฉพาะ นั่งปรบมือจนมือทั้งสองข้างแดงเถือกไปหมด
“ไปเถอะ ไปเถอะ พกเงินไปเยอะหน่อยนะ” จ้าวอิงหัวพูดไปพลางยิ้มไป
เขารู้สึกว่าลูกสาวของเขาสุดยอดมาก ๆ การแสดงเต้นรำบนเวทีของสองสาวเมื่อครู่ เขารู้สึกว่าลูกสาวของเขาเต้นได้ดีกว่า
แน่นอน ผู้ชมคนอื่นก็มีความคิดเห็นไม่ต่างจากเขา!
ไม่เห็นหรือว่าลูกสาวเขาได้รับเสียงปรบมือล้นหลามขนาดไหน!
เหมยเหมยชวนลู่ฮุ่ยกับลี่เมิ่งเฉินไปกินข้าวด้วยตามมารยาท แต่เธอรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนน่าจะไม่ไป เพราะคนหนึ่งเป็นโรคเจ้าหญิงอีกคนเป็นตาจอมขี้อวด พวกเขามีจุดที่คล้ายกันอย่างหนึ่งคือ
ดูถูกคนธรรมดาอย่างพวกเรา
แต่ว่า…
“ได้สิ กำลังอยากจะไปกินที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนอยู่พอดีเลยไปด้วยกันเลยละกัน” ตาจรวดไล่บี้จอมขี้อวดกล่าวขึ้น
“ภัตตาคารจุ้ยเซียนเหรอ รสชาติก็ถือว่าพอใช้ได้นะ ไปก็ได้แหละ” ยัยโรคเจ้าหญิงพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยเต็มใจ
เหมยเหมยเริ่มรู้สึกลำบากใจอีกแล้ว จริง ๆเธอแค่ชวนไปตามมารยาทเท่านั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปก็ได้เธอจะไม่ว่าอะไรเลย
หกอัจฉริยะกำลังมุ่งหน้าไปที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนอย่างท่วงท่าทรงพลัง องค์หญิงลู่บอกว่าเธอสามารถโทรเรียกให้คนขับรถที่บ้านมารับพวกเขาได้ สยงมู่มู่ไม่ชอบผู้หญิงคนนี้จึงพูดขัดเธอด้วยความรำคาญว่า “เรียกแท็กซี่เถอะ ขืนรอคนขับรถที่บ้านเธอมา พวกเราก็ไม่ต้องกินข้าวกันพอดี”
ลู่ฮุ่ยโมโหจนหน้าซีดไปหมด ตาบ้านี่ตั้งแต่เริ่มอัดรายการมาก็ไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย น่าโมโหจริง ๆ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้เรียกคนขับรถมา รถของจ้าวอิงหัวขับผ่านมา เขาให้คนขับจอดรถแล้วชะโงกหน้าออกมาจากรถเพื่อทักทายพวกเขา พูดกำชับไม่กี่ประโยคแล้วจึงจากไป
ตอนบ่ายเขายังจะต้องไปจัดการการประชุมอีกยุ่งจะตายอยู่แล้ว
ลู่ฮุ่ยเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่างในระหว่างที่รถของจ้าวอิงหัวแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ทะเบียนรถดูไม่ธรรมดาเลย คนธรรมดาน่าจะไม่สามารถมีได้ คิดดูอีกทีแล้วจ้างอิงหัวก็ดูหน้าคุ้น ๆนะเหมือนเคยเห็นในทีวีมาก่อนเลย
เธอตีหัวตัวเองสองสามทีแล้วด่าความเลอะเลือนของตัวเองในใจ
พ่อของจ้าวเหมยเป็นคนมีอำนาจของเมืองจินมิใช่หรือ?
เมื่อวานยังเห็นออกข่าวในทีวีอยู่เลย!
ตอนนี้ลู่ฮุ่ยค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย ไม่น่าพิธีกรเอาแต่สัมภาษณ์จ้าวเหมย น่าจะเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวของผู้มีอำนาจ แน่นอนว่าลูกสาวที่บ้านทำธุรกิจการค้าแบบเธอคงจะเทียบไม่ได้
ตอนนี้ถ้าดูจากชาติตระกูล ถึงแม้ว่าเธอจะมีความสามารถมากกว่านี้ก็ไม่สามารถเทียบกับจ้าวเหมยได้ ลู่ฮุ่ยรู้สึกดีขึ้นมา ความรู้สึกเจ็บปวดตอนถ่ายทำรายการจางหายลงไปมากเลยทีเดียว
พวกเขาหกคนเรียกรถสองคันและมาถึงภัตตาคารจุ้ยเซียนในเวลาอันรวดเร็ว ภายในภัตตาคารคนแน่นเต็มร้าน แต่ว่าเหมยเหมยเป็นแขกประจำของที่นี่ พอผู้จัดการเห็นเหมยเหมยก็รีบปรี่เข้ามาต้อนรับแล้วพาไปยังห้องรับรองด้วยตัวเองทันที
เหมยเหมยสั่งไก่ยัดไส้ห่อใบบัวอบมาสองตัว แล้วค่อยให้เฉินเจียกับลี่เมิ่งเฉินสั่งอาหาร “อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ วันนี้ฉันเอาเงินมาพออยู่แล้วล่ะ”
ลี่เมิ่งเฉินเหลือบไปมองเมนูเพียงแวบเดียว แล้วก็พูดอย่างเอื่อยเฉื่อยขึ้นมาว่า “ปลาเปรี้ยวหวานซีหู แกงเม็ดบัวซีหู ซี่โครงหมูผัดกระเทียม เต้าหู้ไซซี…”
“ทำไมไม่ดูเมนูล่ะ” เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ
ลี่เมิ่งเฉินมองเธอด้วยท่าทีเย็นชา “เมื่อกี้ฉันดูแล้ว” เขากลัวว่าเหมยเหมยจะไม่เข้าใจความหมายของเขาก็เลยอธิบายว่า “ฉันมองแวบเดียวก็สามารถอ่านได้สิบบรรทัดแล้ว”
ปากของเหมยเหมยกระตุกเบา ๆ พ่อคุณ ไม่อวดหน่อยจะตายหรืออย่างไร?
รสชาติอาหารที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนไม่เลวจริง ๆ เฉินเจียชมไม่หยุดปาก มีอาหารรสเลิศวางไว้อยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่พูดมากอีกต่อไป โลกก็ดูเงียบสงบลงมาชั่วขณะ
“อร่อยจริง ๆครับ คุณปู่ไม่ได้หลอกฉันจริงๆด้วย ไก่ยัดไส้ห่อใบบัวอบอันนี้ห่อกลับบ้านได้ไหม? ตอนกลับไปฉันอยากห่อเอากลับไปฝากคุณปู่ด้วย ท่านก็อยากจะทานอาหารของที่นี่มากเช่นกัน” เฉินเจียนาน ๆทีจะไม่พูดจาติดตลกพลอยทำเอาคนอื่นรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินนัก
“ได้สิ ตอนนายจะกลับก็บอกฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันให้ผู้จัดการที่นี่ห่อไว้ให้ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็น ทิ้งไว้สัก 3-4 วันน่าจะไม่มีปัญหา” เหมยเหมยพูดขึ้น
“ขอบคุณนะเหมยเหมย เธอเป็นคนดีจัง” เฉินเจียพูดอู้ ๆอี้ ๆในขณะที่มีอาหารอยู่เต็มปาก
…
รายการออกอากาศในวันถัดมาในช่วงเวลาที่มีคนดูจำนวนมาก เหมยซูหานกำลังนั่งดูทีวีเป็นเพื่อนแม่ เขาเห็นเหมยเหมยกำลังเต้นรำอยู่ในทีวี เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
………………………………………
ตอนที่ 1255 แม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้เหรอ
เมื่อคืนเหมยซูหานไม่ได้พักอยู่ที่โรงแรมแต่กลับมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่บ้าน ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่ยินดีเท่าไรนัก ไม่ว่าจะพูดจาหว่านล้อมออดอ้อนให้เหมยซูหานพักอยู่โรงแรมเพื่อจู๋จี๋กันสองคนแต่เหมยซูหานกลับปฏิเสธลูกเดียว
เขาจะต้องอยู่เป็นเพื่อนแม่ให้มาก หลายปีมานี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวงจนกลับบ้านแทบจะนับครั้งได้ เขาช่างเป็นลูกที่อกตัญญูเสียจริง
หลังจากทานข้าวเย็นแสร็จคุณแม่เหมยก็อยากดูหนังรักของไต้หวัน เหมยซูหานเปิดทีวี ตอนเปลี่ยนช่องก็บังเอิญเห็นเหมยเหมยกำลังเต้นรำอยู่ในทีวี
“เหมยเหมย”
เหมยซูหานพึมพำเสียงเบา สีหน้าผิดหวังเสียใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ
“ซูหาน ทำไมไม่เปลี่ยนช่องแล้วล่ะ” คุณแม่เหมยรอมาตั้งนานก็ไม่เห็นทีท่าว่าหนังที่ชอบจะโผล่ออกมาเสียทีจึงรีบร้อนลุกขึ้นมาจะมาเปลี่ยนช่องเสียเอง
“ผู้หญิงคนนี้สวยจัง เอ๊ะ นี่ไม่ใช่หนูเหมยเหมยหรอกหรือ โตขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย ผู้หญิงโตขึ้นก็หน้าเปลี่ยน ยิ่งโตยิ่งสวย” คุณแม่เหมยจำเหมยเหมยได้ในทันที
ถึงแม้ว่าโครงหน้าของหญิงสาวจะใหญ่ขึ้น แต่หูตาจมูกปากของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ยิ่งปานแดงที่เห็นได้ชัดของเธอยิ่งทำให้จำเธอได้ง่ายมากขึ้นไปอีก
คุณแม่เหมยเห็นนัยย์ตาโศกเศร้าของลูกชายก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอยังจำได้ว่าลูกชายตอนเด็กได้ทำสัญญากับสาวน้อยคนนี้ไว้ตอนเด็กว่า อีกหน่อยโตขึ้นจะไปสู่ขอมาเป็นภรรยา เห็นได้ชัดว่าลูกชายของเธอชอบผู้หญิงคนนี้มากจริง ๆ
“ซูหาน ป้าสวีมีผู้หญิงคนหนึ่งมาแนะนำ ท่าทางไม่เลวเลย ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปี 2 ที่มหาวิทยาลัยเมืองจิน หน้าตาสะสวย พ่อแม่เป็นหมอทั้งคู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกคนเดียวแต่ป้าสวีบอกว่าเธอมีความเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กแล้ว พรุ่งนี้ลูกอยากลองนัดเจอเธอดูหน่อยไหมล่ะ” คุณแม่เหมยโน้มน้าวด้วยความหวังดี
ตอนนี้เหมยเหมยเต้นเสร็จแล้วกำลังถูกพิธีกรสัมภาษณ์ เหมยซูหานดูด้วยความตั้งใจ ไม่ได้สนใจสิ่งที่แม่เหมยพูดเลยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงตอบรับแม่แบบไม่ได้ใส่ใจ
ตอนที่เหมยเหมยให้สัมภาษณ์ว่าเธอได้รับการช่วยเหลือจากคน ๆหนึ่งถึงได้เรียนรู้วิธีการเรียนที่เหมาะสมกับตัวเอง ทำให้มีผลการเรียนที่ดีขึ้นนั้น เหมยซูหานก็ตั้งใจฟังอย่างจดจ่อจนตัวเกร็งไปหมด แล้วยกมือขึ้นไม่ให้คุณแม่เหมยพูดอะไรอีก
คุณแม่เหมยไม่รู้ว่าทำไมลูกชายตัวเองถึงได้จริงจังขนาดนี้ เธอทำได้แค่เพียงเงียบลงแล้วนั่งดูทีวีไปด้วยกัน
“ไม่ใช่เพื่อนค่ะ แค่เมื่อก่อนเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันเลยรู้จักกัน แต่ฉันรู้สึกขอบคุณเขามาก หวังว่าเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข”
เสียงของเหมยเหมยลอยออกมาจากในทีวีอย่างชัดถ้อยชัดคำ เหมยซูหานได้ยินชัดทุกตัวอักษร สีหน้าซีดเผือก แม้แต่ปากก็ยังซีดตามไปด้วย
แม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้เลยหรือ?
เหมยเหมยทำไมถึงรังเกียจเขาถึงเพียงนี้นะ?
เห็น ๆอยู่ว่าเขาไม่เคยทำร้ายเหมยเหมยมาก่อนเลยด้วยซ้ำ!
“ซูหาน ลูกเป็นอะไรไปไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ไปเทน้ำมาให้” คุณแม่เหมยตกใจสีหน้าซีดเผือกของเหมยซูหาน กระวนกระวานรีบไปหาน้ำมาให้ลูกชายดื่ม สีหน้าของเขาก็พลันดีขึ้นเล็กน้อยเธอจึงค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“แม่ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ” เหมยซูหานฝืนยิ้มปลอบประโลมแม่ของตน ในใจเจ็บปวดแปลก ๆ
คุณแม่เหมยดูออกว่าลูกชายมีเรื่องอะไรในใจและแน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยแน่ ตอนทานข้าวกันเมื่อครู่ยังดี ๆอยู่เลย แต่พอเห็นเหมยเหมยในทีวีสภาพก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว
“ซูหาน ถ้าลูกยังลืมเหมยเหมยไม่ลงลูกก็ไปหาเธอเถอะ แม่ว่าหนูเหมยเหมยไม่น่าจะเป็นคนที่ใฝ่สูงอะไรมาก บางทีพวกเธออาจจะคบกันได้นะ!”
คุณแม่เหมยไม่สามารถทนเห็นลูกชายต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความรักได้ จึงอยากจะให้ลูกชายลองดูสักตั้ง ถ้าได้ก็ดี ถ้าไม่ได้อย่างน้อยลูกชายของเธอจะได้ตัดใจ
เหมยซูหานฝืนยิ้มพลางส่ายหัว “แม่ครับ เหมยเหมยมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ผมเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเธอ แม่อย่าคิดมากเลยครับ แม่มาดูทีวีเถอะผมจะไปนอนแล้ว”
เขาเปลี่ยนช่องทีวีให้กลายเป็นหนังแนวดราม่า หลังจากนั้นเหมยซูหานก็รีบเดินไปที่ห้อง
เขาอยากจะอยู่คนเดียว ไม่อยากจะให้แม่ต้องเป็นห่วง
…………………………………………………