ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1264 ถามข่าวคราว + ตอนที่ 1265 กระวนกระวายใจเป็นบ้า
ตอนที่ 1264 ถามข่าวคราว
คุณตาเหยียนกลัวว่าหลานชายคนเล็กจะถูกอู่เยวี่ยหลอกล่อไป จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมตัดสินใจลงสมัครทหารให้กับเหยียนหมิงต๋า เหยียนหมิงต๋ามีสมรรถภาพทางร่างกายที่ดี ตรวจร่างกายออกมาไม่พบปัญหาแต่อย่างใด การตรวจสอบอื่นๆ ก็ยิ่งไม่มีปัญหา
ตอนนี้ได้จัดการไว้หมดทุกขั้นตอนแล้ว แค่รอให้เวลามาถึงก็สามารถเข้ากองไปฝึกได้เลย
ตามกำหนดการรับทหารเข้าใหม่ของปีก่อน น่าจะราวๆ ปลายเดือนนี้ เขาพูดแค่ว่าเหยียนหมิงต๋ายังมีเวลาอยู่บ้านได้อีกราวๆ หนึ่งสัปดาห์
ไม่แปลกเลยที่เจ้าเด็กนี่จะดูซึมๆ เงียบๆ ไป ดูท่าจะทำใจห่างจากคนรักเก่าอย่างอู่เยวี่ยไม่ได้เสียมากกว่า!
เหมยเหมยนึกแปลกใจว่าคุณตาเหยียนใช้วิธีไหนในการพูดเกลี้ยกล่อมถานซูฟาง ผู้หญิงคนนี้กำราบยากมาก อีกทั้งเธอยังแน่วแน่มากที่จะให้ลูกชายเข้ารับราชการ เมื่อชาติที่แล้วเหยียนหมิงต๋าคือพนักงานราชการระดับล่าง จากนั้นเพราะความเอาใจใส่ของเหยียนหมิงต๋า ไม่ถึงสองปีก็ได้เลื่อนตำแหน่งอย่างราบรื่น จนอู่เยวี่ยกลายเป็นคุณผู้หญิงที่ใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา
“เหมยเหมยรีบกินเถอะ ปูนี่ตัวโตมาก เธอต้องชอบกินแน่ ๆ” คุณยายหยางนั้นปฏิบัติต่อหลานสะใภ้อย่างรักใคร่และเอ็นดู โดยคีบอาหารให้เธอไม่หยุด
“ขอบคุณค่ะยายหยาง หนูคีบเองดีกว่าค่ะ”
เหมยเหมยปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แม้ว่ากับข้าวจะเต็มไปหมดแต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้มีความอยากอาหารเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเหยียนโฮ่วเต๋อจะมาไม้ไหนอีก
“ลุงเหยียนคะ ลุงมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ หนูยังอยากกลับไปพักตอนเที่ยง” เหมยเหมยเร่งเร้า
เหยียนโฮ่วเต๋อยิ้มแห้งพลางกระแอ้มเสียงก่อนจะเอ่ย “เหมยเหมย หมิงซุ่นได้ฝากตัวเป็นลูกบุญธรรมที่เมืองหลวงแล้วใช่ไหม?”
แม้ว่าตัวเขาจะดูนิ่งๆ ไม่ออกอาการ แต่กลับปิดความตื่นเต้นดีใจไม่มิด
“ไม่รู้ค่ะ ขนาดลุงเหยียนเป็นพ่อของพี่หมิงซุ่นยังไม่รู้เลย หนูเป็นแค่คนนอกจะรู้ได้อย่างไรคะ” เหมยเหมยทำทีเฉไฉ พร้อมกับเอ่ยเหน็บแนม
เหยียนโฮ่วเต๋อถูกแทงใจดำจนอยากด่าเสียจริง
ถ้าเขารู้ยังจะต้องทำทีตีหน้าซื่อต่อหน้าหล่อนแบบนี้หรือ?
ที่แท้เจ้าเหมยก็ไม่ได้ไร้เดียงสา รู้ทั้งรู้ว่าเขากับลูกชายไม่ลงรอยกัน ยังจงใจที่จะพูดจาเหน็บแนมเขาอีก
เหอะ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ!
“เหมยเหมยก็พูดไป หนูจะเป็นคนนอกไปได้อย่างไรเล่า อีกไม่กี่ปีหนูก็ต้องเรียกลุงว่า…ฮ่าฮ่าฮ่า…” เหยียนโฮ่วเต๋อกลั้วหัวเราะ สีหน้าแววตาบ่งบอกว่า ’เป็นอันรู้กัน’ ปรากฏบนใบหน้า
“ลุงเหยียนระวังคำพูดด้วยค่ะ หนูยังเรียนอยู่ ยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่เลย ลุงอย่าพูดซี้ซั้วสิคะ” เหมยเหมยเอ่ยตำหนิอย่างจริงจัง
“นั่นสิ แกพูดแบบนี้ได้ยังไง โง่จริง…เสียเวลากินข้าวมาตั้งหลายสิบปี”
คุณยายหยางตีหน้านิ่งขรึมพร้อมกับดุลูกชาย เธอมองออกว่ายัยหนูเหมยเหมยกับหลายชายคนโตของเธอนั้นเข้าข้างกันที่รู้สึกขัดตาขัดใจกับลูกชายของตน ซึ่งวันนี้เหยียนโฮ่วเต๋อถามอะไรไปก็ไม่มีทางได้คำตอบอยู่แล้ว
คุณยายต่างก็รู้สึกยินดีและเป็นกังวลไปพร้อมกัน เธอยินดีที่หลานชายคนโตทนลำบากมาตั้งหลายปี จนในที่สุดก็ได้เจอกับหญิงสาวที่พร้อมจะร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขาทั้งชีวิต แบบนั้นเธอก็นอนตายตาหลับแล้ว
แต่กังวลก็ตรงที่ความสัมพันธ์ของลูกชายและหลานชายคนโตนี่สิ ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกแท้ๆ นะ!
ในเมื่อแข็งกร้าวต่อกันขนาดนี้จะทำอย่างไรดีเล่า!
แต่อย่างไรคุณยายก็รู้สึกยินดีมากกว่าเป็นกังวล เธอคิดอย่างง่าย ๆ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรขอแค่หลานชายของเธอมีชีวิตที่ดีก็เพียงพอแล้ว เธออายุมากแล้ว เรื่องอื่นไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก!
เหยียนโฮ่วเต๋อมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากคุณตาเหยียน แต่คุณตาเหยียนเอาแต่กินข้าว ไม่แม้แต่จะสนใจเขาสักนิดเลย
ก่อนกินข้าวยายแก่เมียเขาพึ่งจะสั่งสอนเขาอยู่หยก ๆ สั่งห้ามไม่ให้เขาก้าวก่ายเรื่องของหลานชาย เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องหิวโซ คุณตาเหยียนก็ไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น เขาจึงทำทีไม่สนใจต่อสิ่งใดก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียว
อย่างไรเสียหลานชายคนโตก็มีอนาคตที่สดใส ก็ถือเป็นเกียรติของตระกูลเหยียนและแสงเจิดจรัสส่องบรรพบุรุษของตระกูเหยียน เขาดีใจยังนับว่าช้าไปด้วยซ้ำ!
……………………………………………….
ตอนที่ 1265 กระวนกระวายใจเป็นบ้า
เหมยเหมยพึงพอใจต่อท่าทีของผู้เฒ่าตระกูลเหยียนทั้งสองอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะทำผิดเรื่องของแม่เหยียนหมิงซุ่น แต่หลังจากนั้นก็นับว่าพวกเขาพยายามรับผิดชอบเหยียนหมิงซุ่นอย่างเต็มที่ อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ก็ดูจะชัดเจนมาก
ยืนหยัดที่จะสนับสนุนหลานชาย และขีดเส้นแบ่งกั้นเขตแดนระหว่างลูกชาย!
นี่ถือว่าเด็ดขาดกว่าชายชราและหญิงชราจอมเลอะเลือนในตระกูลเธอมากกว่าเสียอีก!
เหยียนโฮ่วเต๋อยังคงไม่ถอดใจ เขาแค่ได้ยินข่าวคราวแว่ว ๆมาว่าในเมืองหลวงมีผู้มีอิทธิพลเหลือล้นอยู่คนหนึ่ง ไร้ซึ่งบุตรชายและบุตรสาว จึงรับบุตรบุญธรรมไว้คนหนึ่ง คนภายนอกนั้นเรียกเขาว่าคุณชายหมิง ซึ่งคุณชายหมิงผู้นี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นลูกชายของเขา
เพราะเขาได้ยินมาว่า คุณชายหมิงจอมลึกลับผู้นี้มีคู่หมั้นอยู่แล้วซึ่งเป็นหลานสาวคนเล็กของตระกูลจ้าว อีกทั้งชาติตระกูลแต่กำเนิดของคุณชายหมิงนั่นมิได้มีฐานะแต่อย่างใด เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาที่อาศัยอยู่ในเมืองจิน
เรื่องบังเอิญที่ดูจะสลับซับซ้อนนัก เป็นธรรมดาที่เหยีนโฮ่วเต๋อจะสงสัยว่าเป็นลูกชายคนโตของตน ซึ่งเขาเคยได้ยินว่าหลายปีมานี้ลูกชายคนโตของเขากับเหมยเหมยนั้นแลดูรักกันหวานชื่นนี่!
แม้ว่าในใจจะมั่นใจมากว่าคุณชายหมิงก็คือเหยียนหมิงซุ่น แต่เหยียนโฮ่วเต๋อก็ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เขายังไม่วางใจ จึงได้นัดเหมยเหมยมาร่วมทานข้าว หากได้ยินกับหูตัวเองใจดวงน้อยดวงนี้ของเขาถึงจะเบาใจ!
หากว่าลูกชายของเขาเป็นคุณชายหมิงจริง เขาจะกังวลอะไรอีก?
คนบรรลุเป็นเซียน หมูหมากาไก่รอบตัวก็พลอยได้ดีลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วย นับประสาอะไรกับเขาที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของคุณชายหมิงเล่า!
เกรงว่าแม้แต่อำนาจในมือของจ้าวอิงหัวก็จะตกเป็นของเขาอย่างง่ายดาย!
เขาได้ยินมาแล้ว เวลาตระกูลจ้าวโชคร้าย ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะปกป้องจ้าวอิงหัวไว้ได้ไหม?
“เหมยเหมยอย่าคิดมาก ลุงก็แค่คิดว่า หากหมิงซุ่นมีพ่อบุญธรรมจริง อย่างไรเสียลุงก็ต้องทำความรู้จักพ่อบุญธรรมเขาสักหน่อย ต่อไปก็ถือว่าเป็นญาติพี่น้องกันแล้ว อีกอย่างเมื่อถึงช่วงเทศกาลสำคัญก็ควรส่งมอบของขวัญให้บ้าง เพื่อเป็นการขอบคุณเขาที่ช่วยดูแลลูกชายลุงไง!”
เหยียนโฮ่วเต๋อเอ่ยด้วยท่าทีจริงใจ สีหน้าแววตาฉายความเป็นห่วงเป็นใยต่อลูกชาย เพียงแต่เหมยเหมยรับรู้มาเนิ่นนานถึงความเสแสร้งที่เขามีอยู่ จึงไม่หลงเชื่อเลยแม้แต่ประโยคเดียว
“ลุงเหยียนคะ หนูไม่รู้จริงๆ แต่หนูว่าลุงคิดมากเกินไปนะ ตั้งแต่เล็กจนโตพี่หมิงซุ่นก็อยู่กับคุณตาเหยียนและคุณยายหยางมาตลอด ได้รับการอบรมสั่งสอบจากท่านทั้งสอง หากว่าพี่หมิงซุ่นมีพ่อบุญธรรมจริง เป็นไปได้หรือที่จะไม่รู้ธรรมเนียม? เขาต้องคิดรอบคอบกว่าคุณลุงในทุก ๆด้านแน่นอนค่ะ”
เหมยเหมยเหน็บแนมเหยียนโฮ่วเต๋อไปที พร้อมทั้งประจบประแจงคุณตาเหยียนและคุณยายหยางไปด้วย ท่านทั้งสองที่ได้ยินต่างก็อารมณ์ดีไม่น้อย โดยเฉพาะคุณตาเหยียน ที่รู้สึกประทับใจเหมยเหมยมากกว่าเดิม
แม้ว่าหลานสาวตระกูลจ้าวจะดูหูตาสับปะรดไปบ้าง แต่สายตาหลักแหลมไม่เบา!
เหยียนโฮ่วเต๋อหน้าแดงปนซีด กัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด เพราะเป็นลูกสาวของผู้มีอำนาจ หากว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวของคนธรรมดาทั่วไป เขาคงจะต่อว่าไปนานแล้ว
ความผิดที่ไม่เคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่ เพียงพอที่จะให้เขาอาละวาดได้!
“เหมยเหมยกินข้าวเถอะ กินเยอะ ๆล่ะ” เหยียนโฮ่วเต๋อกัดฟันยิ้ม จัดการเหมยเหมยไม่ได้เลยสักนิด อึดอัดใจเป็นบ้า
แต่เมื่อขบคิดได้สักพัก เหยียนโฮ่วเต๋อจึงคิดหาวิธีจัดการเหมยเหมยได้แล้ว
นางเด็กบ้านี่ไม่พูดความจริงดีนัก ให้มันกระวนกระวายใจจนเป็นบ้าไปเลย!
“พ่อครับ แม่ครับ ปีนี้ที่ผมกลับมายังมีอีกหนึ่งเรื่องที่จะคุยด้วยหน่อย อายุของหมิงซุ่นก็ไม่ใช่น้อย ๆแล้ว เขาอยู่ในกองก็ก้าวหน้าอยู่ไม่น้อย ถึงเวลาที่จะต้องมาคิดเรื่องที่จะต้องเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เพื่อนของผมมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน สวยสง่า นิสัยอ่อนโยนความเอาใจใส่ รุ่นราวคราวเดียวกับหมิงซุ่น เรียนเอกศึกษาศาสตร์ ตอนนี้เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนทดลองฝ่ายประถมศึกษา”
เหยียนโฮ่วเต๋อเอ่ยไปพลางพร้อมลอบสังเกตปฏิกิริยาของเหมยเหมยไปพลาง เห็นมือที่กำลังคีบอาหารอยู่หยุดชะงักไป จึงนึกสนุกอยู่ภายในใจ
กระวนกระวายใจสิท่า?
เธอไม่เคารพต่อพ่อตาในอนาคตเองนี่!
เขาเป็นถึงพ่อของเหยียนหมิงซุ่น และแน่นอนต้องมีวิธีจัดการเจ้าเด็กอกตัญญูทั้งคู่นี่ด้วย!
“พ่อครับ แม่ครับ หรือไม่งั้นรอให้หมิงซุ่นกับมา แล้วก็ให้เขาไปดูตัวกับแม่สาวน้อยนั่น? หากคิดว่าใช้ได้ก็ให้พวกเขาจัดการเรื่องแต่งงานได้เลย หากไวหน่อย ไม่แน่ปีหน้าท่านทั้งสองก็จะได้อุ้มหลานแล้ว…ฮ่าฮ่า…”
เหยียนโฮ่วเต๋อจงใจหัวเราะอย่างได้ใจ คุณตาเหยียนต่างก็เห็นพ้องและเห็นว่าน่าสนใจดี
จ้าวเหมยอายุน้อยเกินไป ถ้ารอให้เธอมีหลานให้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทันได้เห็นหรือเปล่า!
……………………………………………..