ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1286 จู่โจม + ตอนที่ 1287 ใจที่ต้องการปกป้องลูกสาว
ตอนที่ 1286 จู่โจม
เหมยเหมยใจดิ่งวูบ เบอร์นี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นเบอร์สาธารณะ แล้วจะเป็นใคร?
เธอคิด ๆดูแล้วก็โทรไป เสียงรอสายดังเพียงครั้งเดียวก็มีคนรับสาย เสียงแหบพร่าดังแว่วมาจากอีกฝั่ง เหมยเหมยได้ยินก็รู้ทันทีว่าเป็นใครหัวใจพลันดิ่งวูบสู่เหวลึก
“เหอปี้อวิ๋น เธอคิดจะทำอะไร?” เหมยเหมยถามเสียงดุดัน
เป็นเหอปี้อวิ๋นจริง ๆด้วย เธอออกมาได้อย่างไร?
“เหอะเหอะ…ฉันแค่อยากเชิญเธอมาเป็นแขก…” น้ำเสียงเริ่มเย็นยะเยือกขึ้น “แกทำตัวดี ๆหน่อย มาที่ภูเขาเฟิ่งหวงซานภายในหนึ่งชั่วโมง แค่แกคนเดียว ถ้าพาคนอื่นมาด้วยฉันจะเอาเหยียนซินหย่าถึงตาย
แล้วก็ถ้าแกมาช้าทุกหนึ่งนาทีฉันจะเฉือนอวัยวะเหยียนซินหย่าออกหนึ่งชิ้น แกมาช้าได้ตามสบายฉันไม่รีบ ก็ต้องดูว่าบนร่างกายแม่ของแกมีให้เฉือนมากแค่ไหน”
“เหอปี้อวิ๋นแกกล้าเหรอ!” เหมยเหมยถลึงตาด้วยความโกรธ
“ฉันมีอะไรที่จะไม่กล้า…ฉันไม่เหลืออะไรแล้วเพราะแกกับแม่ของแกทำร้ายไปจนหมดแล้ว…เหอะ…คนเท้าเปลือยไม่กลัวคนใส่รองเท้าหรอก แกอย่าคิดเล่นตุกติก มาหาฉันภายในหนึ่งชั่วโมง เริ่มจับเวลาตั้งแต่ตอนนี้…”
เสียงดังแกร๊กเพราะถูกตัดสายมีเสียงดังลอยมา ‘ตู๊ดตู๊ดตู๊ด’
เหมยเหมยกระวนกระวายใจ เหอปี้อวิ๋นในตอนนี้ไม่มีอะไรให้เสียแล้วไหนจะมีคดีฆาตกรรมสองชีวิตติดตัว การฆ่าอีกสักคนสำหรับเธอเป็นแค่เรื่องง่ายดาย
เธอต้องรีบไปภูเขาเฟิ่งหวงซานโดยเร็ว!
จะให้เหยียนซินหย่าโดนเหอปี้อวิ๋นทำร้ายไม่ได้
เหมยเหมยคิดๆ แล้วก็ส่งข้อความหาพี่เสืออีกครั้งแต่เพราะเวลามีจำกัดเธอแค่พูดสั้นๆ ว่าไปภูเขาเฟิ่งหวงซาน ก่อนจะโบกรถแท็กซี่มุ่งหน้าสู่ภูเขาเฟิ่งหวงซาน
เสียดายที่ไม่ได้พาฉิวฉิวไปเรียนด้วยไม่อย่างนั้นต้องตามหาเหอปี้อวิ๋นเจอได้อย่างง่ายดายเพราะภูเขาเฟิ่งหวงซานเป็นบ้านเกิดของฉิวฉิว ส่วนฉาฉาอยู่บ้านเนื่องจากสภาพอากาศข้างนอกมันร้อน สภาพร่างกายของมันรับไม่ไหว
ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยงวัน สภาพอากาศไม่ค่อยดีนักเพราะหลายวันก่อนเพิ่งฝนตกทำให้ทางโขดหินบนภูเขาเฟิ่งหวงซานยังลื่นอยู่บ้าง บนภูเขาแทบไม่มีใคร บรรยากาศเงียบสงัดแถมยังดูวังเวง
คนขับรถแท็กซี่ใจดีคิดจะรอเหมยเหมย เด็กผู้หญิงหน้าตาสวยแบบนี้มาเดินอยู่กลางป่ากลางเขากลัวจะเกิดอันตราย
เหมยเหมยกลับให้คนขับรถกลับไป คนสติไม่ดีอย่างเหอปี้อวิ๋นบอกแล้วว่าอย่าเอาใครมาด้วยด้วย หากเธอเห็นคนขับรถเกรงว่าจะเป็นภัยต่อเหยียนซินหย่า
รอคนขับรถกลับไปเหมยเหมยกวาดตามองรอบทิศซึ่งไม่เห็นเหอปี้อวิ๋น ได้ยินเพียงเสียงร้องของฝูงนก บรรยากาศเงียบจนน่าขนลุก
“เหอปี้อวิ๋น…ฉันมาแล้ว…เธอออกมาสิ…”
เหมยเหมยสงบสติอารมณ์ไม่อยู่พลางตะโกนเสียงดัง เสียงสะท้อนดังกระทบหูแต่ไร้เสียงตอบรับใดๆ
“เหอปี้อวิ๋นออกมา…เธอหลบแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน? เธออยากจัดการฉันไม่ใช่เหรอ…ออกมาสิ…”
ความเงียบราวกับป่าช้าทำให้เหมยเหมยยิ่งกังวลใจ เธอกลัวเหยียนซินหย่าจะโดนทำร้ายเพราะตั้งแต่เหยียนซินหย่าออกเดินทางถึงตอนนี้ก็ผ่านไปราวหกชั่วโมงแล้ว เวลามากพอจะให้เหอปี้อวิ๋นลงมือ
เหมยเหมยที่เป็นฝ่ายถูกยั่วยุร้อนรนเหลือเกิน ต่อให้เธอเป็นฝ่ายตกอยู่ในอันตรายเองก็ไม่ร้อนใจขนาดนี้ พอเรียกไปหลายทีไม่มีเสียงตอบรับ เหมยเหมยก็ทนรอต่อไปไม่ไหว เธอล้วงแส้จากกระเป๋าออกมาตัดสินใจไปหาด้วยตัวเอง
เหอปี้อวิ๋นโผล่มาจากดงหญ้าในมือมีก้อนหินขนาดใหญ่แอบย่องเข้าไปเงียบ ๆ เหมยเหมยรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติทางด้านหลังแต่เพิ่งหันหลังก้อนหินก็ถูกทุบลงมา
ความเจ็บจี๊ดจากด้านหลังศีรษะ ในสถานการณ์คับขันเหมยเหมยกระชากกระดุมเสื้อกันหนาวออกมาหนึ่งเม็ดก่อนที่สติสัมปชัญญะจะหายไป
พี่เสือรีบไปยังเรือนจำหญิงก่อนจะพบว่าเมื่อวานเหอปี้อวิ๋นถูกส่งตัวไปรักษาข้างนอกเพราะโรคกำเริบกะทันหัน แต่พอตอนเขาไปถึงโรงพยาบาลกลับสังเกตว่าบนเตียงนั่นไม่ใช่เหอปี้อวิ๋น แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สมองไม่ค่อยปกติเท่าไร
……………………
ตอนที่ 1287 ใจที่ต้องการปกป้องลูกสาว
เหมยเหมยฟื้นจากการถูกถูลู่ถูกังไปตามพื้น หลังศีรษะเจ็บมาก บนร่างกายเองก็เจ็บมากเช่นกัน เพราะมีหินขนาดเล็กคอยทิ่มแผ่นหลังอยู่เป็นพักๆ ข้างหูมีเสียงดังเสียดสีซ่าซ่ารวมถึงเสียงก้าวเดินของฝีเท้า
เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นว่าตรงหน้ามีเท้าคู่หนึ่งสวมรองเท้าแตะราคาถูกส่วนกางเกงเป็นกางเกงนักโทษสีเทากากี กำลังเดินอยู่ เธอเลื่อนสายขึ้นไปอีกก็เห็นเหอปี้อวิ๋นที่หน้าดูแก่โทรมอยู่ในชุดนักโทษสีเทา ผมหงอกขาวเกินกว่าครึ่งถูกมัดลวก ๆ และมีบางส่วนที่หลุดออกมาสยายเหมือนหญ้าแห้ง
ความเจ็บแผ่ซ่านมาจากแผ่นหลังคาดว่าน่าจะกระแทกโดนก้อนหินขนาดใหญ่ เจ็บจนเธอเกือบหลุดเสียงออกมาแต่เธอพยายามกลั้นเอาไว้ ดึงกิ๊บบนศีรษะทิ้งไว้ระหว่างทาง
เธอจะทิ้งของไว้หนึ่งชิ้นในทุกช่วงระยะทางที่ถูกลาก ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดมือ กิ๊บ กระดุม สร้อยข้อมือต่าง ๆ ดีที่ทางไม่ไกลมากแค่อาศัยเสื้อโค้ทกึ่งยาวที่มีกระดุมสองแถวของเธอก็พอใช้เป็นสัญลักษณ์ได้แล้ว
ก่อนเธอมาที่นี่ได้บอกพี่เสือว่าไปภูเขาเฟิ่งหวงซานซึ่งคิดว่าไม่นานพี่เสือก็น่าจะตามมาถึง สิ่งเดียวที่เธอต้องทำก็คือพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด
แล้วก็ตามหาเหยียนซินหย่า หวังว่าเธอจะยังไม่โดนทำร้าย
โดนลากอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจนชาไปทั้งแผ่นหลัง หลังศีรษะก็เจ็บจะแย่ไหนจะความรู้สึกเหนียวหนึบนั่นอีก สงสัยจะเลือดไหลแล้ว
ในที่สุดก็หยุดลง เหอปี้อวิ๋นโยนเหมยเหมยลงพื้นแล้วจ้องเธอเขม็ง อารมณ์บ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ สายตาที่จ้องเขม็งมาทำเอาเหมยเหมยใจเสียเลยหลุดครางทีหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้น
“ที่นี่ที่ไหน…เหอปี้อวิ๋นเธอ…เธอคิดจะทำอะไร?”
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นลนลานและถือโอกาสกวาดตาสังเกตรอบด้าน
แสงอาทิตย์มืดสลัวและมีกลิ่นไอชื้นแฉะเลยคิดว่าน่าจะอยู่ในถ้ำ แม้ภูเขาเฟิ่งหวงซานไม่สูงเท่าไรแต่กลับมีถ้ำจำนวนไม่น้อย บางถ้ำมีแหล่งน้ำด้วยซ้ำ!
จุดที่ไม่ห่างไกลจากเธอมีคนหนึ่งนอนแน่นิ่งบนพื้นไม่รู้เป็นตายไร้ร้ายดีอย่างไรบ้าง เพียงแวบเดียวเหมยเหมยก็จำได้ว่าเป็นเหยียนซินหย่าเลยอดตะลึงไม่ได้
“เหอปี้อวิ๋น…เธอทำอะไรแม่ฉัน…”
เหมยเหมยอยากคลานไปดูอาการของเหยียนซินหย่า แต่เหอปี้อวิ๋นกลับเดินมากระทืบหน้าท้องเธอทีหนึ่ง เจ็บจนเธอแทบสลบเหมือด
“อยู่นิ่งๆ วางใจได้ นางแพศยานั่นยังมีชีวิตอยู่ ฉันยังทรมานไม่หนำใจจะให้มันตายก่อนได้อย่างไร!”
เหอปี้อวิ๋นยิ้มชั่วร้ายทำหน้าได้ใจ
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง นางแพศยาสองคนที่เธอเกลียดแค้นมากที่สุดในโลกกำลังคลานอยู่ใต้เท้าเธอเยี่ยงหมา เธอทำอะไรก็ได้ คิดอยากทำอะไรก็ทำ!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เหอปี้อวิ๋นเดินไปข้างเหยียนซินหย่าที่โดนเธอทุบจนสลบแล้วออกแรงกระทืบหลายที โดยเลือกเตะเข้าจุดอ่อนไหวทุกที เหมยเหมยเคียดแค้นเหลือเกินแต่กลับทำอะไรไม่ได้
เหยียนซินหย่าครางไม่กี่ทีก็ฟื้นขึ้นมา จนตอนนี้เธอยังมึนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่เธอรออยู่โถงสนามบินก็มีคุณป้าทำความสะอาดสวมหน้ากากอนามัยเดินมาถูพื้นก่อนจะทำน้ำสกปรกเลอะรองเท้าของเธอ เพราะเธอสวมรองเท้าหนังสีขาวเหยียนซินหย่าเลยอยากไปล้างที่ห้องน้ำ แต่เพิ่งเดินถึงห้องน้ำก็มีคนมาอุดจมูกจากด้านหลัง จากนั้นก็หมดสติไม่รับรู้อะไรอีก
เหยียนซินหย่ายังไม่ทันสังเกตรอบข้างก็ได้ยินเสียงลูกสาว เธอไม่ค่อยเชื่อเท่าไรแต่เสียงนั้นกลับเป็นของจริง เหยียนซินหย่าหันกลับมาเลยเห็นเหมยเหมยที่อยู่ไม่ห่างจากเธอก่อนที่ใจจะวูบดิ่ง
“ทำไมเหมยเหมยถึงมาอยู่…เหอปี้อวิ๋น…เป็นแก…แกคิดจะทำอะไร?”
เหยียนซินหย่ามองเห็นใบหน้าชั่วร้ายของเหอปี้อวิ๋นก็พลันตกใจจนวิ่งไปหาเหมยเหมยอย่างไม่ทันคิด ยืนบังลูกสาวพลางมองเหอปี้อวิ๋นด้วยความหวาดผวา
เหมยเหมยอุ่นวาบทั้งหัวใจ แม่ของเธอแรงน้อยแต่กลับยอมบังตัวเธอในยามเผชิญอันตรายอย่างห้าวหาญโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
………………………………………