ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1338 แสดงอำนาจ + ตอนที่ 1339 จัดการอย่างเข้มงวด
ตอนที่ 1338 แสดงอำนาจ
“คนอื่นทำงานเก่งกว่าฉันที่ไหนกัน? นั่นเป็นพ่อแท้ ๆของฉันเลยนะ ฉันไม่ช่วยเขาแล้วจะช่วยใคร พอแล้ว เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลัง!”
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ค่อยชอบใจนัก เขาทั้งกลัวทั้งรักหนิงเฉินเซวียน กลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดีพอแล้วโดนหนิงเฉินเซวียนทำโทษ ดังนั้นปกติแล้วเขาถึงได้รักษาระยะห่างกับหนิงเฉินเซวียนไม่กล้าเข้าใกล้
แต่ในใจเขาหนิงเฉินเซวียนกลับมีตำแหน่งสำคัญอย่างมาก บางทีอาจสำคัญกว่าเหมยซูหานเสียด้วยซ้ำ
เหมยซูหานไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ว่าไม่ควรใจร้อนเกินไป ควรค่อย ๆวางแผนจะดีกว่า เขาไม่มีทางให้เฮ่อเหลียนเช่อเป็นอะไรไปแน่!
โถเถ้ากระดูกนั่นเหมยซูหานเตรียมเอากลับไปให้อู่เจิ้งซือ เขาไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องนี้ให้อู่เจิ้งซืออย่างไรดีที่อยู่ดี ๆคนที่มีชีวิตอยู่ก็จากไปเสียแล้ว เรื่องนี้อธิบายไม่ถูกเลยจริง ๆ
เพราะหลายวันนี้เหมยซูหานได้รับบาดเจ็บที่มือจึงไม่ได้เข้าบริษัท เขาเอาโถเก็บเถ้ากระดูกไปหาอู่เจิ้งซือที่บริษัทแล้วค่อยตรวจเช็คสถานการณ์ของบริษัทในช่วงนี้ด้วย
คราวก่อนเขาตรวจได้เพียงครึ่งเดียวก็ถูกเรื่องของเหมยเหมยขัดเสียก่อน ครั้งนี้ต้องตรวจเช็คให้เรียบร้อย
อู่เจิ้งซือไม่อยู่บริษัทเห็นว่าไปคุยงานข้างนอกคงต้องรอทานมื้อเที่ยงเสร็จถึงกลับเข้ามา เหมยซูหานจำต้องเอาโถเก็บเถ้ากระดูกไว้ที่ห้องทำงานโดยเริ่มตรวจเช็คงานก่อนค่อยว่ากันทีหลัง
แต่เหมยซูหานยิ่งดูหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น แม้เขาไม่ได้เรียนจบด้านการบริหารโดยตรงแต่ทำการค้าขายมาหลายปี กับเรื่องดูตารางสินค้าเทียบบัญชีอะไรเทือกนี้ย่อมไม่มีปัญหา เขาแค่ดูบัญชีได้เพียงสองเดือนก็พบปัญหาเข้าแล้ว
ผลกำไรของบริษัทไม่เป็นไปตามสภาวะการดำเนินงานของบริษัทอย่างชัดเจน
เหตุผลที่เปิดบริษัทบันเทิงเพราะเหมยซูหานได้รับแรงบันดาลใจจากความฝันถึงได้ช่วงชิงเนื้อก้อนโตนี้ก่อนเวลาหลายปี ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามองการณ์ไกลใช้ได้ที่เดียว แค่ระยะเวลาสั้น ๆไม่กี่ปีฮวาหยู่ก็ทำเงินให้เขาได้เกือบร้อยล้าน สายธุรกิจที่ทำกำไรได้ประมาณนี้มีเพียงด้านอสังหาริมทรัพย์แล้วล่ะ
อีกทั้งไม่กี่ปีมานี้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว แนวโน้มของบริษัทสื่อมีเดียร์ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้เขาไม่เข้าบริษัทกว่าครึ่งปีก็รู้ว่าปีนี้บริษัทได้ถ่ายภาพยนตร์และละครโด่งดังหลายเรื่อง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักร้องที่กำลังโด่งดังอย่างสยงชิงชิง แค่อัลบั้มก็ทำกำไรมหาศาลแล้ว
ฉะนั้นกำไรของบริษัทในปีนี้ต้องมากกว่าปีที่แล้ว และมากกว่าปีก่อน ๆตามแนวโน้มของตลาดถึงจะถูกสิ แต่ตอนนี้รายงานที่อู่เจิ้งซือให้เขาดูกลับแสดงผลว่ากำไรของครึ่งปีแรกนี้กลับแย่กว่าครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว
มันไม่ปกติแน่นอน!
แม้ครึ่งปีหลังของปีที่แล้วจะเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวประจำปี ครึ่งปีแรกนับว่าเป็นฤดูจืดจางที่หากดูผิวเผินคงเป็นเรื่องปกติที่ทำกำไรได้น้อย แต่ปีนี้บริษัทได้ยกระดับขึ้นไม่น้อยทั้งยังเซ็นสัญญาศิลปินเพิ่มขึ้นอีกมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครึ่งปีแรกเลยเพราะได้ลงฉายภาพยนตร์และละครขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอีก
ฉะนั้นกำไรต้องมากกว่าปีที่แล้ว ไม่มีทางน้อยกว่า
รายงานฉบับนี้ต้องผ่านการปลอมแปลงมาก่อน เหมยซูหานมุ่นคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาเข้าใจคำกล่าวที่ว่าน้ำที่ใสเกินไปย่อมไม่มีปลา เป็นคนอย่าเข้มงวดเกินไปไม่อย่างนั้นคงไม่มีเพื่อนคบ ดังนั้นก่อนหน้านี้อู่เจิ้งซือเคยเล่นตุกติกอะไรกับบัญชีบ้างเขาก็ทำเป็นลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งมาตลอด ทำเหมือนมองไม่เห็นไป
แต่เขาไม่อนุญาตให้อู่เจิ้งซือปั่นหัวเขาเหมือนคนโง่!
ยิ่งไปกว่านั้นเงินขนาดหลายล้านเหยียบสิบล้าน เห็นเขาเป็นคนที่หลอกง่ายขนาดนั้นเชียว?
อู่เจิ้งซือที่ได้ทานข้าวกลับบริษัทอย่างพึงพอใจ กลางวันได้ทานข้าวกับดาราหญิงหลายคน ข้างกายมีสาวงามรุมเร้าจึงต้องดื่มหลายแก้วหน่อย หน้าแดงก่ำกลิ่นเหล้าโชยออกจากตัวทำเอาเหมยซูหานหัวคิ้วผูกเป็นปมแน่น
“ผู้จัดการอู่ กฎบริษัทกำหนดไว้ว่าเวลางานห้ามดื่มเหล้า ในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการใหญ่ทำไมถึงไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกน้อง?”
เหมยซูหานแสดงอำนาจใส่เขาก่อน ตอนนี้เขาไม่พอใจต่ออดีตครูผู้มีพระคุณอย่างอู่เจิ้งซือมาก
……………………………………………………….
ตอนที่ 1339 จัดการอย่างเข้มงวด
อู่เจิ้งซือโดนว่าจนชะงักค้างสติล่องลอยไปชั่วขณะ เมื่อก่อนเหมยซูหานมักแสดงท่าทีนอบน้อมเคารพต่อเขาในฐานะนักเรียน แต่แสดงทีท่าเหมือนไร้ซึ่งความเกรงใจทั้งยังตำหนิต่อหน้าเลขาแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เขาสร่างเล็กน้อยและเริ่มหน้าเสีย ความอับอายเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความคุกรุ่น
“ฉันทำเพื่อบริษัทไงล่ะเลยห้ามตัวเองได้ยาก คราวหลังจะระวังแล้วกัน!” อู่เจิ้งซือตอบปัด
วันนี้เหมยซูหานจงใจจะเล่นงานอู่เจิ้งซือย่อมไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆอยู่เอ่ยต่อว่า “ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร แค่ทำผิดกฎบริษัท ต่อให้เป็นตัวผมเองก็ต้องยอมรับบทลงโทษของบริษัท”
ว่าแล้วเขามองไปยังเลขาสาวที่ทำหน้าอึดอัดอยู่ข้าง ๆ “ไปเรียกหัวหน้าหลิวแผนกธุรการมา”
เลขาเหมือนได้วางภูเขาออกจากอกรีบวิ่งเหยาะๆไปตามหาคนพร้อมกลับพึมพำในใจว่าดูท่าทางจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในบริษัทแล้ว?
ไม่นานหัวหน้าหลิวก็มาถึง เหมยซูหานบอกเรื่องที่อู่เจิ้งซือดื่มเหล้าช่วงกลางวันให้ฟังก่อนจะให้เขาไปออกใบประกาศลงโทษฉบับหนึ่งติดไว้กลางโถงใหญ่บริษัทให้คนทั้งบริษัทได้เห็นกันถ้วนหน้า
อู่เจิ้งซือดึงหน้าขึงขังทันที กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ซูหาน มีความจำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้เหรอ? ฉันจ่ายค่าปรับก็ได้”
นับตั้งแต่รู้ว่าอู่เยวี่ยใกล้แต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว อู่เจิ้งซือก็ได้เปลี่ยนคำสรรพนามเรียกเหมยซูหานกลับมาเหมือนเดิมโดยใช้คำว่าซูหาน ท่าทีก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ปกติเหมยซูหานไม่รู้สึกอะไร แต่พอวันนี้ได้ยินคำว่า ‘ซูหาน’ กลับรู้สึกแสลงหูเหลือเกิน
“ขณะอยู่ในบริษัททางที่ดีเรียกชื่อตามตำแหน่งดีกว่า ถ้าเป็นพนักงานทั่วไปแค่ปรับแล้วก็เขียนรายงานสำนึกผิดก็พอ แต่ผู้จัดการอู่คุณเป็นถึงระดับผู้บริหารของบริษัท ในเมื่อคุณทำผิดถ้าไม่ลงโทษจริงจังหน่อยคนในบริษัทจะเอาเป็นแบบอย่างได้ ถึงตอนนั้นจะทำเอาวุ่นวายอลหม่านไปกันหมดจนจัดการไม่ได้ขึ้นมาล่ะ ฉะนั้นต้องจัดการอย่างเคร่งครัด หัวหน้าหลิว ไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
เหมยซูหานสีหน้าดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังพูดกระแทกเสียงในประโยคสุดท้ายพลันทำให้คนเห็นเริ่มหวาดผวา แม้เดิมทีเขาจะเป็นคนใจเย็นอ่อนโยนก็ตาม แต่เวลานี้กลับทำให้ผู้คนต่างตื่นกลัว
หัวหน้ายังจะกล้าชักช้าเสียที่ไหนเลยรีบขานรับก่อนจะกลับไปร่างใบประกาศลงโทษที่ห้องทำงาน ไม่นานก็เขียนเสร็จจึงเอามาส่ง เหมยซูหานกวาดตาอ่านผ่าน ๆแล้วเซ็นชื่อของเขาลงบนนั้น
“ค่าปรับหักจากเงินเดือนของผู้จัดการอู่ ตอนนี้เอาไปติดเสีย” เหมยซูหานเองก็เริ่มฉุนไม่คิดจะไว้หน้าอู่เจิ้งซือเลยสักนิด
หัวหน้าหลิวเหลือบมองอู่เจิ้งซือที่ทำหน้าถมึงทึงแวบหนึ่ง จนถึงตอนนี้เขาที่มีประสบการณ์ทำงานอย่างโชกโชนจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น
เห็นทีใกล้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงกับบริษัทครั้งใหญ่แล้ว!
หัวหน้าหลิวตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร เขาไม่ชอบใจอู่เจิ้งซือมานานแล้วและคนในบริษัทที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขามีจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้จัดการใหญ่คนนี้ไม่ค่อยมีความสามารถเท่าไรแต่กลับคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกเสมอ
ไม่ว่าจะแผนกไหนก็ชอบเข้าไปจุ้นจ้านเสียหมด ไม่รู้กลับแสร้งทำเป็นรู้!
เรื่องยังพอช่างมันไปได้แต่เรื่องสำคัญที่ทำให้ทุกคนไม่ชอบคืออู่เจิ้งซือละโมบเกินไป!
ยักโยกเงินจำนวนมหาศาลของบริษัทก็พอแล้วสิ อย่างไรเสียเงินพวกนั้นก็ไม่ใช่เงินของพวกเขา เอามากเอาน้อยพวกเขาก็ไม่มีความคิดเห็นใด
แต่อู่เจิ้งซือไม่ควรมาแตะต้องของกำนัลของพวกเขาสิ!
ทั้งที่เรื่องของกำนัลในทุกงานเทศกาลเป็นงานของฝ่ายจัดซื้อ แต่ไม่รู้ว่าอู่เจิ้งซือไปหลอกล่อฝ่ายจัดซื้ออย่างไรทำให้ของกำนัลที่ซื้อกลับมาทุกครั้งล้วนเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ
ปลาสายพานที่ใกล้เสีย ลูกแอปเปิ้ลที่รสชาติเปรี้ยวเหลือเกิน ปลาดาบเงินที่บางยิ่งกว่าสายเข็มขัด…
ทำใจทิ้งไปไม่ได้แต่ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเมื่อได้กิน พวกเขาทนมาสามปีแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็หลุดพ้นสักที!
ให้ฝนฟ้าพายุโหมกระหน่ำมายิ่งกว่านี้หน่อยเถอะ!
เหมยซูหานมองใบหน้าขึงขังของอู่เจิ้งซือแล้วลอบแค่นหัวเราะ เรียกเขาเข้ามาในห้องทำงานแล้วโยนเอกสารรายงานม้วนหนึ่งไว้ตรงหน้าเขาแล้วถามเสียงเย็นชา “ผู้จัดการอู่ เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร?”
………………………………………………………