ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1340 มองการณ์ตื้นเขิน + ตอนที่ 1341 เงินและหุ้นอย่าคิดว่าจะเอาไปได้
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1340 มองการณ์ตื้นเขิน + ตอนที่ 1341 เงินและหุ้นอย่าคิดว่าจะเอาไปได้
ตอนที่ 1340 มองการณ์ตื้นเขิน
อู่เจิ้งซือใจหล่นตุบเริ่มหวั่นใจขึ้นมา แต่ไม่นานเขาก็คิดได้ว่ามีอะไรต้องกลัวกัน บัดนี้ไม่เหมือนอดีตอีกต่อไป ตอนนี้เขาเป็นว่าที่พ่อตาในอนาคตของเฮ่อเหลียนเช่อเชียวนะ จะต้องกลัวอะไร?
“อธิบายอะไร? เธออยากให้ฉันอธิบายอะไร?” อู่เจิ้งซือแกล้งโง่
เหมยซูหานปวดใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เคยคิดว่าคุณครูอู่ผู้ได้รับความเคารพจากผู้คนมากมายจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ คนเรามันเปลี่ยนกันได้ขนาดนี้เลยหรือ?
หรือว่าเมื่อก่อนอู่เจิ้งซือเสแสร้งมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่ได้เสแสร้ง เผยตัวตนที่แท้จริงออกมากันนะ?
“คุณครูอู่คิดว่าผมหลอกง่ายนักใช่ไหม? หรือคุณคิดว่าตัวเองฉลาดเกินคน? ปลอมบัญชีกันโจ่งแจ้งขนาดนี้คุณคิดจะตบตาใครกัน?” เหมยซูหานแค่นหัวเราะพลางชี้ไปที่เอกสารรายงาน
อู่เจิ้งซือก้มหน้าไม่ปริเสียง แค่เขาปิดปากสนิทไม่ยอมรับ ดูสิเหมยซูหานจะทำอะไรเขาได้!
“คุณคิดว่าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไรแล้วงั้นเหรอ? ผมสามารถเชิญนักบัญชีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบบัญชีดูว่าคุณยักยอกไปเท่าไหร่ ยักยอกเมื่อไหร่ เงินแต่ละก้อนจะต้องโดนสืบอย่างละเอียด ถึงเวลานั้นเข้าจริง ๆจะไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างเราสองคนแต่จะโยงไปถึงคดีแพ่งพาณิชย์ คุณครูอู่อยากเข้าไปอยู่ในคุกอีกครั้งเหรอ?”
เหมยซูหานทำหน้าเย็นชา พูดกระแทกเสียงใส่
หากไม่จำเป็นเขายังไม่อยากแตกคอกับอู่เจิ้งซือ
ในเมื่ออู่เจิ้งซือเคยมีบุญคุณต่อเขาทั้งยังเป็นบุคคลที่เขาเคารพเสมือนพ่อ!
อู่เจิ้งซือสีหน้าเลิ่กลั่ก เขาไม่คิดเลยว่าเหมยซูหานจะเด็ดขาดขนาดนี้ จู่ ๆก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือซึ่งทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิม เขารู้สึกว่าเหมยซูหานทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และยังเนรคุณอีกด้วย
ไม่ลองคิดดูว่าในยามที่ยากจนถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าว ใครกันที่ให้ความช่วยเหลือเขา!
“ตอนนี้ประธานเหมยประสบความสำเร็จแล้ว น้ำเสียงคำพูดคำจาก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตาแทบจะเชิดติดฟ้าอยู่แล้วมั้ง!” อู่เจิ้งซือพูดอย่างน้อยใจและเย้ยหยันให้ถึงที่สุด
เหมยซูหานส่ายศีรษะ กระทั่งเวลานี้อู่เจิ้งซือยังไม่สำนึกความผิดอีก ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน
ในเมื่อแป็นแบบนี้ก็อย่าหาว่าเขาไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่รู้จักกันมาช้านานแล้วกัน!
“เลขาหู ช่วยติดต่อสำนักงานบัญชีรื่อชางให้ผมที แล้วต่อสายมาที่ห้องทำงานผม” เหมยซูหานกดกดเบอร์โทรไปที่โต๊ะเลขา ทำเอาอู่เจิ้งซือใจเต้นตุบตับสีหน้าย่ำแย่เหลือทน
ไม่นานสำนักงานบัญชีก็ติดต่อมาซึ่งเหมยซูหานให้พวกเขามาตรวจสอบบัญชีที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ อู่เจิ้งซือมองเขาอย่างเหลือเชื่อ นี่เอาจริงหรือ?
“ซูหาน เธอต้องทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?”
“ผมให้โอกาสคุณแล้วแต่คุณไม่สำนึกผิด ในเมื่อคุณทำแบบนี้มาก่อนผมก็ต้องเอาคืน ผมได้ทำหน้าที่ตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว!” เหมยซูหานนวดไหล่ซ้าย แขนซ้ายค้างท่านั้นไว้นานไม่ค่อยสบายเท่าไรนัก
อู่เจิ้งซือสีหน้าเปลี่ยนไปพลางพูดกัดฟัน “เยวี่ยเยวี่ยใกล้จะแต่งงานกับคุณชายเช่อแล้ว ถึงตอนนั้นบริษัทของเราจะต้องเติบโตขึ้นไปอีกหลายระดับ เธอจะแตกคอกับฉันจริง ๆเหรอ?”
เหมยซูหานชะงัก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอู่เจิ้งซือจะพูดคำแบบนี้ออกมาได้?
คิดว่าคนอย่างเหมยซูหานไม่มีคนหนุนหลังงั้นสิ?
น่าขำเสียจริง หากเขาเหมยซูหานไม่มีเฮ่อเหลียนเช่อคอยหนุนหลังอยู่ เขาจะมีสิทธิ์อะไรไปแย่งเนื้อก้อนโตกับบรรดาลูกหลานเศรษฐีในวงการนั่นได้
เกรงว่าคงโดนพวกคุณชายดิบเถื่อนพวกนั้นกำจัดให้สิ้นซากไปแล้ว!
เหมยซูหานทั้งขำทั้งโกรธ ขณะนี้ภาพลักษณ์ของอู่เจิ้งซือในดวงใจเขาพังสลายจนสิ้น เหลือแต่ความผิดหวัง
อู่เจิ้งซือที่เขาให้ความเคารพดั่งคุณพ่อ ที่แท้ก็เป็นเพียงคนที่มองการณ์ตื้นเขินจิตใจคับแคบเท่านั้น!
และยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอีกต่างหาก!
อย่างไรเสียเขาก็เป็นพ่อสื่อให้เฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ยหรือเปล่า!
เดิมทีเหมยซูหานอยากบอกเรื่องอู่เยวี่ยให้อู่เจิ้งซือรับรู้แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้เลยชะงักไว้ก่อน รอดูว่าตกลงอู่เจิ้งซือคิดจะทำอะไรกันแน่!
………………………………
ตอนที่ 1341 เงินและหุ้นอย่าคิดว่าจะเอาไปได้
เหมยซูหานไม่เปลืองคำพูดไร้สาระกับอู่เจิ้งซืออีก พูดตรง ๆว่า “มีสองทางเลือก จะคืนเงินที่ยักยอกบริษัทไปมาด้วยตัวเอง หรือจะรอให้ผมตรวจสอบพบแล้วเชิญตำรวจมาจัดการ”
ใบหน้าของอู่เจิ้งซือโกรธเกรี้ยวหน้าเขียวหน้าแดง เพราะดื่มเหล้าเข้าไปด้วยจะให้อดกลั้นต่อความโกรธได้อย่างไรไหว ไฟโทสะพุ่งสูงปรี๊ด ดวงตาแดงก่ำไปหมด
“ฉันไม่เลือกทั้งสองอย่างแหละ เหมยซูหานนายอย่าให้มันมากเกินไป ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันทำเพื่อบริษัททุกอย่าง ทนลำบากทำงานหนัก ถ้าไม่เห็นแก่ความดีก็เห็นใจกันบ้าง แบ่งเงินมาสักนิดสักหน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า? อีกอย่างฉันจะเป็นพ่อตาของคุณชายเช่อในเร็ว ๆนี้แล้ว เงินพวกนั้นยังไม่พอตอบแทนบุญคุณเลยด้วยซ้ำ นายอย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลย!”
เหมยซูหานไม่อยากจะพูดกับเขาให้มากความจริง ๆ ด้วยศักยภาพของอู่เจิ้งซือ ถ้าไม่เห็นแก่น้ำใจที่ช่วยเหลือกันในปีนั้น เขาจะทนได้อย่างไรตั้งหลายปี?
“ในเมื่ออาจารย์อู่มีที่ ๆดีกว่านี้ ที่ตรงนี้คงเล็กเกินไปสำหรับคุณ คงรองรับคนเก่งขนาดคุณไว้ไม่ได้หรอก อาจารย์อู่เชิญตามสบายเถอะ!”
อู่เจิ้งซือใจเต้นระส่ำ คำพูดของเหมยซูหานนั้นเหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง
เขาวางแผนไว้นานแล้ว อู่เยวี่ยแต่งงานปีหน้าและเขาจะทำงานที่นี่อีกหนึ่งปี แบบนี้เขาจะสามารถสร้างรายได้และทำความรู้จักคนมากขึ้น วันหลังเปิดบริษัทของตัวเองจะยิ่งมีหลักประกันที่มั่นคง
แต่ตอนนี้ใช่ว่าจะยึดตามคำพูดของเขาได้เสียที่ไหนล่ะ!
อู่เจิ้งซือคิดอยากจะพูดจานุ่มนวลเอาใจเขาอีกเสียหน่อยแต่เหมยซูหานไม่ฟังอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่บอกให้เขาเอาเงินที่ยักยอกบริษัทไปคืนมา ไม่พูดเรื่องอื่นอีก เขาจะตัดใจคืนไปได้อย่างไรเล่า?
นั่นมันไม่ใช่แค่หลายหมื่นหลายแสน แต่มันมากกว่าสิบล้าน!
เงินเยอะขนาดนี้ต่อให้เขาไม่ทำงานก็มีกินมีใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว หากให้เขาคืนเงินนั้นไปก็เหมือนดั่งเอาชีวิตเขาไปเลยนะ!
อู่เจิ้งซือที่เคยเสพสุขกับชีวิตสุขสบาย มุมมองชีวิตและทัศนคติคุณค่าชีวิตได้เปลี่ยนไปนานแล้ว เขาไม่ใช่อดีตอาจารย์อู่ที่ไม่สนใจของเปลือกนอกอีกต่อไปแล้ว
อู่เจิ้งซือคิดแล้วคิดอีกจึงเป็นฝ่ายเปิดปากต่อรองขอคืนแค่หนึ่งล้าน เหมยซูหานแสยะยิ้มใส่ “หนึ่งล้านเหรอ? ผมไม่อยากเสียเวลากับคุณ เศษเงินผมไม่เอาหรอก สิบล้านถ้วน…คุณเอาออกมาคืนผมสิบล้าน แล้วผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับเรื่องนี้เสีย”
เงินเดือนที่เขาให้อู่เจิ้งซือนั้นไม่น้อยเลย และยังแบ่งหุ้นของเขาให้ด้วย แค่เงินปันผลหลายแสนทุกปีก็มีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น ๆมากแล้ว เขาไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมอู่เจิ้งซือถึงต้องทุจริตด้วย?
แน่นอนว่าอู่เจิ้งซือไม่ยินยอม เงินสิบล้านเทียบเท่ากับตัดเนื้อของเขาเลยนะ จะพูดอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะมอบคืนให้หรอก
“ในเมื่อนานเหมยซูหานไม่เห็นแก่ไมตรีจิตครั้งเก่าก่อน ไม่มีที่ให้ฉันแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไป!”
อู่เจิ้งซือตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ต่อให้ตอนนี้อู่เยวี่ยและเฮ่อเหลียนเช่อยังไม่แต่งงานกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดอยากเปิดบริษัทเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ คุณชายเช่อคงไม่ว่าอะไรหรอก
แค่แวบเดียวเหมยซูหานก็มองความคิดของอู่เจิ้งซือออก เขาเองก็ไม่ได้ขัดอะไร การปฏิบัติงานของอู่เจิ้งซือว่องไวมากไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ยื่นจดหมายลาออก เหมยซูหานก็ไม่ได้ยื้อเขาไว้จรดปากกาเซ็นชื่ออย่างสบายใจ
“อีกสักครู่คุณไปฝ่ายบุคคลเพื่อทำเรื่องรับเงินเดือน ใช่แล้ว พรุ่งนี้ผมคงต้องรบกวนคุณให้มาที่บริษัทอีกสักรอบ ช่วยให้ความร่วมมือตรวจสอบบัญชีด้วย”
อู่เจิ้งซือหน้าถอดสี “ฉันไม่ทำงานที่บริษัทนี้แล้ว มีสิทธิ์อะไรมาเช็คบัญชีของฉัน?”
เหมยซูหานได้ยินเช่นนั้นก็นึกขัน อธิบายอย่างใจดี “ตัวไปได้แต่เงินคงเอาไปด้วยไม่ได้หรอก แน่นอนว่าต้องตรวจสอบบัญชีอยู่แล้ว แต่เห็นแก่น้ำใจที่ผ่านมา ถ้าคุณคืนเงินมาผมก็จะไม่แจ้งตำรวจ”
อู่เจิ้งซือตะลึงงัน งงเป็นไก่ตาแตก ทว่า ——
เหมยซูหานพูดเสริมต่อ “ยังมีหุ้นบริษัทของคุณอีก ตั้งแต่นี้ไปจะกลับคืนเป็นของบริษัท วันหลังจะไม่มีเงินปันผลอีก!”
“ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นหุ้นที่นายให้ฉันนะ!” อู่เจิ้งซือร้องเสียงดัง
…………………………………………..