ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1342 พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก + ตอนที่ 1343 ตัดสินคดีแล้ว
ตอนที่ 1342 พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
เหมยซูหานเรียกให้เลขานุการโทรตามตัวหัวหน้าฝ่ายบุคคลมาอธิบายเรื่องหุ้นส่วน
“ผู้จัดการอู่…เอ่อ…คุณอู่…” หัวหน้าฝ่ายบุคคลนั้นฉลาดมาก แค่เหลือบไปเห็นจดหมายลาออกพร้อมลายเซ็นบนโต๊ะ เขาก็เปลี่ยนคำทันที
“ตอนที่มอบหุ้นให้แก่คุณอู่ คุณอู่และบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงว่าตราบใดที่คุณอู่ทำเพื่อบริษัทมากกว่าสิบปี คุณอู่ถึงจะถือครองหุ้นพวกนี้ได้อย่างอิสระ ก่อนหน้านั้นคุณอู่มีสิทธิ์แค่ได้รับเงินปันผลเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ คุณอู่ทำงานให้บริษัทแค่เพียงสี่ปี ดังนั้นหลังจากคุณออกจากบริษัทไปก็จะไม่ได้รับเงินปันผลอีก!”
อู่เจิ้งซือตกตะลึงไปชั่วขณะ เจ็บปวดเหมือนโดนมีดแทงเข้าที่หัวใจ
เนื้อชิ้นใหญ่หายวับไปแล้ว เขาจะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร?
แต่เขากลับยังไม่รู้ สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือเรื่องหลังจากนี้ต่างหากล่ะ!
เหมยซูหานให้คนอื่น ๆออกไปจากห้องทำงาน หยิบโถเถ้ากระดูกออกจากตู้ ถอนหายใจ เอาโถเถ้ากระดูกวางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าอู่เจิ้งซือ
อู่เจิ้งซือตะลึงไปชั่วครู่ มองไปที่เหมยซูหานอย่างสงสัย แต่ในใจกลับรู้สึกแย่อย่างอธิบายไม่ได้ เขาหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยถามว่า “นายเอาโถนี่มาทำไม?”
“อู่เยวี่ยเกิดอาการป่วยทางจิตกำเริบกระโดดลงจากตึก นี่คือเถ้ากระดูกของเธอ คุณเอากลับไปเถอะ!” เหมยซูหานกล่าว
อู่เจิ้งซือตาเบิกกว้าง แคะหูอย่างสงสัย “นายพูดว่าอะไรนะ? เยวี่ยเยวี่ยเธอทำไมนะ?”
“อู่เยวี่ยเธอตายแล้ว” เหมยซูหานพูดใหม่อีกรอบหนึ่ง
“จะเป็นไปได้อย่างไร? เมื่อหลายวันก่อนเธอยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย อยู่ดี ๆจะมาตายได้อย่างไร? เหมยซูหานนายมันชั่วร้ายมาก ก็แค่เอาเงินนายไปนิดหน่อยเองไม่ใช่หรือ? ทำไมนายถึงต้องแช่งให้เยวี่ยเยวี่ยตายด้วย?”
อู่เจิ้งซือลุกพรวดขึ้นมาก่นด่า
เขายังไม่ได้เป็นพ่อตาของคุณชายเช่อเลย ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของชีวิตเลย อู่เยวี่ยจะตายได้อย่างไร?
ต่อให้อยากจะตาย ก็ต้องรอให้แต่งกับเฮ่อเหลียนเช่อคลอดลูกชายสักคนก่อน หลังจากนั้นค่อยตายก็ยังไม่สาย!
ตอนนี้ตายไปแล้วเขาจะทำอย่างไรต่อล่ะ?
เหมยซูหานเปิดฝาโถเถ้ากระดูก เผยให้เห็นเถ้ากระดูกสีเทาข้างใน มีเถ้ากระดูกหลายส่วนปะปนอยู่ด้านใน “นี่คือเถ้ากระดูกของเยวี่ยเยวี่ย เธอตายไปแล้วจริง ๆ เหอปี้อวิ๋นก็ตายแล้วเช่นกัน”
อู่เจิ้งซือราวกับถูกสายฟ้าฝาดผ่าน ขวัญหนีดีฟ่อไปหมด ไร้สติอยู่นาน
อู่เยวี่ยตายแล้ว?
ตายแล้วจริง ๆเหรอ?
บริษัทของเขาล่ะจะทำยังไง?
“เยวี่ยเยวี่ยเธอตายได้อย่างไร? ใครทำร้ายเธอ?” อู่เจิ้งซือถามอย่างร้อนใจ
“ไม่มีใครทำร้ายเธอ เป็นเพราะเธออาการป่วยทางจิตเกิดกำเริบแล้วกระโดดตึกลงไปตายเอง ตำรวจสรุปคดีแล้ว เดี๋ยวก็คงจะติดต่อแจ้งให้คุณทราบในเร็ว ๆนี้!”
ข่าวการตายของอู่เยวี่ยโดนเหยียนหมิงซุ่นปิดไว้ เขาได้ยินเฮ่อเหลียนเช่อพูดว่าวันนี้ควรปิดคดีเสียที คิด ๆดูแล้วสถานีตำรวจน่าจะแจ้งกับคนในครอบครัวเร็ว ๆนี้ และก็เป็นไปดังคาด ——
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของอู่เจิ้งซือดังขึ้น เขารับสายแค่ครู่เดียว สีหน้าของเขาก็ดูไม่ได้เป็นอย่างมาก มองไปที่โถเถ้ากระดูกอย่างงง ๆ มันทิ่มแทงตาเขาจนปวดร้าวไปหมด
เป็นสถานีตำรวจโทรมา!
อู่เยวี่ยตายแล้วจริง ๆ!
เขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?
งานก็ไม่มีแล้ว หุ้นก็ไม่มีแล้ว เงินที่มีอยู่ในครอบครองก็กลัวว่าจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว เป็นพ่อตายิ่งไม่ต้องหวังแล้ว หรือว่าสวรรค์อยากให้เขาตายหรือไง?
สถานีตำรวจไม่ได้เพียงแค่โทรหาอู่เจิ้งซือ แต่ยังไปหาเหมยเหมยที่โรงพยาบาลอีกด้วย ถึงอย่างไรคนสุดท้ายที่อู่เยวี่ยติดต่อก่อนเสียชีวิตก็คือเธอ ต่อให้จะเป็นแค่ทำแบบขอไปที แต่ก็ควรจะมาสักหน่อย
อิงตามที่เหยียนหมิงซุ่นสอน เหมยเหมยก็บอกไปว่าอู่เยวี่ยจิตไม่ปกติ ครั้งแรกร่วมมือกับเหอปี้อวิ๋นแต่เพราะฆ่าเธอและเหยียนซินหย่าไม่สำเร็จ ครั้งนี้จึงไม่ยอมแพ้ แฝงตัวเข้ามาในโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อต้องการฆ่าเธอ แต่โดนเธอมองออกเสียก่อนจึงลุกขึ้นตอบโต้ ภายใต้การต่อสู้กันไปมาอู่เยวี่ยก็ตกลงไปชั้นล่างเอง
นายตำรวจหนุ่มได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก คำโกหกนี้ช่างลื่นไหล มีบาดแผลถูกกรีดมากมายบนผู้ตาย ผู้ตายจะกรีดเองได้หรือ?
นายตำรวจที่มีอายุมากกว่าส่งสายตามองเขม็งเตือนเขา และสิ้นสุดการซักถาม หันไปทางเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยเพื่อขอตัวลาและจากไปด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า แสดงท่าทีนอบน้อมให้ยิ่งกว่าผู้กำกับที่สถานีเสียอีก
…………………………………………………..
ตอนที่ 1343 ตัดสินคดีแล้ว
ออกจากอาคารผู้ป่วยใน นายตำรวจหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะบ่น “จ้าวเหมยคนนี้ต้องโกหกแน่นอน ร่างของอู่เยวี่ยมีรอยบาดแผลมากมาย ทำไมจ้าวเหมยไม่เอ่ยถึง? ผมคิดว่าแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์จ้าวเหมยต้องเป็นฆาตกรแน่ จุ๊ ๆ ที่แท้ใจที่โหดเหี้ยมที่สุดก็คือใจของผู้หญิง จ้าวเหมยคนนี้ก็คือซูต้าจีที่ยังมีชีวิตอยู่ดี ๆนี่เอง!”
นายตำรวจที่มีอายุมากกว่าเขกหัวหนัก ๆไปทีหนึ่ง นายตำรวจหนุ่มลูบศีรษะของเขาอย่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม “อาจารย์ครับ ทำไมอาจารย์ต้องตีผมด้วยครับ? ผมก็ไม่ได้พูดผิดเสียหน่อย คดีนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่ ผมไม่เข้าใจ ทำไมผู้กำกับไม่ให้เราตรวจสอบ!”
“ตรวจบ้านนายสิ! นายเงียบไปเลยนะ คดีนี้สรุปคดีไปแล้ว นายอยากทำมากก็ไปสืบคดีผู้หญิงที่ตายอย่างไร้สาเหตุที่สวนสาธารณะเมื่อวันก่อน ถ้าสืบหาไม่ได้ความก็อย่ามาเรียกฉันว่าอาจารย์”
นายตำรวจที่มีอายุมากกว่าขี้เกียจจะอธิบายให้มากความแล้ว แต่ก็ไม่ได้ด่าลูกศิษย์
ใคร ๆก็มีเวลาเลือดร้อนเดือดพล่านเกลียดคนชั่วเข้ากระดูกดำกันทั้งนั้นแหละ ตอนที่เขายังอายุน้อยก็ไม่ยอมให้เรื่องไหนเล็ดลอดผ่านสายตาเขาไปได้หรอก แต่พออายุเยอะแล้ว เสียเปรียบมาก็มาก ความสามารถที่แสดงออกมาก็ถูกขัดจนราบเรียบ
ทำไมเขาถึงจะมองช่องโหว่ไม่ออก?
แต่มองออกแล้วอย่างไร?
ขนาดผู้กำกับยังไม่กล้าถามเรื่องคดีให้มากความ พวกเขาเป็นแค่เพียงตำรวจตัวเล็ก ๆเท่านั้น ไหนเลยจะกล้าตรวจสอบ?
อีกอย่างจะสืบหาได้ชัดเจนแน่หรือ?
แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นยังจะดีเสียกว่า!
“พี่หมิงซุ่น…พี่รู้สึกไหมว่าฉัน…” เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะถาม พูดคำ ๆนั้นไม่ออกมาตลอด
ขนาดตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมเมื่อวานเธอถึงได้ลงมือฆ่าอู่เยวี่ยได้อย่างโหดเหี้ยมแบบนั้น?
จะหวาดกลัวสักนิดก็ไม่มีเลย ต่อให้เป็นตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้สึกกลัว จะมีก็แต่ความสุขใจและการได้ระบายความแค้น
“อู่เยวี่ยชดใช้ผลกรรมที่ตนเองก่อ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหมยเหมย เรื่องมันผ่านไปแล้ววันหน้าจะไม่มีคนมาก่อกวนเธออีกแล้วล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นตีเบา ๆเป็นการปลอบใจเธอ
เหมยเหมยเห็นเขาเป็นเหมือนวันปกติ สีหน้าท่าทางไม่มีอะไรผิดปกติถึงได้เบาใจลง
เธอให้เหยียนหมิงซุ่นช่วยทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล สภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลนี้ไม่ดีเท่าในเมืองหลวง อยู่รวมกับห้องผู้ป่วยทั่วไป กลิ่นแรงมาก อยู่อย่างทรมาน อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้มีปัญหาร้ายแรง กลับไปค่อย ๆพักรักษาตัวไปก็พอแล้ว
จ้าวเสวียหลินไม่รู้ว่าในบ้านเกิดเรื่องขึ้น เนื่องจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาจึงถูกส่งตัวไปศึกษาต่อต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งปี และคุณไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ทุกปิดการติดต่ออย่างสมบูรณ์
ตอนนี้เพิ่งไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ปีหน้าถึงจะสามารถกลับประเทศได้
เหมยเหมยรู้ว่าเพราะอะไรจ้าวเสวียหลินถึงถูกเลือก นอกจากผลงานที่โดดเด่นแล้ว เหยียนหมิงซุ่นคงออกแรงไปไม่น้อย คนที่โดดเด่นมีมากมายจริง ๆ โควต้านี้พูดได้ว่าแข่งขันกันอย่างดุเดือดมากทีเดียว
เหยียนซินหย่ายังไม่ฟื้น แต่ร่างกายของเธอฟื้นตัวอย่างช้า ๆ หมอบอกว่าน่าจะฟื้นในเร็ว ๆนี้หรืออาจจะเป็นไม่กี่วันนี้
เหมยเหมยไม่ได้พักรักษาตัวที่บ้าน วันต่อมาก็ไปโรงเรียนแล้ว อุดอู้อยู่บ้านคนเดียวมันน่าเบื่อ ไปสัมผัสบรรยากาศคึกคักและมีชีวิตชีวาที่โรงเรียนหน่อยจะดีกว่า
“เหมยเหมยทำไมถึงได้ไม่สบายอีกแล้วล่ะ? เฮ้อ…ทำไมล้มจนหน้ากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว?” เจียงซินเหมยเห็นรอยแผลนับไม่ถ้วนบนใบหน้าของเธอก็พลันตกอกตกใจ
“ไม่ทันระวังเลยกลิ้งลงมาตามทางลาดชัน อีกเดี๋ยวขอยืมสมุดโน้ตของพวกเธอมาให้ฉันลอกหน่อยนะ ฉันขาดเรียนไปตั้งหลายวัน กลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว!” เหมยเหมยปวดหัวแทบจะระเบิด
“ไม่เป็นไร ฉันและอู่เชาจดไว้แล้ว เธอเอาไปลอกที่บ้านนะ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพวกฉันสองคนได้” เจียงซินเหมยพูดยิ้ม ๆ
อู่เชากลับรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เมื่อวานเขาอยู่กับอู่เจิ้งเต้า อู่เจิ้งซือเองก็มาดื่มเหล้ากับอู่เจิ้งเต้า ทั้งสองดื่มจนเมาแอ๋ ทำให้เขาต้องทำความสะอาดตลอดทั้งคืน
แต่ว่าเขาก็ได้ยินอู่เจิ้งซือพูดเหมือนกันว่าอู่เยวี่ยตายแล้ว เหอปี้อวิ๋นก็ตายแล้ว ตอนนั้นเขาก็นึกถึงเหมยเหมย
เหมยเหมยไม่ได้มาเรียนหลายวัน แล้วเวลานั้นแม่ลูกอู่เยวี่ยก็ตาย?
มันจะบังเอิญมากเกินไปแล้ว!
…………………………………………..