ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1346 รายงานตัวมหาวิทยาลัย + ตอนที่ 1347 นางฟ้าตัวน้อย
ตอนที่ 1346 รายงานตัวมหาวิทยาลัย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็ผ่านไปสองปีแล้ว ผ่านเดือนมิถุนายนที่มืดมนมา เหมยเหมยก็ต้อนรับเดือนกันยายนอันรุ่งโรจน์ เธอกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
เดิมทีเธออยากสอบเข้าวิทยาลัยศิลปะท้องถิ่นในเมืองจิน แต่แผนที่วางไว้กลับมลายสิ้น เพราะเวลาสั้น ๆเพียงสองปี จ้าวอิงหัวก็ได้เลื่อนตำแหน่งอีกครั้ง และยังถูกย้ายไปเป็นลูกน้องของผู้นำในเมืองหลวง กลายเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในเมืองหลวงแล้ว
แน่นอนว่าจ้าวอิงหัวไม่สามารถตัดใจทิ้งลูกสาวสุดที่รักเล็ดลอดสายตาไปได้ เขาพูดหว่านล้อมเกลี้ยกล่อมจนสุดท้ายก็ทำให้เหมยเหมยตกลงมาเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองหลวงจนได้
ดังนั้นจึงความมุ่งมั่นของเหมยเหมยก็เปลี่ยนไปเป็นที่เมืองหลวง แต่เพราะว่าปีนั้นหลังจากที่เธอตัดขาดจากตระกูลจ้าว จ้าวอิงหัวก็ย้ายทะเบียนบ้านของเธอกลับไปที่เมืองจินอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเดิมทีเธอจึงมีทะเบียนบ้านอยู่ในเมืองหลวง แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเมืองจินเสียแล้ว
เนื่องจากว่าเธอไม่ได้มีทะเบียนเป็นคนในพื้นที่ ดังนั้นเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยในท้องถิ่นก็ถือว่าเปลืองแรงอยู่บ้าง ไม่สามารถสอบเข้าวิทยาลัยศิลปะที่ดีที่สุดของเมืองหลวงได้ แต่ไปที่คณะศิลปกรรมศาสต์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแทน
แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเช่นกัน คณะศิลปกรรมศาสต์ก็ไม่แย่ ไม่เลวร้ายไปกว่าวิทยาลัยศิลปะของเมืองจินเท่าไร เพียงแต่ไม่ได้มุ่งเน้นด้านเดียวอย่างวิทยาลัยศิลปะของเมืองหลวงก็เท่านั้นเอง
จ้าวอิงหัวกลัวว่าลูกสาวจะเสียใจเลยถามว่าจะลองใช้เส้นสายดูไหม แต่ก็โดนเหมยเหมยตอบปฏิเสธไป
มหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว ขนาดชาติที่แล้วเธอจะคิดยังไม่กล้าเลย รู้สึกพอใจในสิ่งที่มีอยู่แล้ว เธอไม่อยากให้พ่อทำผิด อีกอย่างถ้าหากเธอได้ไปวิทยาลัยศิลปะเมืองหลวงก็ต้องมีนักศึกษาอีกคนโดนปัดตกไป
เธอไปเรียนที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอาชีพในอนาคตของเธอสักนิด สำหรับเธอแล้ว การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเพียงการชดเชยความเสียใจในชีวิตชาติที่แล้ว
ไม่เหมือนนักศึกษาคนอื่น ๆ มหาวิทยาลัยเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับพวกเขา นอกจากนี้ยังเป็นหลักประกันที่สำคัญสำหรับชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนจากครอบครัวธรรมดา
มหาวิทยาลัยเป็นโอกาสเดียวที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของพวกเขาได้!
ดังนั้นเธอจึงไม่อยากไปเปลี่ยนชะตาของนักเรียนผู้บริสุทธิ์หรอก!
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเธอจะไปเรียนที่ไหน โชคชะตาของเธอก็จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ สำหรับเธอแล้ววุฒิปริญญาก็เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยเสริมให้ดูดีขึ้นเท่านั้นเอง
หนังสือ “การตอบโต้ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์” ของเธอจบลงแล้วแต่ตอนนี้ยังขายดีมาก แม้กระทั่งบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หลายแห่งแห่ทักติดต่อเธอมาบอกว่าอยากจะดัดแปลงการ์ตูนของเธอถ่ายออกมาเป็นละครทีวี แต่เธอไม่ได้ตอบรับไป
การ์ตูนเล่มนี้เป็นผลงานชิ้นแรกของเธอ และเป็นผลงานที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณเติบโตมาพร้อมกับเธอ สำหรับเธอแล้ว มันไม่ใช่แค่หนังสือหนึ่งเล่มแต่มันเป็นลูกของเธอ
เธอต้องรับมืออย่างรอบคอบ ไม่สามารถทำให้เด็กคนนี้ต้องเสียใจเอาได้!
อีกอย่างเรื่องใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าคือเรื่องการเปิดเรียน รอหลังจากเปิดเรียนและทุกอย่างลงตัวแล้ว เธอค่อยคิดถึงเรื่องการดัดแปลงเป็นละครทีวี
“เหมยเหมย ไม่ต้องให้พวกพ่อไปส่งลูกที่โรงเรียนแน่นะ?” จ้าวอิงหัวถามรอบที่ร้อย เหยียนซินหย่าที่อยู่ด้านข้างก็มองเธอตาปริบ ๆ
ถึงแม้ว่าหนังสือการโยกย้ายตำแหน่งของจ้าวอิงหัวจะมาแล้ว แต่เขายังต้องอยู่ที่เมืองจินเพื่อส่งมอบให้กับหัวหน้าคนใหม่ที่มารับช่วงต่อ ประมาณเดือนตุลาคมถึงจะไปเมืองหลวงได้
เหมยเหมยคลึงหัวคิ้วเบา ๆ แล้วตบบ่าพ่อตัวเอง “ไม่ต้องหรอกค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนูไปเมืองหลวงเสียหน่อย มีอะไรต้องให้ไปส่งกัน พ่ออยู่เป็นแม่ที่บ้านให้สบายใจใช้เวลาโรแมนติกด้วยกันเถอะ!”
เหยียนซินหย่ากรอกตามองบนใส่ หากให้อยู่บ้านกับผู้ชายล่ะก็ เธออยากไปโรงเรียนเป็นเพื่อนลูกสาวมากกว่า
หรือว่าคืนหนังสือรับตำแหน่งให้วิทยาลัยศิลปะเมืองจินไป แล้วไปเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงแทนดี?
เหยียนซินหย่ายิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ตัดสินใจว่าอีกครู่จะโทรหาอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยศิลปะเมืองจิน พูดเรื่องนี้ให้มันชัดเจน ไม่มีเรื่องไหนสำคัญไปกว่าการได้อยู่กับลูกสาวแล้ว!
เหมยเหมยไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางไปเยอะ เหยียนหมิงซุ่นซื้อบ้านให้เธอในเมืองหลวงแต่เนิ่น ๆแล้ว ของทุกสิ่งทุกอย่างมีครบครัน เธอหิ้วกระเป๋าเข้าไปก็อยู่ได้แล้ว เอาของติดตัวไปด้วยก็แค่แกล้งทำก็เท่านั้นเอง
เหยียนหมิงซุ่นปฏิบัติภารกิจอยู่ข้างนอก ไม่อย่างนั้นเขาต้องส่งเหมยเหมยด้วยตัวเองอยู่แล้ว อันที่จริงเหมยเหมยไม่อยากให้ใครไปส่งเลย เธอแค่อยากจะสัมผัสความรู้สึกการไปรายงานตัวเข้ามหาวิทยาลัยเพียงลำพัง แม้แต่อู่เชาและเจียงซินเหมยต่างก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน
สองคนนี้ก็สอบไปเมืองหลวงเช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้เรียนที่เดียวกัน เหมยเหมยให้พวกเขาไปด้วยกัน ส่วนตัวเธอไปรายงานตัวเพียงคนเดียว
ตอนบ่าย เธอหยิบกระเป๋าเดินทางสีแดงอ่อนลงจากรถแท็กซี่ ยืนอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอันโด่งดัง ทันใดนั้นก็มีนักศึกษารุ่นพี่กระตือรือร้นมามุงล้อมต้อนรับเธอ!
…………………………………………..
ตอนที่ 1347 นางฟ้าตัวน้อย
นักเรียนที่ห้อมล้อมเหมยเหมยล้วนเป็นพวกผู้ชาย พวกเขาได้เห็นภาพเหมือนที่สวยงามของเหมยเหมยนานแล้ว ถึงแม้ว่าจะใส่แค่กางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ตสีขาวและใส่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบเรียบง่าย แต่พอมาอยู่บนตัวของเหมยเหมย เสื้อผ้าที่เรียบง่ายก็เพิ่มสีสันให้ดูดีได้ไม่น้อย
มองหาเธอจากฝูงชนนับพันนับร้อย แต่ตัวคนดันอยู่บนรถแท็กซี่ !
นี่คือความรู้สึกที่อยู่ในใจของผู้ชายทุกคน !
เพิ่งจะได้เห็นขาอันเรียวยาวของเหมยเหมยก้าวลงจากรถ ในใจของพวกผู้ชายก็เหมือนโดนไฟช็อต พลันต่างพากันหยุดหายใจกันชั่วขณะแล้วก็ไม่รู้ว่าใครที่วิ่งพุ่งนำไปก่อน จากนั้นหนุ่มคนอื่น ๆก็ฮึกเหิมไล่ตามกันไปและไม่สนใจพวกเด็กใหม่อีกเลย
แม่เจ้า มีคู่เรียวขาที่งดงามเช่นนี้ หน้ารูปไข่ที่ตั้งอยู่บนคอก็คงไม่ขี้เหร่หรอก!
ไม่ว่าอย่างไร พุ่งขึ้นไปแย่งเนื้อก่อนค่อยว่ากัน !
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะอาสามาทำงานต้อนรับนักศึกษาใหม่ให้ลำบากลำบนทำไมเล่า?
ก็เพื่อที่จะสามารถช่วงชิงอันดุเดือดนี้ได้ทันเวลา คว้านักเรียนใหม่สาวสวยมาไว้ในกำมือ!
หลังจากที่รอเธอลงมาจากรถ ยืนริมถนนแหงนหน้ามองใบหน้าที่แท้จริงของหญิงสาว เดิมทีอยากจะหยั่งเชิงรอดูนักศึกษาชายคนอื่นก่อน แต่นัยน์ตากลับผุดแสงสีเขียวขึ้นมาจึงกรีดร้องและวิ่งพุ่งตรงขึ้นไป
พระเจ้า นับว่าท่านทรงเมตตานักที่ได้โปรดส่งนางฟ้าที่สวยและอ่อนโยนมาช่วยชีวิตคนโสดอย่างพวกเขาสินะ?
ยิ้มแรกของคนงามล่มเมือง ยิ้มครั้งที่สองคงล่มทั้งประเทศ……
แต่นักศึกษาคนงามตรงหน้านี้ ต่อให้ไม่ยิ้มก็ดึงเอาจิตวิญญาณของพวกเขาไปหมดแล้ว โอ้ว…พระเจ้า…รีบดูซิว่าหัวใจของพวกเขายังอยู่ดีหรือเปล่า?
ตกกระเด็นหล่นมาที่พื้นบ้างไหม ?
เหมยเหมยยังไม่ทันได้มองประตูโรงเรียนให้ชัด ๆก็ถูกพวกผู้ชายที่กระตือรือร้นพวกนี้ห้อมล้อมไว้แล้ว ทำเอาเธอสะดุ้งตกอกตกใจ ชาติที่แล้วตอนที่เธอไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยไม่ได้ต้อนรับนักศึกษาใหม่อย่างอบอุ่นขนาดนี้ หรือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง คุณสมบัติก็ค่อนข้างสูงตามไปด้วยนะ!
“เธอ เธอเรียนคณะภาษาจีนใช่ไหม? “
“เธอ เธอเรียนคณะสาขาต่างประเทศเลย ตามผมมาได้เลยไม่ผิดแน่นอน!”
“เธอ อย่าฟังพวกเขาพูดไร้สาระ เธอต้องเรียนคณะปรัชญาของพวกเราแน่นอน……”
พวกผู้ชายพากันส่งเสียงแย่งกันพูดคณะของตนเองอย่างไม่มีใครยอมใคร มองเหมยเหมยตาปริบ ๆหวังว่าปากของเธอจะพูดคำตอบที่พวกเขาอยากได้ยิน
เหมยเหมยฉีกยิ้มเล็กน้อย รีบส่ายหัวให้พวกเขาแล้วพูด “ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละคะ ฉันเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ มีรุ่นพี่คณะศิลปกรรมศาสตร์ ไหมคะ?”
พวกผู้ชายได้ยินเสียงที่อ่อนหวานของเหมยเหมยก็สูดลมหายใจอย่างเคลิ้บเคลิ้ม นางฟ้าตัวน้อยไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาสวย เสียงก็เพราะมากเหมือนกัน!
น่าเสียดาย สวรรค์ไม่เห็นใจเรา นางฟ้าตัวน้อยไม่ใช่น้องในคณะของพวกเขา!
“มี…ต้องมีอยู่แล้วสิ…”
มีเสียงเรียบตะโกนดังขึ้นมา มีนักเรียนชายคนหนึ่งที่หน้าตาซื่อๆรูปร่างสูงใหญ่เบียดตัวเข้ามา น่าจะสูงเกินร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร สูงกว่าเหยียนหมิงซุ่นหน่อย สะบัดนักเรียนชายที่ห้อมล้อมตัวเหมยเหมยไปอีกด้านอย่างสบาย ๆราวกับสะบัดลูกไก่ก็ไม่ปาน
“เธอเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ เหรอ? ฉันชื่อฉางชิงซงเป็นรุ่นพี่ศิลปกรรมศาสตร์ปีสอง ฉันจะพาเธอไปรายงานตัวเอง!” สำเนียงของชิงซงเหมือนสำเนียงของคนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดูเป็นสุภาพบุรุษและกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ และปฏิบัติต่อคนอื่นแบบนี้จริง ๆ ทันทีที่เขาขึ้นมาก็หิ้วกระเป๋าเดินทางของเหมยเหมยเดินไปเลย
กระเป๋าเดินทางของเหมยเหมยไม่ได้ใส่ของอะไรมาก มีแค่เสื้อผ้าเอาไว้ใช้เปลี่ยนเพียงเล็กน้อย และอุปกรณ์อาบน้ำบางส่วน เธอใส่ทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่เก็บของของฉิวฉิวแล้ว และเวลานี้ฉิวฉิวก็นอนหลับสบายอยู่ในกระเป๋าเป้ของเธอ!
ฉางชิงซงหิ้วขึ้นมาดูก็รู้ว่าไม่ใช่กระเป๋าเดินทางราคาถูก แล้วก็หันไปมองเหมยเหมย ถึงแม้ว่าจะเป็นเสื้อธรรมดา แต่เขามีดวงตาที่ร้ายกาจ แค่แวบเดียวก็รู้เลยว่าเสื้อผ้ากางเกงยีนส์ทั้งหมดเป็นของแบรนด์ทั้งนั้น ชุดหนึ่งราคารวม ๆก็หลายร้อยหยวนแล้ว
ไหนจะหยกสีชา(ฉาฉา) ตรงข้อมือของหญิงสาวที่โผล่ให้เห็นหลังพับแขนเสื้อขึ้นและข้อมืออีกข้างใส่นาฬิกาลองจิ้น ทุกส่วนแสดงให้เห็นถึงความหรูหราดูดีมีระดับของนักศึกษาสาวมาใหม่คนนี้
ต้องไม่ใช่ครอบครัวคนมีเงินธรรมดาแน่นอน !
…………………………………………..