ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1364 ให้แจ้งชื่อของฉัน + ตอนที่ 1365 เลือกคณะกรรมการนักศึกษา
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1364 ให้แจ้งชื่อของฉัน + ตอนที่ 1365 เลือกคณะกรรมการนักศึกษา
ตอนที่ 1364 ให้แจ้งชื่อของฉัน
เหมยเหมยเข้าใจความหมายของฉีฉีเก๋อ ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่บอกเหตุผลหากเธอรู้เข้าคงไม่คบเพื่อนคนนี้แล้วแน่นอน แต่ในเมื่อฉีฉีเก๋อพูดออกมาเธอก็ยังเต็มใจที่จะช่วย
“เอาอย่างนี้นะ เธอบอกว่าลูกม้าจะเกิดในฤดูหนาวไม่ใช่หรือ? รอหลังคลอดฉันจะหาเวลาไปเยี่ยมเจ้าม้าตัวน้อยนั่นแล้วกัน หากมีวาสนาต่อกันถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน ส่วนคนพวกนั้นหากมาถามหาลูกม้าอีก เธอก็แค่ให้พ่อบอกว่ามอบให้ฉันแล้ว บอกชื่อของฉันไปก็พอ”
ชื่อของเธอแน่นอนว่าไม่มีประโยชน์อะไร แต่ใครใช้ให้ผู้ชายของเธอมีฝีมือกันล่ะ!
คุณชายพวกนั้นไม่กล้ามีเรื่องกับเหยียนหมิงซุ่น!
สำหรับลูกม้าของฉีฉีเก๋อเธอไม่คิดอยากได้ ม้าควรอยู่ในทุ่งหญ้าเช่นเดียวกับที่ปลาขาดน้ำไม่ได้ ม้าที่ออกจากทุ่งหญ้า ยังจะวิ่งได้อยู่อีกไหม?
ดังนั้นเจ้าของที่เหมาะสมกับลูกม้าน้อยที่สุดก็คือพ่อของฉีฉีเก๋อ
ฉีฉีเก๋อกระพริบตาปริบ ๆถามอย่างสงสัยว่า “เหมยเหมย ครอบครัวของเธอสุดยอดมากเลยใช่หรือไม่?”
ไม่สุดยอดจริงจะกล้ามั่นใจขนาดนี้ได้อย่างไร?
พวกคุณชายพวกนั้นวางอำนาจบาตรใหญ่จะตายไป ไม่มีเหตุผลเลยแม้แต่นิดเดียว!
เหมยเหมยยิ้มบางพลางขยิบตาทำหน้าทะเล้นแต่ไม่ตอบอะไร น้าฟางหัวเราะร่า “เด็กบื้อ เธอสามารถอ้างชื่อคุณหนูของฉันได้อย่างสบายใจเลย รับรองว่าไม่มีใครกล้ามาฉกลูกม้าน้อยของเธอแน่”
ฉีฉีเก๋อไหนเลยจะไม่เข้าใจ รู้สึกทั้งแปลกใจทั้งดีใจ คาดไม่ถึงว่าเพื่อนที่เธอบังเอิญคบหาจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้!
มิน่าล่ะพ่อเธอถึงพูดอยู่บ่อย ๆว่าเธอเป็นคนโง่ที่มีโชค!
ไม่ใช่หรือไง!
“ขอบคุณมากนะเหมยเหมย เดี๋ยวกลับไปฉันจะเขียนจดหมายหาพ่อของฉันนะ” ฉีฉีเก๋อพูดอย่างเบิกบากใจ ตอนนี้พ่อของเธอก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
เหมยเหมยก็ฉีกยิ้ม เห็นฉีฉีเก๋อชอบขนมที่เธอเอาออกมาจึงให้น้าฟางเอาถุงใหญ่ ๆมาใส่ของยัดให้เธอจนแน่นถุง
“เธอเอากลับไปที่หอพัก ค่อย ๆกิน ฉันกินน้อย ถ้ายังไม่จัดการให้หมดจะหมดอายุแล้ว”
ฉีฉีเก๋อกระพริบตาปริบ ๆพลันซาบซึ้งใจมาก เพื่อนใหม่ช่างดีจริง ๆมีน้ำใจเหมือนคนมองโกเลียในอย่างพวกเขาเลย สิ่งที่พ่อพูดก็อาจจะไม่ถูกทั้งหมด ในหมู่ชาวฮั่นนั้นก็มีคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจและมีน้ำใจเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะน่าอึดอัดเหมือนถังม่านลี่และสีอันน่า
“เหมยเหมย วันหลังฉันจะให้แม่ของฉันทำเนื้ออบแห้งรสชาติต้นตำรับ ถึงตอนนั้นฉันจะเอามาให้เธอกินนะ มันอร่อยมาก” ฉีฉีเก๋อตัดสินใจหาของมาให้เป็นการตอบแทน
“ได้สิ ฉันจะรอนะ” เหมยเหมยตอบรับด้วยความยินดี
นอนงีบตอนเที่ยงอยู่ครู่หนึ่งเหมยเหมยและฉีฉีเก๋อก็ไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน เธอไม่ให้คุณอาเหลาขับรถไปส่งแต่ขี่จักรยานมาแทน เดิมทีคิดจะให้ฉีฉีเก๋อขี่ไปด้วย แต่คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ขี่ม้าคล่องกลับขี่จักรยานไม่เป็นจึงให้เธอซ้อนเหมยเหมยมาอย่างจนปัญญา
“วันหลังเธอต้องหัดขี่จักรยานให้เป็น เมืองหลวงไม่ใช่ทุ่งหญ้านะที่จะมีม้าให้เธอขี่?” เหมยเหมยออกแรงปั่น ร่างสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรทำเอาเธอเกือบจะอ้วกแตกอยู่แล้ว
ฉีฉีเก๋อที่นั่งอยู่ก็เหนื่อย มีอยู่หลายครั้งที่ทนไม่ไหวอยากจะกระโดดลงมา ให้สาวน้อยน่ารักที่ร่างเล็กบอบบางอย่างเหมยเหมยออกแรงขนาดนี้ จะถูกฟ้าผ่าเอาได้!
จนสุดท้ายเหมยเหมยจูงจักรยาน ทั้งสองคนเดินมาถึงมหาวิทยาลัย โชคดีที่ไม่ไกล
พวกเจิ้งเสวี่ยซาล่วงหน้าไปห้องเรียนก่อนแล้ว นึกศึกษาหญิงขาดแค่เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อเท่านั้น สีอันน่าไม่ได้อยู่สาขาเดียวกับพวกเขาแต่อยู่สาขาการออกแบบโฆษณา เนื่องจากห้องพักนักศึกษาหญิงของสาขาเธอเต็มจึงจัดมาลงห้องพักสาขาวาดรูปของเหมยเหมย
ทั้งสาขาวาดภาพมียี่สิบแปดคน เป็นนักศึกษาหญิงหกคนส่วนที่เหลือเป็นนักศึกษาชายทั้งหมด เพราะเหตุนี้นักศึกษาชายทั้งยี่สิบสองคนต่างกำลังชะเง้อยืดคอเหมือนห่าน เพียงแค่อยากเห็นว่าเพื่อนนักศึกษาหญิงที่เหลืออีกสองคนหน้าตาเป็นอย่างไร
……………………………………………
ตอนที่ 1365 เลือกคณะกรรมการนักศึกษา
พวกเขาเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว ดาวมหาวิทยาลัยของเมืองหลวงในปีนี้จะตกเป็นของสาขาวาดภาพจีน ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นสวีจื่อเซวียน แต่ตอนที่ได้เห็นเหมยเหมย พวกเขาถึงเพิ่งจะเข้าใจ ——
“คิ้วเหมือนขนนก ผิวเนียนเหมือนหิมะสีขาว เอวบางเหมือนมัดผ้าไหม ฟันขาวราวเปลือกหอย รอยยิ้มที่งดงามราวดั่งต้องมนต์สะกด สวยจนน่าหลงไหล…
มีนักศึกษาชายคนหนึ่งพึมพำกับตัวเอง คนอื่น ๆต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
สวีจื่อเซวียนก็ถือว่าสวยแต่เมื่อเทียบกับจ้าวเหมยแล้วก็โดนเปรียบเป็นดั่งสาวรับใช้
ต่างกันราวฟ้ากับดิน!
แววตาของพวกนักศึกษาชายทุกคนกลอกไปมาตามท่วงท่าเหมยเหมย ตั้งแต่ระเบียงทางเดินยันห้องเรียนจ้องอย่างไม่ละสายตา ถังม่านลี่รู้สึกโกรธอยู่ในใจ ก่อนหน้าจ้าวเหมยยังไม่มายังมีเพื่อนนักศึกษาชายหลายคนมาเอาอกเอาใจเธอต่อหน้า แต่พอจ้าวเหมยมาคนพวกนั้นก็วิ่งหายไปหมด เธอโมโหจะตายอยู่แล้ว
อาจารย์ประจำชั้นเป็นผู้ชายวัยสี่สิบเศษ ๆที่ดูภูมิฐาน ร่างกายแผ่กลิ่นอายของคนมีความรู้ออกมาทำให้รู้สึกสบายตัวแม้แต่เขายังตกตะลึงในความงามของเหมยเหมย แต่แค่ครู่เดียวก็ดึงสายตากลับมาเป็นเหมือนเดิม ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอาจารย์ประจำชั้น ไม่สามารถปล่อยไก่ให้ตัวเองขายขี้หน้าต่อหน้าพวกนักศึกษาได้
“ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่สาขาศิลปะจีน ฉันชื่อเจียงจื้อหรู่เป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเธอ หากเป็นไปตามคาด ฉันคงติดตามช่วงเวลาสำคัญทั้งสี่ปีนี้ของเธอ หากวันหน้าพวกเธอมีปัญหาเรื่องการเรียนหรือปัญหาการใช้ชีวิตอะไรก็มาหาฉันได้ นี่คือหมายเลขเพจเจอร์ของฉัน และยังมีที่ห้องทำงานและโทรศัพท์บ้านของฉันด้วย”
น้ำเสียงของเจียงจื้อหรู่เป็นน้ำเสียงวัยกลางคนที่แสนน่าฟัง ช้า ๆเนิบ ๆออกเสียงดังฟังชัด มีสำเนียงของคนเมืองหลวง น่าจะเป็นคนในพื้นที่ มองกำไลหยกบนมือของเขารวมถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่สวมใส่ เห็นได้ว่าอาจารย์ประจำชั้นคนนี้มีภูมิหลังครอบครัวที่ดี ไม่ขัดสนเรื่องเงิน
จากนั้นก็มีธรรมเนียมต้อนรับนักศึกษาใหม่โดยให้ออกมาแนะนำตนเอง เหมยเหมยพูดแค่เพียงชื่อและบ้านเกิดของเธอธรรมดา ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้
นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมเลือกคณะกรรมการนักศึกษา เหมยเหมยไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลยสักนิดแต่เจียงจื้อหรู่กลับสนใจเธอมาก ข้อมูลเอกสารรับสมัครของนักศึกษาใหม่แต่ละคนเขาได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว คนที่ทำให้เขาสนใจมากที่สุดคือจ้าวเหมยคนนี้ แหละ
ฐานะทางสังคมสูงมาก มีชื่อเสียงตั้งแต่เด็ก ทั้งยังมีหน้าตาสะสวย และยังเป็นคู่หมั้นของคุณชายหมิงผู้ลึกลับอีกด้วย ไม่ว่าจะมองจุดไหนก็อยากจะพิจารณาผู้หญิงคนนี้
แน่นอนว่าเขาไม่กล้ายุ่งกับเธอหรอก แม้ว่าในเมืองหลวงตระกูลเจียงจะไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ แต่ก็แค่เหนือกว่าคนทั่วไปหน่อย ไหนเลยจะกล้าไปยุแหย่แก้วตาดวงใจของคุณชายหมิงได้ เกรงว่าวันหน้าต้องดูแลมากกว่านี้อีก!
ช่วงเวลานี้การคัดเลือกคณะกรรมการนักศึกษายังไม่มีสิทธิ์ออกสิทธิ์ออกเสียง ซึ่งต้องได้รับการแต่งตั้งจากอาจารย์เท่านั้น เจียงจื้อหรู่ชี้ไปที่เจิ้งเสวี่ยซานให้เป็นหัวหน้าห้อง เพราะว่าเธอเคยเป็นหัวหน้าห้องทั้งตอนมัธยมต้นและมัธยมปลาย จัดการสิ่งต่าง ๆได้อย่างเหมาะสม มีประสบการณ์มาก
ส่วนที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่ของนักศึกษาชายรับผิดชอบไป คณะกรรมการศิลปะวรรณกรรมเจียงจื้อหรู่อยากให้เหมยเหมยมารับหน้าที่ แต่ดูท่าทางของจ้าวเหมยแล้วเธอไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เท่าไรจึงชี้ไปที่สวีจื่อเซวียน ผู้หญิงคนนี้ก็ถือว่าไม่เลว
เพียงแต่ผลงานโดดเด่นของเหมยเหมยมีมากมาย จุดนี้ทำให้เธอยังมีไม่มากพอ!
วันที่สามของการเข้าเรียนก็ฝึกรด.(นักศึกษาวิชาทหาร)เป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นจะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับ ทุกสาขาต้องมีการแสดง ยังมีตัวแทนนักศึกษาใหม่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์และอีกหลายเรื่อง!
“ฉันได้ยินมาว่าตัวแทนนักศึกษาใหม่มีแค่คนเดียวในมหาวิทยาลัย ไม่รู้จะเป็นของสาขาเรารึเปล่า!” ถังม่านลี่อยากรู้เหลือเกิน จุดนี้เธอรู้ตัวเองดีว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองหลวงได้ก็นับเป็นโชคดีของเธอมากแล้ว ผลเกือบหลุดไปจากท้าย
นักศึกษาใหม่ที่เป็นตัวแทนที่สูงส่งแบบนี้ ไม่มีทางเป็นเธอได้แน่นอน
สวีจื่อเซวียนดวงตาเป็นประกาย อดถามไม่ได้ว่า “เงื่อนไขของตัวแทนนักศึกษาใหม่มีอะไรบ้าง?”
…………………………………………..