ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1386 รถยนต์สุดหรู + ตอนที่ 1387 จูบ
ตอนที่ 1386 รถยนต์สุดหรู + ตอนที่ 1387 จูบ
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1386 รถยนต์สุดหรู
ไม่ว่าจะเหยียนหมิงซุ่นหรือจ้าวเสวียเอ๋อร์หรือจ้าวอิงหัว ทุกครั้งที่พวกเขากลับจากการออกดูงานต่างที่มักซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับรวมถึงรองเท้ากระเป๋าให้เธออยู่เรื่อย ภูเขาที่กองอยู่เต็มบ้านล้วนเป็นฝีมือของคนกลุ่มนี้ทั้งนั้น
“มีเยอะก็ให้คนอื่นไป ใส่ตัวใหม่ แค่นี้แหละ เดี๋ยวไปถึงแล้วฉันจะส่งข้อความไปหา ทำไมเธอไม่ซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่มาสักเครื่อง ติดต่อสะดวกจะตายไป…” จ้าวเสวียเอ๋อร์บ่นอุบ
“ไม่เอา โทรศัพท์น่าเกลียดขนาดนั้นฉันไม่ใช้หรอก!”
เหมยเหมยปฏิเสธคำขาด ต่อให้ไม่สะดวกไม่สบายก็ไม่ยอมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หน้าตาคล้ายก้อนอิฐนั่นเด็ดขาด เธอจำได้ว่าอีกไม่กี่ปีก็จะมีโทรศัพท์ขนาดเล็กยี่ห้อโมโตโรลาวางตลาดแล้ว แม้สู้สมาร์ทโฟนไม่ได้แต่ก็ดูดีกว่าก้อนอิฐมากโข
จ้าวเสวียเอ๋อร์กลอกตาทีหนึ่ง ผู้หญิงเรื่องมากแบบนี้แหละ โทรศัพท์แค่โทรได้ก็พอจะไปสนใจหน้าตามันทำไม?
ไม่ได้เลือกสามีสักหน่อย!
เขาวางสายไปแล้วจัดผมเผ้าตรงหน้ากระจกดูท่วงท่าอันสง่าผ่าเผยของตัวเองอีกแวบหนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มพอใจ ขับรถมุ่งไปยังมหาวิทยาลัยของเมืองหลวง ที่นั่นเป็นถึงมหาวิทยาลัยเก่าของเขาเชียว กลับไปเยี่ยมเยียนถิ่นที่เคยอยู่อีกครั้ง!
เหมยเหมยกลับหอพักก่อนแล้วอดลูบท้องไม่ได้เพราะรู้สึกหิวขึ้นมา ตอนนี้ใกล้ถึงเวลามื้อเย็นรอมร่อเดี๋ยวให้พี่สามพาไปเลี้ยงมื้อใหญ่ดีกว่า
“เหมยเหมยเธอไม่กินข้าวเหรอ?” ฉีฉีเก๋อถือชามข้าวถาม
“ยังไม่ไปกินเลยเดี๋ยวพี่ชายฉันจะมา ฉันต้องอยู่รอเขา เธอไปกินก่อนเลย!” เหมยเหมยลูบหน้าท้องปอย ๆอีกครั้ง แต่เพราะหิวมากจริง ๆจึงเอาขนมแครกเกอร์มาทานรองท้องไปก่อน
“จ้าวเหมยพี่ชายของเธอก็อยู่เมืองหลวงเหรอ? เรียนหนังสืออยู่หรือทำงานแล้ว?” ถังม่านลี่เองก็กำลังถือชามข้าวจะไปทานข้าวได้ยินคำของเหมยเหมยก็เริ่มถามด้วยความอยากรู้ สีอันน่ากับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ขยับท่วงท่าให้ช้าลงทำหูตั้งคอยฟังอย่างจดจ่อ
มีเพียงเจิ้งเสวี่ยซานที่ไม่คิดจะสนใจสักนิด เธอรู้อยู่แล้วล่ะ
เพียงแต่เธอก็เลือกจะอยู่ต่อ เธอเองก็อยากรู้ว่าคนที่มาคือพี่ชายคนใดของจ้าวเหมย ไม่แน่อาจใช้เป็นประโยชน์ได้!
ขอเพียงเธอทำตัวดี ๆ ไม่แน่คุณปู่อาจจะให้ความสำคัญในการเลี้ยงดูเธอ!
ในเมื่อลูกหลานของลูกอีกสองคนไม่มีใครที่โดดเด่น ฟ้าช่างมีตาจริง ๆ!
“ลูกพี่ลูกน้องของฉัน ครอบครัวคุณปู่ฉันเป็นคนเมืองหลวง ฉันเป็นลูกครึ่งเมืองหลวง” เหมยเหมยตอบคลุมเครือเล็กน้อย ถังม่านลี่เป็นคนปากสว่างและจิตใจต่ำทราม คำพูดดี ๆหลังจากถูกเธอแพร่ออกไปไม่แน่อาจความหมายเปลี่ยนก็ได้
ถังม่านลี่นึกอิจฉาสุดฤทธิ์ “ที่แท้เธอก็คนเมืองหลวงเองเหรอ มิน่าบ้านเธอถึงรวยขนาดนี้”
ในความคิดของเธอนั้นทุกที่ในเมืองหลวงล้วนเต็มไปด้วยธนบัตร ขอแค่เป็นคนในเมืองหลวงก็ต้องเป็นคนมีเงินกันทั้งนั้น!
เหมยเหมยมุ่นคิ้วเล็กน้อยและไม่พอใจต่อน้ำเสียงถังม่านลี่อย่างมาก “พ่อแม่ฉันทำงาน ไม่นับว่าเป็นคนมีเงิน อีกอย่างคนในเมืองหลวงก็มีคนจน หมู่บ้านเจ่าของพวกเธอก็มีคนรวย เหมารวมไม่ได้นะ”
ถังม่านลี่ยังอยากพูดต่อแต่ฉีเก๋อเก๋อตะคอกใส่อย่างไม่สบอารมณ์ “เธอจะกินข้าวอยู่ไหม? เอาแต่ถามอยู่ได้ เธอก็รู้อยู่แล้วนี่!”
คนอื่น ๆเห็นว่าฉีเก๋อเก๋อที่ตัวสูงใหญ่กว่าเพื่อนโกรธเข้าแล้วจึงรีบหยิบชามข้าวกับตั๋วอาหารออกไปจากห้องนอน เหลือเพียงถังม่านลี่ที่ยืนต่อไปก็ไร้ความหมายเลยได้แต่เดินจากไปอย่างจนใน
เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เจอคนที่ชอบซักถามประวัติแบบนี้แถมยังเป็นคนปากสว่างอีก มันช่างน่าเบื่อจริงๆ!
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงจ้าวเสวียเอ๋อร์ก็มาถึงแล้วจอดรถอยู่ใต้ตึกหอพัก รถโตโยต้าคราวน์รุ่นใหม่ราคาสูงลิ่วดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่เดินเข้าเดินออกนับไม่ถ้วนจนหยุดมองเป็นพัก ๆ
เหมยเหมยเห็นรถคันนี้ก็ปวดศีรษะ โตโยต้าคราวน์ในสมัยนี้ไม่ใช่ของหายากหนำซ้ำยังราคาถูกไปกว่าครึ่ง แต่ในยุคนี้นับว่าเป็นรถหรูแล้วจริง ๆ
ตั้งหกแสนเลยนะ!
เงินเดือนของวัยทำงานในยุคนี้แค่สามสี่ร้อย ไหนจะหมั่นโถวที่ราคาแค่ลูกละห้าสตางค์ อยู่ในยุคสมัยที่เงินสิบสตางค์ก็กินจนอิ่มท้องได้ เงินหกแสนจึงเป็นเงินมหาศาลที่หลายคนไม่กล้าแม้แต่จะคิด
…………………………….
ตอนที่ 1387 จูบ
“พี่สามคราวหลังพี่มาหาฉันขับรถซีดานมาได้ไหม?” เหมยเหมยพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
จ้าวเสวียเอ๋อร์กลอกตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วลงรถเปิดกระโปรงท้ายรถขึ้นเผยให้เห็นถุงเล็กถุงใหญ่ ซึ่งไม่อยู่เหนือความคาดหมายของเหมยเหมยที่ล้วนมีแต่เสื้อผ้าเครื่องประดับแล้วก็กระเป๋านับสิบกว่าชิ้นได้
เหมยเหมยเอามือกุมหน้าผากอย่างอดไม่ได้ “พี่สาม พี่เอามาเยอะขนาดนี้หอพักฉันไม่มีที่วางหรอก พี่เอาไปส่งที่บ้านฉันแล้วกัน ป้าฟางต้องอยู่บ้านแน่นอน”
“เธอเลือกสักสองชุดไว้ใส่ก่อนแล้วเธอเอาของกินพวกนี้ไปกินด้วย ที่เหลือฉันเอาไปส่งให้ที่บ้านเธอ” จ้าวเสวียเอ๋อร์หยิบถุงที่ใส่ขนมขบเคี้ยวออกมาถุงใหญ่แต่ก็ถูกเหมยเหมยปฏิเสธไปเช่นกัน
“ฉันเก็บไว้ครึ่งเดียวพอพรุ่งนี้ต้องไปเข้าค่ายทหารแล้วครูไม่ให้พกขนมไป ที่เหลือพี่ก็เอาไปส่งให้ที่บ้านเถอะ”
เหมยเหมยเลือกเสื้อโค้ทยาวเลยเข่าสีเบจตัวหนึ่งแล้วก็รองเท้าสองคู่รวมถึงขนมขบเคี้ยวอีกครึ่งถุง ส่วนของที่เหลือกับเครื่องประดับเธอไม่แม้แต่จะปรายตามอง เครื่องประดับของเธอเยอะเกินไป ต่อให้เปลี่ยนวันละชิ้นก็ไม่ทันใส่
“เธอว่าทำไมเธอไม่ชอบแต่งตัวกันนะ เสียดายรูปลักษณ์ดี ๆ นี้จริง ๆ เลย”
จ้าวเสวียเอ๋อร์นึกโมโห ตัวเองเลือกกิ๊บติดผมคริสตัลแบรนด์ SWAROVSKI จากถุงชอปปิง เป็นกิ๊บติดผมที่ประณีตมากและจ้าวเสวียเอ๋อร์ถูกใจมันตั้งแต่แรกเห็นพาลรู้สึกว่าเหมาะกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอย่างมาก
“เธอยังวัยรุ่นแต่งตัวจืดชืดขนาดนี้ไปทำไม? ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินซื้อสักหน่อย ฉันติดกิ๊บให้เธอนะ รอเข้าค่ายกลับมาก็สลับใส่วันละตัว ชีวิตวัยรุ่นผ่านไปไว เธอต้องใช้ให้มันคุ้ม”
จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดยาวเหยียดและติดกิ๊บให้เหมยเหมยขณะที่เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจวูบหนึ่ง
รุ่นน้องที่เคยพูดประโยคนี้ไปตายอยู่ที่ไหนนะ?
บทจะไปก็ไปเสียอย่างนั้น ไร้ความปรานีมากจริงๆ!
เวลากลางคืน ณ ประเทศอังกฤษ
เซียวเซียงปั่นจักรยานอย่างสุดแรงเพราะเธอเพิ่งเลิกงานจากร้านอาหาร วันนี้ถ้วยชามค่อนข้างมากเลยกลับบ้านช้าไปสักหน่อย เธอต้องรีบปั่นจักรยานให้เร็วขึ้นเพราะไม่อย่างนั้นเจ้าของบ้านต้องปิดประตูแล้วแหง
“ฮัดชิ้ว!”
เซียวเซี่ยงจามเสียงดังทีหนึ่งแล้วแหงนมองท้องฟ้ากรุงลอนดอนที่นาน ๆ ทีฟ้าจะเปิดด้วยความสงสัย นี่ใครแอบด่าเธอลับหลังกันแน่?
พวกถังม่านลี่ห่อข้าวกลับมาทานที่ห้องพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมา ยซึ่งฉีฉีเก๋อนั้นได้ทานไปถ้วยหนึ่งแล้วแต่ก็ตักกลับมาเพิ่มอีกหนึ่งถ้วยเพราะเธอเป็นคนทานเยอะ ทุกครั้งจะเลือกตักสองรอบโดยทานส่วนแรกก่อนค่อยห่อกลับไปอีกหนึ่งส่วน แบบนี้จะได้ไม่เป็นที่เตะตาใคร
“ผู้ชายคนนั้นกำลังจูบจ้าวเหมยเหรอ? โตขนาดนี้แล้วยังจูบปากกันอีก?”
ถังม่านลี่พึมพำเสียงเบา พวกเธอมองไปยังทิศทางที่เพิ่งเดินผ่านมาเลยเห็นจ้าวเสวียเอ๋อร์ที่กำลังติดกิ๊บให้เหมยเหมย ดูผิวเผินก็เหมือนกำลังจูบกันอยู่นี่นา!
เจิ้งเสวี่ยซานตาเป็นประกายเลยจงใจพูดหยอกเย้า “คงไม่ใช่แฟนหรอกนะ? จ้าวเหมยอายไม่กล้าพูดตรง ๆเลยตั้งใจบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง”
ถังม่านลี่ทำหน้าตกใจเกินเหตุ “แหม คนเมืองกรุงใจกล้าจริง ๆ กลางวันแสก ๆก็จูบกันได้ ที่บ้านเราต่อให้เป็นสามีภรรยายังไม่กล้าทำแบบนี้เลย!”
ทั้งสองคนพูดกันคนละประโยคสองประโยคด้วยความมั่นใจถึงความสัมพันธ์ของจ้าวเสวียเอ๋อร์กับเหมยเหมย
ฉีฉีเก๋อได้ยินแล้วไม่สบายใจอย่างมากเลยตะคอกเสียงต่ำไปที “พวกเธอไม่รู้อะไรก็พูดจาไปเรื่อยเปื่อย ทั้งที่จ้าวเหมยบอกแล้วว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง จะเอาแฟนมาจากไหน?”
“ลูกพี่ลูกน้องของเธอจะจูบเธอต่อหน้าคนมากมายแบบนี้เหรอ?” ถังม่านลี่จงใจพูดหยอกเย้าทำเอาฉีฉีเก๋อหน้าแดงทันทีพลางถลึงตาดุดันใส่เธอแวบหนึ่งก่อนจะเดินนำไปข้างหน้า
ประเด็นคือหากมองไปจากมุมของฉีฉีเก๋อผู้ชายคนนั้นเหมือนกำลังจูบเหมยเหมยจริง ฉะนั้นเธอเลยต้องวิ่งไปพิสูจน์ความจริงก่อน บางทีอาจเป็นเพราะจ้าวเหมยลำบากใจที่จะพูดเลยบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องจริง ๆก็ได้
แต่ฉีฉีเก๋อกลับเห็นว่านี่ไม่มีอะไรต้องลำบากใจเลย ชอบก็ต้องกล้าบอกรักอย่างตรงไปตรงมาสิถึงถูก!
……………………….