ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1388 ยุยงปลุกปั่น + ตอนที่ 1389 ตกหลุมพราง
ตอนที่ 1388 ยุยงปลุกปั่น + ตอนที่ 1389 ตกหลุมพราง
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1388 ยุยงปลุกปั่น
เหมยเหมยส่องกระจกรถดูก็เห็นว่าสวยจริง ๆเลยพูดหยอก “พี่สามไม่เลวนี่ตาดีขึ้นมากเลยนะ พี่มีแฟนแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
โดนจ้าวเสวียเอ๋อร์กลอกตาใส่ทีหนึ่ง “พูดเหลวไหล พี่สามของเธอแค่เรื่องงานก็อยากมีสักสามหัวหกแขนแล้ว จะเอาเวลาว่างที่ไหนไปหาแฟน พอแล้วพอแล้ว เธอรีบเก็บของพวกนี้ไปไว้ในหอแล้วไปกินข้าวกัน ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ”
“อ่อ งั้นพี่สามรอฉันแป๊บหนึ่งนะ”
เหมยเหมยหิ้วถุงเดินกลับขึ้นไปชั้นบนและเห็นฉีฉีเก๋อพอดีเลยพูดอย่างมีความสุข “ฉีฉีเก๋อเธอช่วยฉันเอาของกลับไปที ฉันจะไปกินข้าวกับพี่สามของฉัน”
“ได้ เหมยเหมยกิ๊บติดผมที่พี่ชายเธอช่วยติดให้สวยจังเลย” ฉีฉีเก๋อรับถุงมาเลยตั้งใจชี้ไปที่กิ๊บติดผมแล้วกล่าว
เมื่อกี้เธอเดินเร็วเกินไปก็เห็นจ้าวเสวียเอ๋อร์ผละมือถอยห่างจากผมของเหมยเหมยพอดีเลยรู้ว่าเมื่อกี้เธอดูผิดไป คนเขาแค่ติดกิ๊บให้กันเฉย ๆ ไม่ได้จูบกันอย่างที่ถังม่านลี่บอกสักหน่อย
“สวยใช่ไหมล่ะ? นานทีพี่สามฉันจะซื้อของฝากกลับมาให้ ขอบคุณนะ เดี๋ยวฉันจะเอาของอร่อย ๆกลับมาให้เธอ” เหมยเหมยยิ้มคักคิกแล้วพยักหน้าให้พวกถังม่านลี่น้อย ๆก่อนจะกลับขึ้นรถไป
รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับสีอันน่ามองจนตาค้างเลยทีเดียว นี่มันรถโตโยต้าคราวน์รุ่นใหม่ล่าสุด รถคันนี้ราคาไม่เบาเลย แฟนของจ้าวเหมยทำงานอะไรเนี่ยทำไมถึงได้ป๋าขนาดนี้!
“พวกเธอดูผิดแล้ว เมื่อกี้ลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเหมยช่วยติดกิ๊บให้เธอ ไม่ได้จูบกันสักหน่อย” ฉีฉีเก๋อพูดแก้ข่าวอีกครั้ง เธอจะปล่อยให้คนอื่นมาเข้าใจเพื่อนของเธอผิดไม่ได้
ถังม่านลี่กลับไม่เชื่อ “ฉันเห็นเต็มตาว่าพวกเขาจูบกันอยู่ดี ฉันไม่ได้เห็นว่าช่วยติดกิ๊บหรอกนะ ฉีฉีเก๋อเธอก็อย่าช่วยแก้ตัวให้จ้าวเหมยไปหน่อยเลย แฟนก็แฟนสิ มีแฟนขับรถแบบนี้ไม่ได้ขายหน้าสักหน่อย”
ที่บ้านเกิดพวกเธอต่อให้เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆของอำเภอก็ขับเพียงรถคันเก่า ๆ!
แม้เธอจะไม่รู้เรื่องรถที่แฟนของจ้าวเหมยขับแต่เห็นได้ชัดว่ามีระดับกว่ามาก ต้องมีราคากว่ารถเศรษฐีอันดับต้น ๆ ที่บ้านเกิดเธอแน่นอน
“ทำไมเธอชอบพูดจาเหลวไหลอยู่เรื่อย ฉันว่าเธอคงไม่สบายใจถ้าไม่เห็นโลกนี้ปั่นป่วน วัน ๆทำตัวเหมือนไม้คนขี้[1] ไม่มีขี้ก็ถูกเธอปั่นจนกลายเป็นขี้ไปแล้ว!” ฉีฉีเก๋อพูดไม่เก่งเท่าถังม่านลี่เลยโมโหจนพูดไม่เลือกคำ
เจิ้งเสวี่ยซานกับสวีจื่อเซวียนเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่อดพลางก้มมองกับข้าวร้อน ๆไอลอยโขมงที่เพิ่งตักกลับมาเมื่อครู่
ขี้ขี้ขี้ จะให้พวกเธอกินลงได้อย่างไร!
ฉีฉีเก๋อพุ่งกลับเข้าห้องนอนไปด้วยความโมโหตัดสินใจว่ารอเหมยเหมยกลับมาจะบอกเรื่องนี้ให้เหมยเหมยรู้ แม้เธอไม่ฉลาดแต่กลับดูออกว่าคนในห้องแต่ละคนไม่มีใครหวังดีต่อเหมยเหมยเลย
ไม่ใช่คนดีกันสักคน!
ความจริงเจิ้งเสวี่ยซานกับสีอันน่าจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าฉีฉีเก๋อพูดความจริง จ้าวเหมยมาจากครอบครัวฐานะดีไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องพูดปดในเรื่องนี้ ฉะนั้นยุยงให้ถังม่านลี่เป็นคนออกหน้าเพราะอยากดูเรื่องสนุก ๆก็เท่านั้น
อย่างไรเสียพวกเธอไม่ได้พูดอะไร คนออกหน้ามีเพียงถังม่านลี่คนเดียวไม่เกี่ยวกับพวกเธอสักหน่อย
ฉีฉีเก๋อวางถุงไว้บนโต๊ะเหมยเหมยเพราะขนมเยอะเกินไปไม่พอใส่ในลิ้นชักจึงจำต้องวางไว้บนโต๊ะ สีอันน่าเหลือบมองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นแบรนด์จากฮ่องกง บริษัทพ่อของเธอมีลูกค้าชาวฮ่องกงหลายคนที่มักจะซื้อขนมพวกนี้มาฝาก
“กิ๊บติดผมที่จ้าวเหมยติดเมื่อกี้คือสินค้าตัวใหม่ของ SWAROVSKI ใช่ไหม? เหมือนว่าที่เมืองหลวงยังไม่มีตัวนี้นะ ฉันต้องโทรไปถามสักหน่อย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาไปมาแล้วพูดพึมพำ เริ่มอวดรวยอีกแล้ว
สีอันน่าโต้กลับอย่างไม่พอใจประโยคหนึ่ง “ถามไปก็เปล่าประโยชน์ อันนี้เพิ่งเปิดตัวที่ฮ่องกงปีนี้ ในประเทศเรายังไม่มีหรอก เธออยากได้คงต้องให้คนหิ้วจากฮ่องกงมาแต่นี่มีจำนวนจำกัด เธอจะซื้อได้ไหมคงพูดยาก”
พูดถึงตรงนี้สีอันน่าก็ได้ใจเล็กน้อย ในที่สุดก็เอาคืนยายอ้วนนี่ได้สักหนแล้ว
……………………………..
ตอนที่ 1389 ตกหลุมพราง
อย่างอื่นเธออาจไม่เชี่ยวชาญเท่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน แต่เครื่องประดับของ SWAROVSKI ไม่มีใครคุ้นเคยไปกว่าเธออีกแล้ว
เพราะปกติเธอซื้อยี่ห้อนี้มากที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องประดับยี่ห้ออื่น เครื่องประดับของ SWAROVSKI ราคาไม่แพงเกินเหตุแถมยังสวยงามประณีตใส่แล้วไม่ดูโหล
ฉะนั้นสีอันน่าเลยมีเครื่องประดับของ SWAROVSKI มากมายราวกับนักเก็บสะสมมืออาชีพที่พูดได้ไม่จบไม่สิ้น
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะทีอย่างไม่สบอารมณ์เพราะโดนสีอันน่าชิงตัดหน้าไปก่อน ทั้งที่เมื่อก่อนเธอต่างหากจะเป็นฝ่ายให้ความรู้เจ้าพวกคนเชยพวกนี้
“ฉันใส่ของ SWAROVSKI ไม่บ่อยนัก คริสตัลราคาตก คนที่ไม่มีเงินแต่อยากอวดรวยถึงซื้อแบรนด์นี้ ปกติฉันซื้อแต่แบรน์อย่างพวกคาเทียร์” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโพล่งออกมาก่อนจะถอนหายใจทีหนึ่ง เมื่อเห็นสีแย่ย้ำแย่ของสีอันน่าอารมณ์ก็ดีขึ้นมาทันตา
สีอันน่าแค่นหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “งั้นความหมายของเธอคือจ้าวเหมยก็ไม่มีเงินแต่อยากอวดรวยเหมือนกันสินะ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางตบหน้าขาด้วยความหงุดหงิดทีหนึ่ง โอ๊ย ทำไมเธอถึงลืมเรื่องนี้ไปได้!
“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นนะ เธออย่าเอากะละมังขี้ครอบหัว[2]ฉันสิ กิ๊บติดผมของจ้าวเหมยเป็นของลิมิเต็ด จะไปเทียบกับรุ่นทั่วไปได้อย่างไร?”
เจิ้งเสวี่ยซานกับสวีจื่อเซวียนหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง อาหารในถ้วยชามยากจะกลืนลงท้องเหลือเกิน ทั้งที่พอจะทำใจจากไม้คนขี้ของฉีฉีเก๋อมาได้แล้วแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็พูดคำว่ากะละมังขี้อีก
ยังจะให้กินข้าวอยู่ไหม?
“อะไรเรียกว่าลิมิเต็ดเหรอ?” ถังม่านลี่เริ่มถามด้วยอยากรู้อีกแล้ว
แต่ครั้งนี้ไม่มีคนช่วยไขข้อข้องใจแก่เธออีกเพราะคุณหนูใหญ่เหริ่นอารมณ์ไม่ดีคร้านจะสนใจเธอเลยตอบกลับเสียงห้วนประโยคหนึ่งว่า “เธอจะถามเยอะอะไรหนักหนา? อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีปัญญาซื้อ!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่มองถังม่านลี่ที่ทำหน้าถมึงทึงอีกแล้วเตรียมทานข้าว แต่พอเห็นเมนูไข่แดงผักฟักทองที่ตัวเองตักมาพาลทำให้นึกถึงกะละมังขี้ที่ตนเพิ่งพูดไปเลยรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
บ้าเอ้ย!
เธอขุดหลุมให้ตัวเองอีกแล้ว!
ตักอะไรไม่ตักดันมาตักฟักทองที่หน้าตาคล้ายขี้ที่สุด!
“ไม่กินแล้ว ถังม่านลี่เธอจะกินมั้ย?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยื่นกับข้าวที่เธอตักมาให้และมั่นใจว่ายายบ้านนอกคนนี้ต้องไม่ปฏิเสธ ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมาย–
ถังม่านลี่เห็นกับข้าวในถ้วยชามของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพียงแวบเดียวก็ทำตาลุกวาวรีบเขยิบเข้ามาทันที แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นพูดรักษาภาพลักษณ์ “ความจริงของฉันก็พอกินแล้วแต่ข้าวแต่ละเม็ดยากนักกว่าจะได้มา จะฟุ่มเฟือยไม่ได้ ฉันช่วยกินแทนเธอแล้วกัน”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยิบกระเป๋าสตางค์เตรียมไปทานข้าวที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัย ได้ยินดังนั้นเลยแค่นเสียงแล้วพูดว่า “เสแสร้ง!”
กลับไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ ถังม่านลี่แม้จะหน้าด้านไปสักหน่อยและน่ารำคาญไปสักนิด นอกจากนิสัยที่ชอบพูดโกหกอย่างอื่นก็ไม่เลว อย่างน้อยน้ำดื่มตลอดหลายวันนี้ล้วนมีถังม่านลี่คอยเติมให้เธอ กับข้าวเมื่อกี้ถือว่าเป็นค่าจ้างแล้วกัน!
ไม่อย่างนั้นวิธีกินข้าวของยายบ้านนอกคนนี้มีเพียงหมั่นโถวลูกใหญ่กับผัดผักหนึ่งอย่าง สักวันต้องผอมแห้งตัวกระร่องแน่!
สีอันน่าเองก็ทานข้าวในถ้วยไม่ลงเพราะเธอก็ตักเมนูไข่แดงผักฟักทองมาเช่นกันจึงเลียนแบบเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลื่อนถ้วยชามไปตรงหน้าถังม่านลี่ “ของฉันก็ฝากเธอช่วยจัดการทีนะ!”
เธอคว้ากระเป๋าสตางค์ตะโกนใส่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยนรอฉันด้วย เราไปกินด้วยกันสิ!”
“ฉันกับเธอกินไม่เหมือนกัน ไปกินด้วยกันไม่ได้หรอก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
“จะไม่เหมือนได้ยังไงเล่า ฉันเลี้ยงเธอก็ได้!”
“ฉันขาดเงินกินข้าวเหรอ?”
“งั้นเธอเลี้ยงฉันแทนก็ได้ ฉันไม่มีเงิน!”
“แบบนี้ยังค่อยว่าหน่อย!”
……
เดินไปไม่กี่ก้าวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
แย่แล้ว นี่เธอตกหลุมพรางยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์นี่เข้าแล้ว!
คนทางใต้เจ้าแผนการแบบนี้แหละ วันหลังต้องอยู่ห่างคนเจ้าเล่ห์นี่ให้ไกลหน่อย!
ถังม่านลี่ที่อยู่ในห้องนอนมองกับข้าวสามอย่างตรงหน้าอย่างครุ่นคิดและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เลือกทานของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่อนส่วนของสีอันน่าเก็บไว้ทานคืนนี้ ของตัวเธอเองไว้เอาน้ำร้อนแช่เป็นอาหารเช้าวันพรุ่งนี้แล้วกัน
เช่นนี้ก็ประหยัดเงินค่ากับข้าวได้อีกสองมื้อ เมืองใหญ่นี่ช่างดีเสียจริง!
……………………
[1] ไม้คนขี้ คนจีนใช้เปรียบเปรยคนที่ชอบพูดยุยงกุข่าวลือ
[2] เอากะละมังขี้ครอบหัว เปรียบคนที่ถูกพูดจาใส่ร้ายป้ายสี