ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1406 หนูวิ่งครบแน่นอน + ตอนที่ 1407 สงสัย
ตอนที่ 1406 หนูวิ่งครบแน่นอน
ครูฝึกก่นด่าในใจไม่หยุด แม้การลงโทษจ้าวเหมยจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดแต่เขาจะกล้าได้อย่างไร?
หากรองกัปตันรู้เข้าว่าเขากล้าลงโทษว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่วิ่งรอบสนามสิบรอบ สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ไม่ใช่แค่ไม้หน้าสามแต่เป็นตะบองฟันหมาป่าซัดเข้าให้แทน!
เหมยเหมยไม่อยากให้ครูฝึกลำบากใจ หลายวันมานี้เธอสังเกตอยู่ตลอด หากครูฝึกเป็นคนที่เหยียนหมิงซุ่นสั่งมาเช่นนั้นเธอก็ยิ่งควรรับการลงโทษด้วยตัวเอง ก็แค่วิ่งสิบรอบไม่ใช่หรือ เธอต้องผ่านมันไปได้แน่!
เธอพุ่งไปที่สนามแล้วเริ่มวิ่งทันทีพาลทำเอาทุกคนมองกันตาค้าง พลางแหงนมองดวงอาทิตย์แดดแรงจ้าค่อยหันไปมองครูฝึกที่ทำสีหน้าถมึงทึงมากขึ้นเรื่อย ๆพาลเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลือกวิ่งตามหลังไปติด ๆ จะตายเร็วตายช้าก็ตายอยู่ดี เธอรีบออกมาเร็วหน่อยจะดีกว่า!
ฉีฉีเก๋อเองรู้ตัวว่าพูดผิดไปเลยรู้สึกแย่จับใจ เห็นดังนั้นเลยก้าวออกมาพูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “รายงานครูฝึก เมื่อกี้หนูเองก็หัวเราะเหมือนกัน หนูก็ต้องโดนลงโทษค่ะ”
ตะโกนเสียงดังทีหนึ่งเสร็จฉีฉีเก๋อก็วิ่งตัวปลิวออกไปทันควัน หญิงสาวจากแดนทุ่งหญ้ามีศักยภาพด้านกายภาพดีอยู่แล้ว วิ่งแซงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดั่งสายลมพัด จากนั้นก็วิ่งนำหน้าเหมยเหมยก่อนจะโบกมือให้เธอทีหนึ่ง ฉีฉีเก๋อถึงรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นสักหน่อย
เพื่อนกันก็ต้องเผชิญหน้ากับความลำบากด้วยกันสิ!
เวลานี้จะเรียกให้เหมยเหมยกลับมาคงเป็นไปไม่ได้ ครูฝึกพอจะจินตนาการถึงท่าทางที่รองกัปตันของตนเดือดพล่านแล้วยืนถือตะบองฟันหมาป่ากวักเรียกเขาอยู่ เขากัดฟันปรายตามองต้นเหตุอย่างเย็นชาแผ่ไอเย็นจนถังม่านลี่ตัวสั่นเทิ้ม
“พวกเธอขำมากใช่ไหม? ดี ดีมาก…” ครูฝึกแสยะยิ้มแวบหนึ่ง เพียงครู่เดียวก็ชี้ไปที่ถังม่านลี่แล้วตะโกนเสียงดัง “ผู้หญิงทุกคนออกมา เธอวิ่งสิบห้ารอบ คนที่เหลือวิ่งสิบรอบ ผู้ชายพักอยู่กับที่ได้!”
ถังม่านลี่ที่โดนเรียกชื่อเสียใจจนดวงตาแดงก่ำ ทำไมมีเพียงเธอที่ต้องวิ่งสิบห้ารอบ?
พวกเจิ้งเสวี่ยซานกับสวีจื่อเซวียนยิ่งรู้สึกน้อยใจกว่าใคร แค่หัวเราะตามไม่กี่ทีแถมยังหัวเราะไม่เห็นฟันอีกต่างหาก ทำไมพวกเธอต้องไปวิ่งสิบรอบเหมือนกันด้วยล่ะ?
ครูฝึกคำรามในใจ ‘ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตของเขากำลังวิ่งอยู่พวกเธอแต่ละคนก็อย่าคิดจะหนี! ไปวิ่งรอบสนามให้หมดเลยนะ!’
เหมยเหมยวิ่งได้หกรอบก็เริ่มลดความเร็วลง แม้พละกำลังกายของเธอดีขึ้นไม่น้อยแต่สุดท้ายเนื่องด้วยร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงสู้คนทั่วไปที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่ได้ การวิ่งรอบสนามหกรอบนับว่าถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว
ขณะวิ่งมาถึงรอบที่เจ็ดก็รู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ในลำคอ หน้าอกเจ็บแปลบ ตอนหายใจเข้าปอดเหมือนมีมีดปักอยู่ก็ไม่ปาน ส่วนสองขาเหมือนโดนถ่วงด้วยสมอที่พอยกขึ้นมาหนึ่งก้าวก็เหมือนหนักราวห้าร้อยกิโลได้
“สู้ๆ…เหลืออีกสามรอบครึ่ง…”
เหมยเหมยคอยให้กำลังใจตัวเองแล้วส่ายแขนไปมา
เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยสอนเธอไว้ว่าเวลาวิ่งขอแค่ขยับแขนไปมาไม่อยู่นิ่งขาก็จะไม่หยุดเช่นกัน ฉะนั้นต่อให้เธอเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องพยายามขยับแขนเข้าไว้ แถมต้องขยับเร็วกว่านี้อีกหน่อยเช่นนี้เธอถึงจะวิ่งเร็วขึ้นบ้าง
ครูฝึกดูออกว่าเหมยเหมยหมดแรงแล้วจึงวิ่งช้าราวกับหอยทาก เกรงว่าใกล้จะทนไม่ไหวแล้วจึงถลาวิ่งเข้าไปหาหมายอยากจะเรียกให้เหมยเหมยมาพักผ่อน
ส่วนสิ่งที่รองกัปตันเคยบอกไว้ว่าให้ดูแลลับๆ เขาก็คร้านจะสนใจแล้ว!
อยากดูแลแล้วจะทำไม?
เขาดูแลว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตของตัวเองแล้วทำไมเหรอ?
ใครกล้าว่าอะไร?
จะเอาให้ตายเลย!
ครูฝึกเดินไปตะโกนทีหนึ่ง “จ้าวเหมยไม่ต้องวิ่งแล้ว กลับไปพักผ่อนได้”
ถังม่านลี่ที่กำลังหอบแฮก ๆวิ่งผ่านมาพอดีจึงได้ยินคำพูดนั้นพาลเกิดความไม่พอใจ ตะโกนแย้งเสียงดัง “ครูฝึกคะ จ้าวเหมยเพิ่งวิ่งไปแค่เจ็ดรอบครึ่งเอง!”
ความหมายก็คือครูฝึกอย่าคิดจะช่วยจ้าวเหมย!
ครูฝึกหน้าขรึม กำลังจะโต้กลับเหมยเหมยวิ่งเข้ามาพูดเสียงหอบว่า “ครูฝึกคะ หนูวิ่งสามรอบครึ่งให้จบได้ค่ะ!”
เธอมองถังม่านลี่แวบหนึ่งด้วยความรั้นก่อนจะเริ่มวิ่งต่อไป
วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะวิ่งให้ครบสิบรอบจะให้ถังม่านลี่จับจุดอ่อนเธอไม่ได้!
………………..
ตอนที่ 1407 สงสัย
ครูฝึกดูออกถึงความมุ่งมั่นของเหมยเหมยจึงรู้ว่าเธอไม่มีทางยอมพักแน่ พาลทำให้โมโหถังม่านลี่ยิ่งกว่าเดิม
“ใครอนุญาตให้เธอหยุด เพิ่มอีกหนึ่งรอบ!”
ครูฝึกตวาดเสียงดังด้วยแรงโทสะ ถังม่านลี่น้ำตาแทบไหล หลังจากวิ่งจบสิบหกรอบเธอจะยังมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่นะ?
คนที่กำลังวิ่งสภาพปางตายในเวลาเดียวกันยังมีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ซึ่งตอนนี้กำลังเขม่นใส่ถังม่านลี่อย่างเหยียดหยามแวบหนึ่ง โง่เง่าสิ้นดี ถึงตอนนี้ยังดูไม่ออกอีกว่าครูฝึกดูแลจ้าวเหมยเป็นพิเศษ?
ไม่เพียงแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ดูออกแต่รวมถึงคนอื่น ๆต่างก็ดูออกเช่นกัน นอกจากฉีฉีเก๋อสาวคนก๋ากั่นนั่น
พวกเจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ดึงดูดเพศตรงข้ามแต่ตกเป็นที่อิจฉาของเพศเดียวกัน หากคนที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษคือเพื่อนผู้ชาย อย่างมากพวกเธอก็แค่พูดจาเสียดสีใส่ไม่กี่คำแต่จะไม่มีความคิดอื่นใด
แต่ตอนนี้คนที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษคือจ้าวเหมย อีกทั้งยังเป็นคนที่พวกเธอนึกอิจฉาอยู่ในใจเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งขณะนี้ความอิจฉาริษยาใกล้จะทำพวกเธอขาดสติ!
จ้าวเหมยก็อาศัยเส้นสายจากคนรู้จักไม่ใช่หรือไง?
ทั้งออกหนังสือ ทั้งเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ แค่นี้ยังพอช่างมันได้แต่ตอนนี้ขนาดเข้าค่ายยังได้รับการปฏิบัติเป็นข้อกรณียกเว้น พวกเธอจะยอมได้อย่างไร?
ในที่สุดเหมยเหมยก็วิ่งครบสิบรอบพลันทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น ไม่อยากกระดิกตัวอีกแล้ว ครูฝึกเดินมาตวาดใส่ “ลุกขึ้นย่ำเดินอยู่กับที่!”
หากนั่งแบบนี้อีกวันต้องลุกจากเตียงไม่ได้แหง เขาพอจะจินตนาการได้แล้วว่าฟันหมาป่าบนตะบองนั่นหนาขนาด!
เหมยเหมยรู้ว่าสิ่งที่ครูฝึกพูดคือสิ่งที่ถูกต้อง การเดินถึงจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงแต่ตอนนี้เธอเดินไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉีฉีเก๋อจึงรีบช่วยพยุงตัวเธอขึ้นแล้วทั้งคู่ก็ค่อย ๆเดินไปมาเพื่อยืดคลายกล้ามเนื้อ
คนอื่น ๆก็ทยอยวิ่งเสร็จตามกันมาจนแต่ละคนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ต่างกลายเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ไร้เรี่ยวแรง
มีเพียงถังม่านลี่คนเดียวที่ยังวิ่งอยู่บนลู่ต่อไป ดีที่สมรรถภาพร่างกายของผู้หญิงคนนี้ดีใช้ได้ ขนาดวิ่งตั้งหลายรอบยังทนไหวอยู่ ดูท่าทางน่าจะวิ่งต่อได้อีกสิบรอบ
หลังจากวิ่งรอบสนามสิบรอบเสร็จเพื่อนในชั้นเรียนคนอื่นก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเหมยเหมยไปจากเดิมมาก สาวน้อยที่ภายนอกเดิมทีดูเหมือนดอกไม้เล็ก ๆที่อยู่ในห้องรักษาอุณหภูมิกลับมียืดหยุ่นถึงเพียงนี้ มิน่าคนเขาถึงได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่เด็ก!
เพราะวิ่งมาสิบรอบสนามทำให้ตกดึกเหมยเหมยไม่แม้แต่จะวาดต้นฉบับหรือทานข้าวก็ล้มตัวนอนทันที เดี๋ยวคิดเรื่องโครงสร้างของบทในนิยาย เดี๋ยวเป็นห่วงเหยียนหมิงซุ่น จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างสะลืมสะลือ
ส่วนฉีฉีเก๋อเพิ่งขึ้นเตียงไม่ทันไรก็หลับทันทีแถมยังส่งเสียงกรนเบา ๆ มุมปากจุดยิ้มเล็กน้อย
“นี่ พวกเธอว่าครูฝึกกับจ้าวเหมยมีความสัมพันธ์อะไรกันเหรอ?” สุดท้ายสีอันน่าก็ทนไม่ไหว นอนอย่างไรก็นอนไม่หลับเลยโพล่งถามออกมา
จะว่าไปสีอันน่ามีดวงสมพงษ์กับพวกเหมยเหมยพอสมควร สาขาออกแบบโฆษณากับสาขาศิลปะจีนได้มาเข้าค่ายพร้อมกัน หลังจากนั้นเธอก็ถูกจัดให้มาอยู่หอพักเดียวกับพวกเหมยเหมยอีกต่างหากเช่นเดียวกับที่มหาวิทยาลัย
กลางคืนทุกคนเหนื่อยกันแทบแย่แต่กลับนอนไม่หลับเพราะมีเรื่องอัดอั้นอยู่ในใจ!
พอสีอันน่าโพล่งขึ้นมาทุกคนก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ถังม่านลี่นวดขาไปเอ่ยด้วยความน้ำเสียงอิจฉาไปพลาง “จะมีความสัมพันธ์อะไรได้ ครูฝึกเห็นจ้าวเหมยหน้าตาสวยเลยถูกใจเธอน่ะสิ!”
แม้ถังม่านลี่ไม่ใช่คนช่างสังเกตใครแต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ เพราะจ้าวเหมยเธอถึงโดนลงโทษเพิ่มหกรอบ ต่อให้โง่มากแค่ไหนก็ดูออกถึงความพิเศษที่ครูฝึกมีต่อจ้าวเหมย!
เธอคิดว่าเกือบร้อยละแปดสิบเก้าสิบต้องเป็นเพราะครูฝึกหลงความงามของจ้าวเหมยเลยทำดีเข้าสู้พิชิตใจ!
เจิ้งเสวี่ยซานกลับเดาเหตุผลได้พอประมาณ คู่หมั้นลึกลับของจ้าวเหมยได้ยินมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพอย่างแน่นแฟ้น คิดว่าครูฝึกคนนี้คงถูกคู่หมั้นจ้าวเหมยฝากฝังไว้ล่วงหน้าถึงจะได้ดูแลจ้าวเหมยอย่างดีขนาดนี้
แน่นอนว่าเธอก็ต้องอิจฉาอยู่แล้ว หญิงสาวคนไหนบ้างที่ไม่เคยมีความฝันอยากมีฮีโร่เป็นของตัวเองกันล่ะ?
จ้าวเหมยมีฮีโร่คอยปกป้องแล้วแต่เธอกลับต้องต่อสู้ชีวิตด้วยตัวเอง!
พระเจ้าช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย!
……………………