ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1434 บ้าอีกคนซะแล้ว + ตอนที่ 1435 ปะทะกันเป็นครั้งแรก
ตอนที่ 1434 บ้าอีกคนซะแล้ว
พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นผู้หญิงอย่างโฮ่วเซิ่งหนานก็เกิดความรู้สึกรำคาญใจ แต่เขายังไม่สามารถเกลียดผู้หญิงคนนี้ได้ เพราะผู้หญิงคนนี้ได้ช่วยเขาเอาไว้ เขาติดค้างบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อเธออยู่
ช่างน่าอึดอัดเสียจริง!
เหตุใดพ่อบุญธรรมถึงได้ส่งผู้หญิงแบบนี้ไปเป็นกำลังหนุนให้เขานะ?
ช่างเลอะเลือนเสียจริง!
“พี่หมิงซุ่นเป็นอะไรไป?” เหมยเหมยรับรู้ได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นอารมณ์เสียขึ้นมาจึงถามเสียงเบา
เหยียนหมิงซุ่นหันกลับมาส่งยิ้มให้พร้อมกับส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ก็แค่รู้จักผู้หญิงคนนั้น ต่อไปนี้ถ้าเหมยเหมยเจอเธอต้องระวังตัวหน่อย ผู้หญิงคนนี้สมองมีปัญหา!”
เหมยเหมยเบิกตากว้างตาแทบถลน “พวกโรคจิต?”
ผู้หญิงคนนี้ก็ดูปกติดีนี่นา ทำไมถึงเป็นโรคจิตไปได้ล่ะ?
แต่ผ่านไปไม่นานเหมยเหมยก็เข้าใจได้ โฮ่วเซิ่งหนานนั้นป่วยจริง ๆ ทั้งยังป่วยหนักเอาการเสียด้วย
เหยียนหมิงซุ่นป้อนเสี่ยวทังเปาเธอ พลางพยักหน้าตอบ “ใช่ พวกโรคจิต ถ้าเจอเธอเข้าก็เลี่ยงอยู่ให้ห่างหน่อย”
กันไว้ดีกว่าแก้!
จะไม่ยอมให้หญิงโรคจิตคนนี้เข้ามาทำร้ายภรรยาของตนได้หรอก!
เหมยเหมยพยักหน้ารับ เคี้ยวตุ้ย ๆเต็มสองแก้ม เธอจะต้องอยู่ให้ห่างจากยัยโรคจิตนี่
“เก่งมาก!”
เหยียนหมิงซุ่นหยิกแก้มของเธอไปที พร้อมทั้งกล่อมให้เธอกินเสี่ยวทังเปาต่อ นั่นจึงทำให้เธอยอมที่จะกินเสี่ยวทังเปาที่เหลือ
จูบอันร้อนแรงของโฮ่วเซิ่งหนานและเถียนมู่ได้สิ้นสุดลง ทั้งคู่ต่างก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง เถียนมู่จึงได้กระซิบข้างหูเธอ “ไปโรงแรมกันไหม?”
แท้จริงแล้วเขาไม่ได้รักโฮ่วเซิ่งหนานหรอกเพียงแค่ต้องการจะเอาชนะผู้หญิงรักอิสระคนนี้ก็แค่นั้น ผู้ชายในแวดวงของเขา มีสัมพันธ์กับโฮ่วเซิ่งหนานจนเกือบหมดทุกคนแล้ว เนื่องจากในแวดวงของเขาเชื่อในเรื่องของการปลดปล่อยและอิสระทางเพศ โดยมองว่าการร่วมหลับนอนด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดาเสียยิ่งกว่าการทานข้าว
โฮ่วเซิ่งหนานเป็นแบบนี้ เขาเองก็เป็นแบบนี้
แต่ที่เขาไม่ชอบใจนักเพราะมีเพียงเขาคนเดียวที่โฮ่วเซิ่งหนานไม่ยอมขึ้นเตียงด้วย นั่นจึงทำให้เถียนมู่รับไม่ได้ต่อความศรัทธาในตัวลูกผู้ชายของเขา แล้วก็เป็นเหตุผลที่เขาตามติดเธอมาตลอดสี่ปี
โฮ่วเซิ่งหนานยกยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ สายตาพลันลอบมองต่ำลง พร้อมกับขยิบตาให้
เถียนมู่กดจูบโฮ่งเซิ่งหนานไปอีกครั้งอย่างหัวเสีย พร้อมเอ่ยพูดด้วยความรู้สึกขุ่นมัว “สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้เธอยินยอมพร้อมใจที่จะขึ้นเตียงกับฉัน!”
“ก็อาจจะมีวันนั้นมั้ง…เราไปทานข้าวกันเถอะ!”
โฮ่วเซิ่งหนานพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ เอาแต่มองไปโดยรอบเพื่อหาที่ว่าง แต่กลับพบเข้ากับเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังเช็ดริมฝีปากให้เหมยเหมยอยู่ แววตาจึงพลันเป็นประกายขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด เลี่ยงตัวออกจากเถียนมู่แล้วเดินไปยังโต๊ะของเหมยเหมย
“บังเอิญจัง เราเจอกันอีกแล้วนะ!”
เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นหยัดกายเตรียมที่จะลุกออกไป แต่ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงเล็กแหลมติดแหบของสาวเจ้าตัว เหมยเหมยพลันเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจจึงเจอเข้ากับยัยโรคจิตที่เหยียนหมิงซุ่นพูดถึงมายืนอยู่ตรงหน้าของพวกเธอ แต่พอได้เห็นท่าทีของยัยโรคจิตที่ทำทีราวกับมองไม่เห็นเธอก็ว่าได้ นั่นจึงทำให้เหมยเหมยอารมณ์ครุกรุ่น ไร้มารยาทเสียจริง!
แต่เพียงครู่เดียวเธอก็เป็นปกติได้ เธอจะมัวไปคิดเล็กคิดน้อยต่อพวกโรคจิตให้ได้อย่างไรเล่า?
โฮ่วเซิ่งหนานยื่นมือออกไปอย่างเปิดเผย พร้อมเผยรอยยิ้มอันสดใส และทำทีเมินเฉยต่อเหมยเหมยอย่างสิ้นเชิง
สำหรับตัวเธอแล้ว ผู้ชายคนไหนที่เธอชอบก็ไม่มีทางหลุดพ้นไปจากอุ้งมือเธอได้!
เหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นของเธอ!
เว้นแต่เธอจะเบื่อเข้าสักวัน!
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกตื่นตระหนกแต่ก็ยังยื่นมือออกไป แต่แค่แวบเดียวก็ดึงมือกลับ ท่าทีเปลี่ยนไปจนแข็งกระด้าง ทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย “สวัสดีครับ นี่คือจ้าวเหมยคู่หมั้นของผม เหมยเหมย นี่คือโฮ่วเซิ่งหนาน”
เขาเองก็ไม่พอใจมากต่อท่าทีราวคนตาบอดของโฮ่วเซิ่งหนาน จึงได้จงใจแนะนำเหมยเหมย ทั้งยังเน้นคำว่าคู่หมั้นอย่างชัดเจน ซึ่งนั่นหมายถึงเขามีภรรยาแล้ว พวกโรคจิตอย่างเธอมาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย!
แต่หากว่าโฮ่วเชิ่งเป็นดั่งผู้หญิงที่มีทัศนคติสามประการ [1]ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกว่าโฮ่วเซิ่งหนานหรอก
เธอเหลือบมองเหมยเหมยอย่างภาคภูมิใจ ในสายตามีเพียงการดูถูกเหยียดหยาม หน้าตาก็พอใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่ดูจะไร้ความสามารถไปหน่อยจะคู่ควรกับเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไรกัน?
………………………………………………….
ตอนที่ 1435 ปะทะกันเป็นครั้งแรก
โฮ่วเซิ่งหนานดูถูกเธออย่างเห็นได้ชัด เหมยเหมยจึงรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ แม้จะไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยต่อพวกโรคจิตแต่เธอก็โกรธอยู่ดีจึงไม่อยากสนใจโฮ่วเซิ่งหนาน มารยาทก็ควรจะมีกันทั้งฝ่าย ในเมื่อหล่อนไม่มีมารยาทก็อย่าคิดว่าเธอจะรักษามารยาทด้วยเช่นกัน
เหยียนหมิงซุ่นจับไหล่ของเหมยเหมยไว้อย่างห้ามปราม พร้อมกับบอกโฮ่วเซิ่งหนาน “พวกเรามีธุระต่อ ขอตัวนะ”
ในขณะนั้นเองเถียนมู่ก็เดินตามมาสมทบ เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วต่อท่าทีของโฮ่วเซิ่งหนานที่ดูแปลกไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหยียนหมิงซุ่น ในจังหวะที่จะเอ่ยถามตัวตนของเหยียนหมิงซุ่น กลับได้เห็นเหมยเหมยเข้า พลันเกิดอาการตกใจไปชั่วขณะนิ่งงันราวกับเป็นไก่ไม้
เหตุใดถึงได้มีหญิงสาวผู้งดงามถึงเพียงนี้?
สวยเสียยิ่งกว่าสนมหยางกุ้ยเฟยในตำนานหรือเปล่า?
เถียนมู่สายตามองตรงจับจ้องเหมยเหมยไม่วางตา ท่าทีอ่อนโยนและสง่างามในตอนแรกได้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นความน่ารังเกียจ
เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างขยะแขยง พลางขยับเข้าไปหาเหยียนหมิงซุ่นมากขึ้น สายตาของชายที่สวมแว่นผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวนัก ราวกับต้องการจะกระชากเสื้อผ้าของเธอออกจนหมดเกลี้ยงเสียให้ได้ แสดงท่าทีลวนลามอย่างหนัก
“คุณครับ กรุณารักษามารยาทด้วย!”
เหยียนหมิงซุ่นเขยิบเข้ามายืนบังอยู่ด้านหน้าเหมยเหมย จ้องเถียนมู่อย่างเย็นชา เขามองออกว่าเถียนมู่คือชายที่ยืนจูบกับโฮ่วเซิ่งหนานเมื่อครู่ นั่นจึงทำให้ยิ่งรู้สึกรังเกียจสองคนนี้มากขึ้น
จังหวะนั้นเถียนมู่ถึงได้สติพร้อมกับยิ้มเจื่อน เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะลืมตัวได้ถึงเพียงนี้ อันที่จริงเขาก็ผ่านผู้หญิงสวยมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ใครจะรู้ว่าพอได้เจอกับเหมยเหมยกลับยากที่จะควบคุมตัวเองไว้ได้ ช่างงดงามเสียจริง!
“ขอโทษครับ ผมเสียมารยาทเอง!”
เถียนมู่โค้งคำนับอย่างจริงใจ เอ่ยพูดด้วยภาษาฮวาเซี่ยที่ติดแข็งกระด้างไปบ้าง ซึ่งถือได้ว่าคล่องแคล่วพอควร แต่ยังคงไว้ด้วยสำเนียงของชาวต่างชาติ เหยียนหมิงซุ่นมองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเขาคือคนญี่ปุ่นจึงยิ่งไม่พอใจ
สำหรับคนญี่ปุ่น เขาเองก็เหมือนกับคนฮวาเซี่ยส่วนใหญ่ที่ไม่รู้สึกดีอะไรด้วยนัก!
เหมยเหมยก็เช่นเดียวกัน!
“เถียนมู่เขาแค่ชื่นชมต่อคุณหนูผู้นี้มากไปหน่อยจึงเผลอเสียมารยาท คุณหนูผู้นี้คงจะไม่ถือสาใช่ไหม?” โฮ่วเซิ่งหนานอมยิ้มระคนพูด แม้นท่าทีดูสบาย ๆแต่แววตากลับดูถูกเหยียดหยามและแสดงท่าทีไม่พอใจเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ไฟโทสะของเหมยเหมยจึงปะทุขึ้นมาทันที พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ฉันถือมากค่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมือนคุณโฮ่วที่ชอบแสดงออกถึงงานอดิเรกของตัวเองในที่สาธารณะ!”
ไปชื่นชมปู่ของแกนู่น!
พวกสมองมีปัญหาเท่านั้นแหละถึงจะชอบให้ชายที่ตนเกลียดมายื่นจ้องอยู่ได้!
โฮ่วเซิ่งหนานมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่เธอคิดว่างดงามโดดเด่นประจำถิ่นแห่งนี้ ที่แท้ก็เป็นดั่งพริกขี้หนูเม็ดเล็ก?
ได้บารมีของใครมา?
เป็นเพียงแค่หลานสาวของตระกูลจ้าวที่หมดอำนาจไปแล้วมิใช่หรือ?
เธอได้ความกล้ามาจากใครกัน?
“คุณหนูจ้าวอารมณ์รุนแรงเหมือนกันนี่!” รอยยิ้มของโฮ่วเซิ่งหนานค่อย ๆจางหายไป นัยน์ตาฉายแววเย็นชามากขึ้น ไม่ได้กลับประเทศมาหลายปี ดูเหมือนว่าบรรดาสุภาพสตรีรุ่นใหม่ทั้งหลายต่างลืมนิสัยใจคอของคุณผู้หญิงโฮ่วอย่างเธอไปเสียแล้ว
“ฉันไม่ได้อารมณ์เสียไปทั่วค่ะ แล้วก็ไม่ได้จ้องคนอื่นอย่างเสียมารยาทด้วย วิสัยทัศน์ในการหาเพื่อนของคุณหนูโฮ่วควรได้รับการปรับปรุงนะ” เหมยเหมยเชิดคางเล็ก ๆของเธอขึ้นและอดไม่ได้ที่จะยืดเขย่งเท้าขึ้นด้วย ก็ใครใช้ให้เธอเตี้ยกว่าโฮ่วเซิ่งหนานกันล่ะ!
ดูจะให้ความรู้สึกอ่อนแอไปมาก!
เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่ว่าที่ภรรยาของตนที่แผ่หนามออกมาอย่างขำขัน พร้อมหันไปพยักเพยิดหน้าให้กับโฮ่วเซิ่งหนาน “ขอตัวก่อนนะ!”
ลาก่อนไม่พูดจะดีกว่า เขาแทบหวังว่าจะไม่เจอกับผู้หญิงคนนี้อีก!
โฮ่วเซิ่งหนานหรี่ตามองตามแผ่นหลังของเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นที่เผยถึงความงดงาม แม้ว่าเธอไม่อยากจะยอมรับ แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นนั้น สองคนนี้ดูแล้วเหมาะสมกันมากแต่ก็ขัดตา!
แต่แล้วจะทำไม?
เหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นของเธอ!
“คือชายคนนี้หรือ?” เถียนมู่เอ่ยถามเงียบ ๆในแววตาเผยถึงความไม่ยินดี
ดูท่าจะสูงกว่าเขาไปแค่ไม่กี่เซนเองนี่!
โฮ่วเซิ่งหนานเผยถึงรอยยิ้มที่มุ่งมั่นจะเอาชนะ “ใช่ คือเขา ชายคนต่อไปที่ฉันจะต้องเอาชนะให้ได้!”
…………………………………………………………
[1] 三观 (ซานกวน) คือ ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต และทัศนคติต่อคุณค่า