ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1438 ไม่ไปไหนทั้งนั้น + ตอนที่ 1439 วันๆ เอาแต่อยู่เฉยก็เป็นแค่ทรราชไร้ความสามารถ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1438 ไม่ไปไหนทั้งนั้น + ตอนที่ 1439 วันๆ เอาแต่อยู่เฉยก็เป็นแค่ทรราชไร้ความสามารถ
ตอนที่ 1438 ไม่ไปไหนทั้งนั้น
เจิ้งซื่อหลินได้แต่งงานกับภรรยาถึงสองคนตามลำดับ ภรรยาคนแรกแต่งงานโดยการถูกพ่อแม่คลุมถุงชนเมื่อครั้งยังเด็ก อายุมากกว่าเขาถึงสามปี อีกทั้งยังเป็นสาวไร้การศึกษาเป็นเพียงหญิงสาวในชนบททั่วไป เจิ้งซื่อหลินไม่ชื่นชอบภรรยาคนเดิมเลย หลังแต่งงานได้สองเดือนเขาออกจากบ้านไปเรียนต่อต่างประเทศ
ภรรยาคนเดิมนั้นมีความภักดีและซื่อสัตย์ และไม่ได้เป็นคนเจ้าแผนการอะไร เนื่องด้วยเจิ้งซื่อหลินจะอยุ่ห่างกันเสียมากกว่าจึงมีลูกชายเพียงคนเดียว นั่นคือพ่อของเจิ้งเสวี่ยซาน
ช่วงที่พ่อของเจิ้งเสวี่ยซานอายุได้สามขวบ เจิ้งซื่อหลินจึงได้ส่งจดหมายสำคัญการหย่ากลับมาที่บ้าน โดยแจ้งว่าต้องการจะหย่ากับภรรยาของเขา คัดค้านต่อการแต่งงานคลุมถุงชนแบบระบบศักดินา ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคสาธารณรัฐจีน ไม่เพียงแต่ไม่มีใครคัดค้านมีแต่จะปรบมือสรรเสริญมากกว่า
โชคดีที่พ่อแม่ของเจิ้งซื่อหลินไม่ได้ใจดำเหมือนกับลูกชาย ต่างก็เป็นคนซื่อสัตย์ใจดี พวกเขาไม่ยินยอมให้เจิ้งซื่อหลินแต่งงานกับภรรยาคนที่สอง พูดเพียงแค่ว่าภรรยาคนแรกต่างหากที่เป็นลูกสะใภ้และได้ฉีกใบหย่าฉบับนั้นทิ้งไป
แต่ภรรยาคนแรกผู้น่าสงสารกลับเอาแต่ตรอมใจจนมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก พ่อของเจิ้งเสวี่ยซานพึ่งจะบรรลุนิติภาวะ เธอก็จากไปเสียแล้ว ขนาดเธอตายเจิ้งซื่อหลินก็ไม่แม้แต่จะกลับมาหาเลย ทุกอย่างจบลงด้วยความเกลียดชัง
พ่อของเจิ้งเสวี่ยซานนั้นเหมือนกับแม่ของเขาที่เป็นคนซื่อสัตย์ภักดี ทั้งชีวิตเป็นเพียงแค่คนงานที่ขยันขันแข็ง ไม่แม้แต่จะหวังพึ่งบารมีจากพ่อผู้ให้กำเนิดเขาเลย
แต่ภรรยาและลูกสาวของเขากลับแตกต่างออกไป สองแม่ลูกคู่นี้ต่างหัวสูง พอได้รู้ว่าในตระกูลมีผู้อาวุโสที่เก่งกาจ จิตใจก็เกิดความทะเยอทะยานขึ้นมา ทั้ง ๆที่บ้านหลังนี้เป็นของหลานชายของลูกชายคนโต แล้วทำไมถึงสู้บ้านที่สองนั่นไม่ได้?
แต่ทางฝั่งเจิ้งซื่อหลินนั้นอาจจะด้วยอายุที่มากหรืออาจจะเพราะความใจดีบังเกิด ถึงได้ส่งคนไปติดต่อตามหาลูกชายคนโต และยังส่งเสียให้เงินพวกเขาด้วย
ด้านหนึ่งให้จากใจ แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีเจตนาร้าย
เพราะแบบนี้แม่ของเจิ้งเสวี่ยซานถึงได้ติดต่อเจิ้งซื่อหลิน บ่อยครั้งที่แวะไปเยี่ยมญาติต่างๆ นาๆ และด้วยตัวเจิ้งเสวี่ยซานฉลาดปราดเปรื่องมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเป็นคนกล้าแสดงออกจึงถือว่าเป็นคนโปรดของเจิ้งซื่อหลินพอควร
เหมยเหมยถึงได้นึกออก คืนนั้นที่เจิ้งเสวี่ยซานเพิ่งเปิดเรียนกลับไม่ได้นอนค้างที่หอพัก เขาบอกว่าต้องไปเยี่ยมญาติ คิดว่าต้องไปที่บ้านของเจิ้งซื่อหลินแน่!
“หรือว่าพี่จะส่งคนไปฆ่าเจิ้งซื่อหลินและพวกมันทั้งสามคนให้ตาย ๆไปเลยดี จะได้ลดความรำคาญใจของเธอและแม่ยายไปด้วย”
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยพูดอย่างเอาใจ เมื่อคืนวานภรรยาตัวน้อยของเขาเอาแต่โกรธเคือง ประโยชน์ที่เขาควรจะได้รับก็ไม่มีแล้ว แต่คืนนี้จะต้องง้อเอากลับมาให้ได้
เหมยเหมยจ้องเขาตาเขม็ง “ใครคือแม่ยายของพี่? อย่าเรียกซี้ซั้วนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นจึงโอบสาวงามเข้ามาไว้ในอ้อมกอด มือเริ่มปัดป่ายไปมา “พี่กอดใครอยู่ ก็แม่ของคนคนนั้นแหละที่เป็นแม่ยายของพี่!”
“เกลียดนัก…”
เหมยเหมยบิดตัวไปมาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ยิ่งบิดก็ยิ่งปะทุไฟในกายของคนบางคน เหยียนหมิงซุ่นกดเธอไว้ใต้ร่าง บีบขย้ำเธอไปยกใหญ่ถึงได้ยอมปล่อยเธอไป
“ไม่ต้องให้พี่ช่วยหรอก แม่ของฉันจะจัดการทั้งสามคนด้วยตัวเอง ท่านจะมาจัดนิทรรศการภาพวาดที่เมืองหลวงเร็ว ๆ นี้ อาจจะมีคนก่อเรื่องวุ่นวาย ถึงเวลานั้นพี่แค่ส่งคนมาช่วยก็พอแล้ว ”
ความเสน่ห์หานัยน์ตาของเหมยเหมยแทบจะถูกดึงจนเป็นเส้นสายไหม เธออยากจะผลักเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่บนร่างของเธอออก แต่คนบางคนกลับแน่นิ่งยิ่งกว่าภูเขาไท่ซานไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“แค่เรื่องเล็กน้อย บอกให้แม่ยายวางใจได้ รับรองว่าไม่มีใครกล้าก่อเรื่องวุ่นวายแน่”
มือของเหยียนหมิงซุ่นยังคงอยู่ไม่เป็นสุข ใครใช้ให้ภรรยาตัวน้อยของเขาน่าดึงดูดขนาดนี้เล่า!
ใต้ร่างมีหญิงงามพราวเสน่ห์ผู้หนึ่งนอนอยู่ หากว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองคงจะพิลึกน่าดู!
“…โธ่เอ๊ย พี่รีบลงไปเลย เราจะไปเดินชอปปิ้งกันอยู่ไหมเนี่ย?”
เหมยเหมยผลักเขาอีกครั้ง แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่ขยับ ทับอยู่บนตัวเธอเอาแต่ทำรอยคิสมาร์ก
“ไม่ไปแล้ว วันนี้จะไม่ไปไหนทั้งนั้น…จะอยู่บนเตียงแบบนี้แหละ…”
…………………………………………………….
ตอนที่ 1439 วันๆ เอาแต่อยู่เฉยก็เป็นแค่ทรราชไร้ความสามารถ
วันนี้ทั้งวันเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ไปไหนจริง ๆทั้งคู่เอาแต่สวีทหวานกันอยู่ในห้องทั้งวัน เหยียนหมิงซุ่นมีพละกำลังที่ใช้ยังไงก็ไม่มีหมด ทั้งวันเอาแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงเหมยเหมยให้เธอทำเรื่องอย่างว่ากับเขาตามในหนังสือ…
ลุงเหลาป้าฟางต่างก็รู้งาน เมื่อถึงมื้ออาหรถึงจะนำข้าวปลามาส่งให้ที่หน้าประตู จากนั้นก็เคาะประตูเรียก ส่วนเวลาอื่นก็จะหายตัวไปอย่างอัตโนมัติ
“นี่พี่จะพอได้หรือยังเนี่ย…พี่จะกลายเป็นทรรราชไร้ความสามารถที่เอาแต่อยู่เฉยไปวัน ๆแล้วนะ…”
เหมยเหมยมองดูใครบางคนที่ไม่สะทกสะท้านต่อการทำรอยคิสมาร์กบนตัวเธออย่างจนใจ นี่ก็ดูดมาทั้งวันแล้วนะ หากดูดอีกเกรงว่าเนื้อตัวเธอจะไม่มีส่วนที่ดีหลงเหลืออยู่แล้ว!
“…ไม่พอ…ถ้าพี่เป็นทรราช เธอก็คือสนมคนโปรด…”
เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอย่างยียวน และไม่ลืมที่จะเลียลูกเชอร์รี่แสนหวาน ต่อให้เขาต้องกินทุกวันเขาก็ไม่มีทางเบื่อหรอก
“…อืม…เกลียดนัก…พี่อย่าดูดคอฉันสิ…พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปเรียนนะ”
เหมยเหมยยื่นมือออกไปลากตัวเหยียนหมิงซุ่นออกมา แค่ทำรอยคิสมาร์กบนตัวก็พอแล้ว ถ้ายังทำตรงช่วงลำคออีก พรุ่งนี้เธอจะยังมีหน้าไปเจอใครได้อีกล่ะ?
แต่เหยียนหมิงซุ่นนั้นถูกสเปิร์มขึ้นสมองไปแล้ว ไหนเล่าจะสนใจสิ่งอื่นใดอีก บัดนี้คิดเพียงแค่ว่าจะฉีกกินของอร่อยลงท้อง หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาจูบจนทำเอาเหมยเหมยร้อนลุ่มไปทั้งตัว ในสมองเกิดตีรวนตกอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลง…
ส่วนรอยคิสมาร์กบนคอ ใครจะสนใจอีกเล่า!
และสุดท้ายกลายเป็นอีกหนึ่งคืนแห่งฤดูใบไม้ผลิ!
แสงอรุณรุ่งของเช้าวันจันทร์สาดส่องเข้ามา ส่องกระทบสองร่างที่นอนหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เหยียนหมิงซุ่นกอดเหมยเหมยเอาไว้แน่น ในความเป็นจริงเขาเป็นผู้ชายที่มีนิสัยขี้หึงหวงเป็นพิเศษ ซึ่งเห็นได้จากลักษณะของการกอด แนบชิดแน่นไม่เหลือช่องว่างเลยแม้แต้นิดเดียว
เหมยเหมยตื่นขึ้นมาในอ้อมอกที่เต็มไปด้วยลมหายใจของชายหนุ่ม พอนึกถึงเรื่องราวไร้สาระที่ทำไปสองวันหนึ่งคืนขึ้นมา เหมยเหมยจึงเกิดอาการหน้าแดงซ่าน แต่ในใจกลับให้ความรู้สึกหวานชื่นเป็นที่สุด
เพราะไม่ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหน ก็ไม่เคยคิดที่จะรุกรานเธอ ทั้ง ๆที่เธอบอกว่าเต็มใจแล้ว!
เหยียนซินหย่าเคยบอกว่า ผู้ชายคนหนึ่งถ้ารักผู้หญิงคนนี้จริงก็จะไตร่ตรองถึงทุกสิ่งแทนเธอ แต่ไม่ใช่ความสุขแค่ชั่วครู่ และทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกเข้าไปสู่วังวนแห่งความวุ่นวาย
เหมยเหมยรู้ดี ว่าเหยียนหมิงซุ่นรักเธอจริง!
เพราะเขาอยากทำให้เธอเป็นเจ้าสาวที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดในคืนเข้าหอ และไม่ต้องการให้เธอต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย!
แต่เธอกลับนึกถึงไอ้คนเลวที่เมื่อวานแกล้งทำทีเป็นน่าสงสาร เกลี้ยกล่อมให้เธอทำเรื่องน่าอายตั้งมากมาย เหมยเหมยเกิดรู้สึกโมโห เธอจึงยื่นมือออกไปสะกิดที่ยอดอกกำยำอย่างแรง พร้อมก่นด่าเสียงเบา ‘คนเลว’
แท้จริงเหยียนหมิงซุ่นตื่นนานแล้ว แต่เขายังโลภต่อตัวของสาวงามที่อยู่ในอ้อมกอด ดังนั้นจึงแกล้งหลับ และแน่นอนว่าได้ยินเข้ากับเสียงบ่นด่าอุบอิบจากเหมยเหมย มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมหัวเราะขึ้นอย่างสดใส
“อรุณสวัสดิ์ ที่รัก” เหยียนหมิงซุ่นมองสบดวงตาของเหมยเหมยอย่างลึกซึ้ง มอนิ่งคิสที่หน้าผากของเหมยเหมยไปหนึ่งครั้ง
“อรุณสวัสดิ์ คุณสามี”
เหมยเหมยพูดอย่างเขิน ๆซึ่งเสียงเบามาก คำว่าคุณสามีเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนขอให้เธอเรียก ทั้งยังบังคับว่าต้องเรียกด้วยมิฉะนั้นจะลงโทษเธออย่างหนัก ส่วนเรื่องการลงโทษอย่างหนักนั้น ทุกคนสามารถจินตนาการเอาเองได้เลย
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มที่มุมปาก เพิ่มจูบตอนเช้าให้ลึกซึ้งขึ้น แต่ครั้งนี้เขาแค่ชิมนิดหน่อยไม่กล้าสร้างเรื่องอีก
“เย็นนี้กลับมานอนที่นี่ ทางมหาทวิทยาลัยพี่จัดการเอง” เหยียนหมิงซุ่นใส่เสื้อผ้าให้แทนเธอ มองเห็นรอยแดงที่ปรากฏบนผิวดั่งหิมะของเธอแอบนึกตัดพ้อตัวเองที่ทำรุนแรงไปหน่อย ทุกครั้งที่ก่อเรื่องก็มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้
เหมยเหมยเมื่อส่องกระจกก็เห็นกับรอยคิสมาร์กบนลำคอ จึงเข้าไปกัดนิ้วของคนร้ายอย่างนึกโมโห แต่ก็ทำได้แค่ใช้ผ้าพันคอพันปิดเอาไว้ โชคดีที่อากาศเย็นลงแล้ว หากว่าเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว เธอคงไม่ต้องออกจากบ้านแล้วล่ะ!
…………………………………………………………..