ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1446 หวนกลับมาเจอกัน + ตอนที่ 1447 ต้าชิงล่มสลายแล้ว
ตอนที่ 1446 หวนกลับมาเจอกัน
“สวัสดีค่ะนักศึกษาทุกคน ฉันคืออาจารย์ภาษาอังกฤษของพวกเธอ หากไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรขึ้นฉันก็คงเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษเทอมนี้ทั้งเทอม ฉันขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ชื่อภาษาจีนของฉันคือโฮ่วเซิ่งหนาน ชื่อภาษาอังกฤษคือเจสสิก้า พวกเธอจะเรียกฉันว่ามิสโฮ่วก็ได้หรือเรียกว่าเจสสิก้าก็ได้”
โฮ่วเซิ่งหนานปรายตามองเหมยเหมยอย่างประเมินแวบหนึ่งและละสายตาอย่างรวดเร็วก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง
ผู้หญิงจากตระกูลเล็ก ๆที่มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกอย่างจ้าวเหมยไม่ควรค่าพอให้โฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอลงไม้ลงมือเลยจริง ๆ!
แต่เพื่อผู้ชายที่ทำให้เธอหลงใหลอย่างเหยียนหมิงซุ่น เธอจำต้องยอมฝืนใจจัดการเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยนี้แล้วล่ะ
โฮ่วเซิ่งหนานกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่ดูมั่นอกมั่นใจทั้ง ๆที่กำลังพูดแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการอยู่แท้ ๆ แต่ในหัวกลับคิดถึงเรือนร่างที่ดุดันเซ็กซี่และงดงามนั่น ซึ่งก็คือคนที่ทำให้เธอเกิดความต้องการเหมือนกินยาปลุกเซ็กส์อย่างเหยียนหมิงซุ่น
เดิมทีโฮ่วเซิ่งหนานเป็นสาวที่มีความต้องการทางเพศสูงแต่กลับเรื่องมากเรื่องคู่นอนไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเถียนมู่คงไม่ต้องรอเก้อมานานหลายปีขนาดนี้
คู่นอนของโฮ่วเซิ่งหนานมีเคนหนุ่มผิวขาวผมทองตาฟ้าและมีเจ้าชายทะเลทรายร่างสูงใหญ่บึกบึน มีอยู่ทุกรูปแบบจำนวนก็ไม่น้อย แน่นอนว่าหนุ่มเอเชียก็ต้องมีบ้างแต่สำหรับเธอแล้วเป็นเพียงความสุขชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น
แต่สองปีมานี้โฮ่วเซิ่งหนานยากจะพึงพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หนุ่มต่างชาติแม้ของจะดีและใหญ่แต่กลิ่นก็แรงมากเช่นกัน นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้โฮ่วเซิ่งหนานไม่ชอบใจมากที่สุด เมื่อเทียบกับหนุ่มเอเชียที่ไม่มีข้อด้อยด้านนี้แต่ก็ไม่อาจเติมเต็มเธอได้
กระทั่งได้เจอเหยียนหมิงซุ่นในทะเลทราย
โฮ่วเซิ่งหนานรู้สึกว่าตัวเองหลงชายหนุ่มที่กระโจนเข้าหาเธอไวปานเสือดาวและตะครุบลำคอตัวเองไว้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น!
พอเห็นกล้ามสุดเย้ายวนของเหยียนหมิงซุ่นขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า เส้นวีไลน์ที่ทำให้เธอเลือดกำเดาแทบพุ่ง…รวมไปถึง***ที่ไม่มีใครสู้ได้
โฮ่วเซิ่งหนานไม่อาจถูกใจผู้ชายคนอื่นได้อีกแล้ว
เธอต้องการครอบครองเหยียนหมิงซุ่นเพียงคนเดียว!
ต่อให้ต้องแต่งงานก็ไม่เป็นไร!
ในเมื่อเธอถึงคราวอายุที่ต้องแต่งงานแล้ว หลายวันก่อนคุณลุงยังถามเธอว่าอยากแต่งงานกับผู้ชายแบบไหน รอในอีกไม่กี่วันข้างหน้าได้ทานข้าวกับคุณลุง เธอค่อยบอกไปว่าวางแผนจะแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นก็แล้วกัน!
คิดว่าคุณลุงจะต้องสนับสนุนเธอแน่นอน!
ไม่ง่ายเลยกว่าโฮ่วเซิ่งหนานจะปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ที่เอาแต่คิดถึงเรื่องเหยียนหมิงซุ่น แค่นึกถึงก็ทำเอาเธอแทบทนไม่ไหวเกิดความรู้สึกพลุกพล่านในใจ
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆเฮือกหนึ่งเพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าสถานะอาจารย์ผู้สง่างามในตอนนี้ ก่อนจะเริ่มเช็คชื่อ
โจวซื่อซินสีหน้าแปลกไปเล็กน้อยหลังจากโฮ่วเซิ่งหนานแนะนำชื่อตัวเอง พอคิดอีกทีก็ตกใจจนหน้าซีด
ให้ตายสิ นี่มันคุณหนูใหญ่นี่นา?
เธอไม่นอนกกผู้ชายอยู่ที่ต่างประเทศแล้วเหรอ วิ่งแจ้นกลับมาเป็นอาจารย์ทำไมกัน?
โจวซื่อซินนึกเสียใจกับคำพูดของตนเมื่อสักครู่เหลือเกินจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันควัน “เพื่อน เมื่อกี้ฉันพูดผิดไป สาวงามอย่างอาจารย์โฮ่วของเราต้องอยู่ระดับฟ้าสิ คนร้อยล้านคนยังเลือกออกมาไม่ได้อย่างนี้เลย!”
ไอ้บ้าเอ้ย คุณหนูใหญ่โฮ่วคนนี้ไม่ได้ใจกว้างนักหรอกนะ หากรู้ว่าเขาพูดแบบนี้ไปจะต้องเล่นงานครอบครัวเขาเละแน่ ตระกูลโจวของเขาจะไปสู้กับหลานสาวนายใหญ่ได้อย่างไรกัน?
รนหาที่ตายชัด ๆ!
ทุกคนต่างเงียบกริบ ‘นี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย?’
“จ้าวเหมย!”
“มาค่ะ!”
เหมยเหมยทำสีหน้าเรียบนิ่งมองโฮ่วเซิ่งหนานด้วยท่าทีเมินเฉย เหยียนหมิงซุ่นบอกแล้วว่าอย่าใส่ใจผู้หญิงคนนี้ เธอมีอะไรต้องกังวลอีกล่ะ
หากผู้หญิงคนนี้ไม่สงบเสงี่ยมเธอเองก็ไม่กลัว ทหารบุกก็บัง น้ำท่วมก็เอาดินกลบเสีย!
คนอย่างจ้าวเหมยก็ใช่ว่าจะรังแกได้ง่าย ๆ!
ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีเหยียนหมิงซุ่นคอยหนุนหลังอยู่แหนะ!
“นักศึกษาจ้าวเหมยคนนี้สวยจริงๆ ใช้ภาษาอังกฤษพูดแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหมคะ?” โฮ่วเซิ่งหนานพูดอมยิ้ม เธอใช้ภาษาจีนพูดก่อนหนึ่งรอบแล้วค่อยใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงบริติชที่ถูกต้องแม่นยำพูดซ้ำอีกหนึ่งรอบ พลางจ้องเหมยเหมยเขม็ง
……………………….
ตอนที่ 1447 ต้าชิงล่มสลายแล้ว
เหมยเหมยขมวดคิ้ว รับรู้ถึงความไม่เป็นมิตรจากโฮ่วเซิ่งหนานอย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนี้จงใจจะให้เธออับอายขายหน้าสินะ?
ในยุคสมัยนี้ต่อให้เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปร๋อก็มีไม่มากอยู่ดี ตามเมืองใหญ่พอมีบ้างแต่นักศึกษาจากชนบทบางแถบภาษาอังกฤษแทบเป็นใบ้
ส่วนนักศึกษาจำนวนไม่น้อยก็ขี้อายเกินกว่าจะพูดภาษาอังกฤษในที่สาธารณะ แน่นอนว่ามีคนที่ทำได้ดีแต่น้อยจนน่าเวทนา
โฮ่วเซิ่งหนานให้เหมยเหมยใช้ภาษาอังกฤษพูดแนะนำตัวเองโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ต้องจงใจจะให้เธอพลาดท่าอับอายขายหน้าคนอื่นอย่างแน่นอน
เพราะโฮ่วเซิ่งหนานรู้สถานการณ์ในประเทศดีและมั่นใจว่าจ้าวเหมยพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง แค่พูดออกว่า ‘สวัสดีคุณชื่ออะไร’ ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เธออมยิ้มมองเหมยเหมยด้วยสีหน้ามั่นใจอย่างออกนอกหน้าราวกับทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือของเธอ
เหมยเหมยเกลียดคนประเภทนี้มากไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง
คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือไงกัน?
มีสิทธิ์อะไรแสดงท่าทีเหยียดคนอื่นว่าเป็นเพียงแค่ปุถุชนธรรมดา?
เธอเป็นคนสร้างโลกหรือเป็นดวงอาทิตย์กันล่ะ?
เหอะ บนโลกนี้ต่อให้ไม่มีไอสไตล์ก็ไม่มีวันหยุดหมุนหรอก!
เป็นแค่หลานสาวของนายใหญ่เท่านั้นเอง แถมยังไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆด้วยซ้ำ แล้วเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนนะ?
เหมยเหมยลุกยืนมองโฮ่วเซิ่งหนานด้วยท่าทางเรียบนิ่งและตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงบริติชอย่างถูกต้องเช่นกัน “ขอบคุณสำหรับคำชมของครูค่ะ แต่ตามบทเรียนไม่ได้กำหนดไว้ว่านักศึกษาใหม่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษแนะนำตัวเองหรือเปล่า? ถ้าคุณครูอยากรู้จักฉันสามารถไปเปิดอ่านประวัติจากแฟ้มในห้องเก็บข้อมูลได้นะคะ”
อยากให้เธอแนะนำตัวเอง?
เธอไม่มีทางทำให้หรอก!
โฮ่วเซิ่งหนานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงว่าทักษะการพูดของจ้าวเหมยจะดีได้ถึงเพียงนี้ ถึงแม้จะฟังดูแปลกไปสักนิดแต่น้ำเสียงอ่อนหวานของจ้าวเหมยช่วยกลบจุดอ่อนนี้ได้ ต่อให้เป็นเธอที่ฟังแล้วยังปฏิเสธไม่ได้ว่าลำพังแค่เสียงนี้ไม่ว่าจะพูดภาษาไหนก็ไพเราะเสนาะหูอย่างมาก
น่าฟังกว่าเสียงทุ้มแหบที่เธอหลงคิดว่าเซ็กซี่ของตนมากโขเลยล่ะ!
“ทักษะการพูดของเธอไม่เลว แต่เธอคิดมากไปหรือเปล่า ก็แค่การแนะนำตัวง่าย ๆเท่านั้นเอง” โฮ่วเซิ่งหนานยิ้มกล่าวพร้อมสายตาที่ฉายแววดูถูกเล็กน้อย แม้แต่แนะนำตัวเองยังไม่กล้า สมแล้วที่มาจากตระกูลเล็กตระกูลน้อย ต่อให้มีมงกุฎก็ไม่เหมือนเจ้าหญิง
เหมยเหมยก็อมยิ้มตอบ “ยังอ่อนหัดไปหน่อย เชื่อว่าถ้าฉันไปเที่ยวต่างประเทศอีกไม่กี่ครั้งน่าจะพูดได้ดีกว่านี้”
ความหมายโดยนัยก็คือโฮ่วเซิ่งหนานอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี ดังนั้นการพูดภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่ดันเอาเรื่องนี้มาเย้ยคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน เหอเหอ…
เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของโฮ่วเซิ่งหนานเหมยเหมยอารมณ์ดีไม่หยอกเลยเอ่ยยิ้มตาหยี “แนะนำตัวเองง่ายมากก็จริงแต่ฉันไม่อยากบอกเธอโฮ่วเซิ่งหนาน!”
โฮ่วเซิ่งหนานสายตาเย็นยะเยือกตวาดเสียงดุดัน “จ้าวเหมยเธอระวังตัวให้ดี อย่าคิดว่าฉันยอมเธอครั้งเดียวเธอก็จะทำตัวเหิมเกริมได้นะ!”
“โอ๊ย…ฉันกลัวจังเลย…โฮ่วเซิ่งหนาน ต้าชิงล่มสลายไปแล้ว ตอนนี้คือสังคมประชาธิปไตย เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจากหัวเมืองใหญ่หรือไง? ทำตัวเหิมเกริม? เหอะ ไม่รู้เลยจริง ๆว่าถ้านายใหญ่รู้ว่าอยู่ข้างนอกเธออาศัยชื่อของเขาโอ้อวดข่มเหงไปทั่วคนอื่น นายใหญ่จะคิดยังไงกัน?”
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นลูบอกด้วยท่าทีหวาดกลัวไม่กี่ทีพลางทำหน้าเย้ยหยันใส่
โฮ่วเซิ่งหนานฉลาดก็จริงแต่กลับถูกผู้คนเชิดชูจนแทบไม่เห็นตำแหน่งตัวเองได้ชัดพอ!
ก็เป็นแค่หลานสาวเพราะนายใหญ่ไม่มีลูกสาวถึงได้รักและตามใจเธอไปสักหน่อย แต่—ความรักใคร่นี้จะลึกซึ้งได้สักเท่าไรเชียว?
สุดท้ายแล้วตระกูลผู้ดีพวกนี้จะมีความรู้สึกที่แท้จริงอยู่สักเท่าไรกัน?
ผลประโยชน์ต่างหากที่อยู่เหนือกว่า!
อดีตตระกูลจ้าวรักและตามใจเธอมาก แต่พอเกิดเรื่องคนแรกที่ถูกทรยศก็คือเธอ!
โฮ่วเซิ่งหนานช่างสำคัญตัวมากเกินไปแล้ว!
…………………………