ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1462 กู่เจิงระดับไฮเอนด์ + ตอนที่ 1463 ลาตินแดนซ์
ตอนที่ 1462 กู่เจิงระดับไฮเอนด์
เหมยเหมยพยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมา และยังพูดอีกว่า “โฮ่วเซิ่งหนานเจ็บหนักกว่าฉันอีก ฉันฟาดแส้ใส่เธอไปตั้งหลายที”
เหยียนหมิงซุ่นจ้องเธออย่างโมโห ผู้หญิงคนนั้นต่อให้ตายไปเขาก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าภรรยาของเขานั้นบาดเจ็บเพียงปลายขนก็ทำให้เขารู้สึกปวดใจแล้ว
“ใครเริ่มก่อน?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
“โฮ่วเซิ่งหนาน เธอจะตบหน้าฉัน ฉันถึงได้เอาคืน” เหมยเหมยมีเหตุผลพอจึงพูดได้อย่างเต็มปาก เธอทำไปเพื่อป้องกันตัว ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีเหตุผลทั้งนั้น
“เด็กดี!”
เหยียนหมิงซุ่นลูบหัวเธอ ในใจกลับคิดหาแผนการที่จะกำจัดยัยโรคจิตโฮ่วเซิ่งหนานนั่นให้ออกไปจากมหา’ลัยถึงจะวางใจได้ มิเช่นนั้นยัยโรคจิตนี่วัน ๆเอาแต่จับจ้องเหมยเหมย เขาเองต้องมีช่วงเวลาที่ดูแลไม่ได้แน่ อย่างเช่นคืนนี้
แต่หลังจากกลับถึงบ้าน เดิมเหยียนหมิงซุ่นเตรียมที่จะเพลิดเพลินกับการอาบน้ำร่วมอ่างกับภรรยาของตน แต่กลับพบว่าตามตัวเหมยเหมยปรากฏร่องรอยฟกช้ำจำนวนมาก ทำเอาดวงตาของเขาแทบลุกเป็นไฟ
เพียงแค่ขับไล่ให้ออกไปจากมหาวิทยาลัยนั้นดูจะง่ายต่อยัยโรคจิตนั่นไปหน่อย ต้องทำให้เธอไม่มีที่ยืนในฮวาเซี่ยถึงจะสาแก่ใจ
รอให้ทางเซียวเซ่อส่งข้อมูลมา เขาค่อยดูว่าจะมีวิธีการอะไรดี ๆอีกบ้าง !
“เธออดทนอีกไม่กี่วัน พี่จะหาวิธีทำให้โฮ่วเซิ่งหนานออกไปจากมหาวิทยาลัยให้ได้” เหยียนหมิงซุ่นพูดข้างหูเหมยเหมย มือก็นวดบริเวณฟกช้ำให้เธอไม่หยุดเพื่อกระจายลิ่มเลือด ทำให้ปวดจนเหมยเหมยน้ำตาเล็ด
“…เจ็บ…ฉันไม่อยากนวดแล้ว…อีกไม่กี่วันมันก็จะหายเอง”
เหมยเหมยอัดอั้นเสียเป็นไหน ๆ เริ่มจากถูกต่อยไปหลายหมัด แล้วตอนนี้ยังมาเจอแรงนวดของเหยียนหมิงซุ่น ปวดยิ่งกว่าการถูกต่อยก่อนหน้านั้นอีก
เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นก็นึกขำ แรงที่ฝ่ามือไม่มีลดหย่อนเลยแต่น้ำเสียงกลับนุ่มนวลมาก “พี่บีบนวดแบบนี้ พรุ่งนี้รอยจ้ำเลือดก็หายแล้ว ถ้าหายเองต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ยอมเจ็บเพียงชั่วครู่ดีกว่าต้องทนเจ็บระยะยยาวนะ”
เหมยเหมยซบอยู่ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่นร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด กล้าโมโหแต่ไม่กล้าเอ่ยปาก
อันที่จริงตัวเธอยอมทนเจ็บระยะยาวดีกว่า!
ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของยัยโรคจิตโฮ่วเซิ่งหนาน ต่อไปนี้ถ้าเธอได้เจอหน้าหนึ่งครั้งเท่ากับอับอายหนึ่งครั้ง!
เหมยเหมยสาปแช่งโฮ่วเซิ่งหนานอยู่หลายครั้ง การนวดของเหยียนหมิงซุ่นรวมกับน้ำอุ่น ทำให้เธอค่อย ๆคืบคลานเข้าสู่ห้วงนิทรา และนอนหลับคาอยู่ในอ่างอาบน้ำเสียอย่างนั้น เหยียนหมิงซุ่นช่วยล้างตัวให้เธอจนสะอาดด้วยการกระทำที่แสนจะนุ่มนวล จากนั้นอุ้มมาวางบนเตียง สวมกอดเธอไว้แล้วหลับไปพร้อมกัน
วันถัดมาในช่วงสายมีคาบเรียนภาษาอังกฤษ แต่โฮ่วเซิ่งหนานไม่ได้เหมือนครั้งก่อน ๆที่มักทำให้เหมยเหมยอึดอัด ทั้งคาบนั้นอยู่ในความสงบ แต่เหมยเหมยรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องอยู่ในวังวนสกปรกคงคิดกำลังว่าจะจัดการกับเธอเช่นไร
ตอนเที่ยงช่วงพักผ่อนกันอยู่ในหอพัก สีอันน่าถามขึ้นกะทันหัน “สวีจื่อเซวียน งานเลี้ยงต้อนรับเธอเตรียมการแสดงอะไรหรือ?”
สวีจื่อเซวียนมีท่าทีเย็นชาเหมือนดั่งเดิม “ไม่มีอะไร แค่เล่นกู่เจิง”
“เธอเล่นกู่เจิงได้ด้วย เยี่ยมมากเลย!”
สีอันน่าชูนิ้วโป้งให้รู้สึกเกินคาดไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าคนอย่างสวีจื่อเซวียนที่มาจากตำบลเล็ก ๆจะเล่นกู่เจิงที่เป็นเครื่องดนตรีระดับไฮเอนด์ได้
สวีจื่อเซวียนยิ้มขำอย่างไม่เห็นด้วยนัก “เล่นกูเจิงได้มีอะไรเยี่ยมนักหนา”
สีอันน่านิ่งค้างไป ทำไมฟังดูแล้วทะแม่ง ๆจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองสวีจื่อเซวียนนานขึ้น ซึ่งยังคงเป็นเหมือนเดิม เงียบขรึมเย็นชา บนใบหน้าเขียนไว้ชัด ‘คนนอกห้ามรบกวน’ จึงได้ปิดปากเงียบด้วยความโมโห
แต่เมื่อเธอยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ ที่ปล่อยให้รูมเมทที่มาจากตำบลเล็ก ๆดูถูกเอาได้ เธอจะทนได้อย่างไรเล่า?
“พวกเธอรู้หรือยัง? อาจารย์ภาษาอังกฤษก็จะร่วมการแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับด้วยนะ!?” สีอันน่าเปิดการสนทนาก็เอ่ยถึงโฮ่วเซิ่งหนานขึ้นมาทันที ทุกคนต่างก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา
“อาจารย์ภาษาอังกฤษจะแสดงอะไร? ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยถามอย่างเหลือเชื่อ
สีอันน่าจึงโมโหขึ้นมา “แน่นอนสิว่าต้องเป็นเรื่องจริง ประธานของเราพูดเองเลย เขาเป็นพิธีกรของงานเลี้ยงต้อนรับเลยนะ โดยบอกว่าอาจารย์โฮ่วรับปากที่จะแสดงลาตินแดนซ์ในงานให้ คู่เต้นดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของเธอ คงเป็นหนุ่มสุดหล่อชาวต่างชาติมั้ง!”
………………………………………………
ตอนที่ 1463 ลาตินแดนซ์
“ลาติน? โอ้โหว ครั้งนี้พวกเราคงได้เปิดหูเปิดตาแล้วล่ะ ฉันคิดว่าอาจารย์โฮ่วต้องเต้นลาตินแดนซ์ได้ดีมากแน่” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
สีอันน่าเข้าชมรมสุนทรพจน์ ซึ่งชมรมนี้มีบทบาทในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก เครือข่ายก็ใหญ่ที่สุด นั่นเพราะประธานชมรมเป็นเดือนของมหาวิทยาลัยและถือว่ามีบทบาทสำคัญ ปกติแล้วงานใหญ่ ๆของทางมหาวิทยาลัยล้วนเป็นเขาที่รับหน้าที่เป็นพิธีกรในงาน
ดังนั้นแล้ว การที่โฮ่วเชิ่งหนานเข้าร่วมแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับนั้นคงจะเป็นเรื่องจริง
ถังม่านลี่กลับไม่เข้าใจว่าอะไรคือลาติน สภาพจิตใจของเธอยังคงดีอยู่ เมื่อวานจะเป็นจะตาย เพียงชั่วข้ามคืนก็กลับมาเป็นปกติได้เหมือนอย่างแต่ก่อน เพียงแค่ไม่สนใจเหมยเหมย
“ลาตินคืออะไร?” ถังม่านลี่เอ่ยขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม
เดิมทีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกิดอาการเบื่อหน่าย แต่พอเห็นดวงตาของถังม่านลี่ที่ยังคงบวมแดงอยู่เล็กน้อยก็เกิดใจอ่อนขึ้นมา รู้สึกว่ายัยบ้านนอกคอกนานี่ก็น่าสงสารเหมือนกัน แม้จะเป็นเพราะตัวเธอรนหาที่ตายเองและไม่ควรจะเห็นใจ แต่ใครใช้ให้คุณหนูเหริ่นอย่างเธอเป็นคนใจดีกันเล่า!
“การเต้นรำประเภทหนึ่งของชาวต่างชาติเป็นการเต้นระหว่างชายหญิงและให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มตาม โธ่เอ๊ย พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจ รอให้ถึงงานเลี้ยงต้อนรับเธอรอดูอาจารย์โฮ่วเต้นก็รู้เอง”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดตั้งนานสองนาน ถังม่านลี่ก็ยังคงมึนงง เธอจึงรู้สึกเสียอารมณ์
ถังม่านลี่จึงไม่กล้าถามอีก เพียงแอบหวังว่างานเลี้ยงต้อนรับจะมาถึงในเร็ววัน แบบนั้นจะทำให้เธอได้เรียนรู้ถึงความรู้ใหม่ ๆได้
สีอันน่าจงใจพูด “ฉันคิดว่างานเลี้ยงต้อนรับจะต้องเป็นงานที่ทำให้อาจารย์โฮ่วโดดเด่นมากแน่ ๆ เพราะเธอมีเสน่ห์บางอย่างในตัวอยู่แล้ว ต่อให้ยืนอยู่เฉย ๆก็สามารถทำให้ผู้คนละสายตาไปไหนไม่ได้เลย”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลย แต่กลับมองอย่างเอือมระอา
อาจารย์ภาษาอังกฤษและเหมยเหมยไม่ลงรอยกัน เธอไม่มีทางพูดจาโง่ ๆแบบนั้นเพื่อหาเรื่องเหมยเหมยหรอก!
อีกอย่างใจจริงของเธอนั้นไม่ได้รู้สึกว่าโฮ่วเชิ่งหนานสวย รูปลักษณ์ท่าทีก็ถือว่าไม่เลว เค้าโครงหน้าก็แค่นั้น เทียบไม่ได้กับเธอเลย!
เธอคิดว่าหากตัวเองผอมลงจะต้องสวยกว่าโฮ่วเชิ่งหนานแน่ มีคำพูดหนึ่งพูดว่าอย่างไรนะ คนอ้วนล้วนเป็นดั่งหุ้นที่เปี่ยมด้วยศักยภาพนี่!
เหมยเหมยแกล้งหลับอยู่บนเตียง จึงได้ยินคำพูดเหล่านี้อย่างชัดเจนพลันขบคิดไม่หยุด
ช่วงเวลานี้ต่อให้เป็นมหานครใหญ่อย่างเมืองหลวงคนที่เต้นลาตินแดนซ์ได้ก็น้อยนิด อีกทั้งผู้คนจำนวนมากก็เป็นเหมือนถังม่านลี่ แม้แต่ลาตินคืออะไรก็ยังไม่รู้ ยิ่งกว่านั้นคือไม่เคยเห็น
โฮ่วเชิ่งหนานจงใจเลือกเต้นลาตินแดนซ์ในงานเลี้ยงต้อนรับ จุดประสงค์ก็คงไม่พ้นเรื่องดึงดูดสายตาคนอื่น หากพูดตรง ๆก็เพื่อทำให้ตัวเองโดดเด่นนั่นแหละ
เป้าหมายเดียวในการมีชีวิตอยู่ของผู้หญิงคนนี้ก็คงเพื่อให้ตัวเองโดดเด่น!
ทั้ง ๆที่เป็นอาจารย์ ยังคิดที่จะเข้าไปวุ่นวายในงานเลี้ยงของนักเรียนอีก เหอะ ก็คิดได้แค่นี้!
คำพูดของสีอันน่าได้เตือนสติเหมยเหมย เป็นไปได้ว่าโฮ่วเชิ่งหนานอาจจะใช้การเต้นลาตินมาเป็นตัวช่วยในการดึงดูดสายตาผู้คนในงานเลี้ยง นางผู้หญิงคนนี้คงภาคภูมิใจมากสินะ?
เหมยเหมยกัดฟันแน่น เธอไม่ควรปล่อยให้นางผู้หญิงคนนี้ได้ใจไปมากเกิน เธออยากจะโดดเด่นนักไม่ใช่หรือ?
ไม่ปล่อยให้เธอได้ประสบความสำเร็จหรอก!
ระหว่างทางที่เดินไปเรียนในช่วงบ่าย เหมยเหมยได้พูดกับฉีฉีเก๋อ “เธอช่วยบอกฉางชิงซงแทนฉันหน่อยว่าฉันตกลงที่จะร่วมแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับด้วย”
ฉีฉีเก๋อดีใจเป็นอย่างมาก จึงถามเธอว่าจะแสดงอะไร
เหมยเหมยคิดไปคิดมา ก่อนจะตอบ “ระบำกลอง!”
นี่เป็นสิ่งที่เธอขบคิดมาเนิ่นนานเมื่อครู่ ในเมื่อไม่อยากให้โฮ่วเชิ่งหนานโดดเด่น เพราะงั้นการแสดงของเธอจะต้องโดดเด่นและเป็นที่จับตามองของผู้คนมากกว่าการแสดงของโฮ่วเชิ่งหนาน อีกอย่างหนึ่งคือโฮ่วเชิ่งหนานต้องการพึ่งพาความยิ่งใหญ่ของการเต้นแบบตะวันตกเพื่อเรียกร้องให้ผู้คนสนใจ งั้นเธอก็จะแสดงการเต้นรำแบบดั้งเดิมของฮวาเซี่ย
ระบำกลองเป็นการเต้นที่มีชื่อเสียงของอาจารย์ไต้ผิ่นเหลียนที่เป็นปรมาจารย์ด้านการเต้น เป็นผลงานที่คุณไต้ศึกษาจากข้อมูลเอกสารจำนวนมาก ดัดแปลงมาจากการเต้นแบบโบราณ ทุกครั้งที่ขึ้นแสดงจะได้เสียงปรบมือต้อนรับกึกก้อง และเป็นผลงานที่ถูกนักเต้นรำคนอื่นลอกเลียนแบบ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครแซงหน้าได้
แต่คุณไต้กลับได้ถ่ายทอดทักษะไม้เด็ดอันมีชื่อเสียงของเขาให้กับเหมยเหมย ทั้งยังบอกอีกว่าเหมยเหมยนั้นมีจิตวิญญาณของเขาอยู่ในตัว
……………………………………………………..