ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1466 ฉันเต้นดีกว่าหล่อนอีก + ตอนที่ 1467 โลกได้ล่มสลายไปในทุกวัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1466 ฉันเต้นดีกว่าหล่อนอีก + ตอนที่ 1467 โลกได้ล่มสลายไปในทุกวัน
ตอนที่ 1466 ฉันเต้นดีกว่าหล่อนอีก
นอกจากเฮ่อเหลียนชิง ด้านล่างเวทียังมีเหล่าศาสตราจารย์ที่คุณธรรมสูงส่งมีชื่อเสียงมากมาย พวกเขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยชินตานัก ขนาดยังปิดบั้นท้ายไม่ได้ ของแบบนี้ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้อีกหรือ?
สู้ไม่ใส่ยังจะดีเสียกว่า!
แต่เหล่านักเรียนวัยรุ่นหนุ่มสาวกลับตื่นตาตื่นใจกันถ้วนหน้า ตบมือจนฝ่ามือแดงแปร๊ด ดวงตาทอประกายแสงสีเขียว ถ้าไม่ใช่เพราะกฎระเบียบไม่ให้โห่ร้องเสียงดัง หลังคาของหอประชุมใหญ่คงถูกรื้อถล่มลงมาแล้ว
“ทรวดทรงของอาจารย์โฮ่ว…เซ็กซี่ชะมัดเลย…” มีคนคำรามเสียงต่ำออกมาอย่างตื่นเต้น นั่นก็คือหนึ่งในเพื่อนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างโจวซื่อซิน ซึ่งเวลานี้คลุ้มคลั่งเหมือนคนโรคลมชักกำเริบ
โจวซื่อซินกลับไม่ได้สนใจเพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงเจนโลกแบบนี้นัก เขาชอบผู้หญิงแบบถังม่านลี่มากกว่า สัดส่วนรูปร่างดีแต่กลับไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน เป็นผู้หญิงที่แค่เอาใจนิดหน่อยก็ได้มาอยู่ในเงื้อมมือแล้ว
พูดง่าย ๆก็คือคุณชายโจวอย่างเขาผ่านประสบการณ์โชกโชนมาได้ แต่ผู้หญิงกลับเป็นได้แค่สาวบริสุทธิ์ที่สะอาดสะอ้านเท่านั้น
เขาไม่ได้มีความชอบใส่ของมือสองสักหน่อย
ผู้หญิงอย่างโฮ่วเซิ่งหนาน ต่อให้จะหน้าตาสะสวยราวกับนางฟ้า เขาก็คงไม่สนใจ ยิ่งไปกว่านั้นโฮ่วเซิ่งหนานเองก็หน้าตางั้น ๆด้วย
จังหวะดนตรีค่อย ๆเร่งเร็วขึ้น โฮ่วเซิ่งหนานหมุนไม่หยุด เศษผ้าอันน้อยนิดที่น่าสงสารนั้นหมุนราวกับกังหันลม แต่กลับยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่และวาบหวิวขึ้นกว่าเดิม
สายตาของเหล่านักเรียนชายพวกนั้นมองตรงไม่วางตา ปากอ้าค้างเล็กน้อย ตะลึงนิ่งงั้นราวกันรูปปั้นไก่ไม้
“ไม่ได้เรื่องเลย…เหมือนตัวอะไรเนี่ย…นี่มันต่างกับระบำเปลื้องผ้าไงเหรอ? นี่…ใครก็ได้…เธอมานี่สิ!”
เฮ่อเหลียนชิงยิ่งเห็นก็ยิ่งส่ายศีรษะแล้วกวักมือเรียกอธิการที่อยู่ด้านข้าง อย่าเห็นว่าพอเขาอยู่ที่อื่นแล้วเปิดกว้างหัวสมัยใหม่นักเลย แต่มีจุดนี้จุดเดียวที่เขาเหมือนกับชายชาวฮวาเซี่ยส่วนใหญ่ที่ชอบมีแนวคิดอัตวิสัยเชิงบุรุษนิยม[1]
ต่อให้ผู้หญิงอยากเปิดเผยในที่สาธารณะมากแค่ไหนก็ต้องรู้จักสำรวมบ้าง ที่ควรปิดก็ปิดให้มิดชิด ที่ไม่ควรเปิดก็อย่าเปิด และเพราะเช่นนี้เฮ่อเหลียนชิงถึงไม่ชอบดาราผู้หญิงที่สุด เห็นทีไรเป็นต้องหงุดหงิดทุกที
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่สวมใส่ แค่เฮ่อเหลียนชิงเห็นผู้หญิงใส่ชุดวาบหวิวโชว์เนื้อหนังบนโทรทัศน์ เขาก็จะก่นด่าว่าเป็นพวกทำลายขนบธรรมเนียมประเพณี และยังลอบถอนหายใจที่ขนบธรรมเนียมประเพณีถูกทำลายลงทุกวัน
แต่ชุดที่โฮ่วเซิงหนานใส่ในตอนนี้วาบหวิวกว่าพวกดาราผู้หญิงที่อยู่ในโทรทัศน์นั้นเยอะ ควรจะพูดว่าชุดเต้นชุดนี้ของเธอ ต่อให้อยู่ต่างประเทศก็ถือว่าโชว์วาบหวิวมากเกินไป ไม่ใช่ชุดเต้นที่ใช้กันในยามปกติ และแน่นอนว่าโฮ่วเซิ่งหนานเลือกชุดนี้ก็เพื่อจะได้เฉิดฉาย
เหตุผลนี้ก็เหมือนกับดาราสาวมากมายที่แกล้งหกล้มหรือเหยียบชายกระโปรงในตอนนี้เพื่อให้เป็นจุดสนใจ
ความคิดของโฮ่วเซิ่งหนานง่ายมาก ในชีวิตประจำวันของเธอไม่มีทางทำแบบนี้ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นจึงทำได้แค่ห้ามผิดกฎระเบียบ แต่บนเวทีเธอต้องกลายเป็นจุดสนใจต่อให้จะมีคนตำหนิ เธอก็จะพูดว่าเพื่องานศิลปะ
นี่เป็นเหตุผลที่เปิดกว้างนักเชียวล่ะ!
เพื่อให้ได้รู้ศักยภาพที่แท้จริงของศัตรู เหมยเหมยจึงแอบหลบดูอยู่ตรงด้านล่างม่านฉาก เธอพอจะมองออกว่าข้อพับของโฮ่วเซิ่งหนานยังแข็งทื่ออยู่ อันที่จริงเต้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก มีหลายจุดที่ทำลวก ๆให้ผ่านไปและไม่ได้ทำตามหลักการเลยสักนิด
ในทางกลับกันพอลคู่เต้นของเธอกลับมีท่วงท่าทรงเสน่ห์ เพราะน่าจะเคยได้รับการฝึกฝนเฉพาะทางมาก่อน และหากไม่มีพอลเป็นตัวชี้นำคงมีหลายท่าที่โฮ่วเซิ่งหนานทำสำเร็จได้ยาก และนั่นก็ยิ่งทำให้ไม่น่าดูเลยสักนิด
เหมยเหมยเข้าใจอยู่บ้างว่าเหตุใดโฮ่วเซิ่งหนานถึงเลือกชุดเต้นแบบนี้ นั่นก็เพื่อให้สายตาของทุกคนจับจ้องมาอยู่ที่เรือนร่างของเธอ แต่ไม่ใช่ท่วงท่าในการเต้น
ดั่งที่ว่าคนนอกมักจะดูเพียงภายนอก แต่คนในมักจะดูที่หลักวิธีการ
ถึงแม้เหมยเหมยจะไม่เคยฝึกระบำลาตินอย่างตั้งใจนัก แต่แค่แวบเดียวก็มองออกว่าโฮ่วเซิ่งหนานไม่ใช่มืออาชีพ เธอไม่ได้ขี้โม้หรอกนะ——
“ฉันเต้นได้ดีกว่าหล่อนอีก!”
เหมยเหมยหันหน้าไปพูดกับเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างกายด้วยสีหน้ามั่นใจและภาคภูมิอย่างเหลือล้น
……………………………………..
ตอนที่ 1467 โลกได้ล่มสลายไปในทุกวัน
เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับลาตินแดนซ์เลย แล้วก็ไม่รู้ว่าดีหรือเปล่า แต่เขามีความรู้สึกเหมือนกับเฮ่อเหลียนชิงที่ไม่อาจทนมองชุดเศษผ้าบนตัวโฮ่วเซิ่งหนานได้ หากผู้หญิงประเภทนี้เป็นคู่หมั้นของเขา เหนือศีรษะของเขาคงได้มีม้าศึกนับพันหมื่นตัววิ่งวนอึกทึกแน่
ดูท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมของโฮ่วเซิ่งหนานกับพอลในตอนเต้นสิ สำหรับเขาแล้วท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้มีเพียงแค่คู่สามีภรรยาหรือคนรักเท่านั้นที่จะทำได้ ต่อให้โฮ่วเซิ่งหนานจะทำเพื่อศิลปะการแสดงเขาก็ไม่ชอบอยู่ดี
ไม่ใช่นักเต้นรำเสียหน่อย จะมาทำศิลปะบ้าบออะไรกันเล่า?
ต่อให้เป็นศิลปะก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยบนเวทีขนาดนั้น กอดกับฝรั่งตาน้ำข้าวเสียแน่น ท่าทีก็ดูคลุมเครือขนาดนั้น…
ช่างไม่รู้สึกละอายใจเอาเสียเลย!
“แน่นอน เหมยเหมยเต้นเก่งกว่าเขาเป็นร้อยเท่า ไม่ต้องดูแล้วเสียสายตา ไปนั่งก่อนเถอะ”
เหยียนหมิงซุ่นเห็นด้วยมาก มองดูเหมยเหมยที่แต่งตัวแต่งหน้าเสร็จอย่างชื่นชม ชุดเต้นรำสีแดงราวดอกบัวสีแดงเพลิง ซึ่งเหมยเหมยก็คือนางฟ้าที่ได้ร่ายรำอยู่บนดอกบัว เดิมทีช่างแต่งหน้าจะแต่งแต้มเหมยฮวาให้เธอ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้แต้ม
โดยบอกว่าไฝสีแดงของเหมยเหมยงดงามพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องแต่งเติมจนเกินจำเป็น
พอสวมใส่ชุดเต้นรำ รวบเก็บมวยผมให้เข้าที่ เหยียนหมิงซุ่นแทบจะละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
เหมยเหมยในเวลาปกติก็สวยมากอยู่แล้ว แต่บัดนี้กลับงามเสียจนเขานั้นอยากอุ้มเธอกลับบ้านเสียเดี่ยวนี้ ซุกซ่อนเอาไว้ตลอดกาล ไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นถึงความงามของเธอแม้แต่นิดเดียว
เหมยเหมยหันไปส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่น ชอบที่สุดคือการได้ฟังคำพูดหวาน ๆที่เขามักใช้เอาใจเธอ
ทำนองเพลงด้านหน้าค่อย ๆเบาจนจบลงและเสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังกระหึ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งบอกได้ว่าการแสดงของโฮ่วเซิ่งหนานประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เฮ่อเหลียนชิงเรียกอธิการที่กลัวจนตัวสั่นเข้ามา แววตาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย บ่าพึมพำตำหนิออกไป “มหาวิทยาลัยของคุณทำอะไรลงไป? แค่สิบกว่าปีที่ผมไม่ได้มาที่นี่ กระแสนิยมที่นี่ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วหรือ ห๊ะ?”
อธิการเหงื่อไหลพรากดั่งฝนโปรย แต่ก็ไม่กล้ายกมือขึ้นมาเช็ด ทนเก็บความทุกข์ระทมไว้กับตัว
หากเขารู้แต่แรกว่าพระโพธิสัตว์รูปนี้จะมางานเลี้ยง เขาต้องไปสอบถามถึงการแสดงในงานเลี้ยงด้วยตัวเองแน่ แต่ในโลกนี้ใครมันจะตรัสรู้ไปทุกอย่างเล่า!
ทุกวันนี้เขามัวแต่งานยุ่ง ให้ตายเถอะใครจะรู้ว่าโฮ่วเซิ่งหนานจะเต้นลาตินแดนซ์ที่ขัดต่อประเพณีและศีลธรรมอันดีแบบนี้ได้ แต่หากเธอจะเต้นก็ได้แต่ช่วยสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดหน่อยไม่ได้หรือไง?
อธิการเกิดรู้สึกโกรธแค้นต่อโฮ่วเซิ่งหนานอยู่ในใจลึก ๆ อย่าคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กบ้านนอกที่ไม่เคยไปต่างประเทศ ชาวต่างชาติที่เต้นลาตินแดนซ์ก็ไม่ได้แต่งตัวโชว์เนื้อหนังถึงเพียงนี้นี่!
เฮ่อเหลียนชิงตักเตือนอธิการที่มีอายุมากกว่าเขาไปพักใหญ่ นั่นถึงทำให้เกิดความสงสารแล้วโบกมือให้เป็นนัย ๆ “ไปเถอะไปเถอะ กลับไปก็จัดการกับกระแสนิยมของโรงเรียนให้ดีล่ะ ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย”
“ครับครับครับ…รอให้ถึงงานเลี้ยงปีใหม่ท่านค่อยกลับมาอีกครั้ง ภาพพจน์จะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน” อธิการราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก โชคดีที่ท่านอารมณ์ดีไม่น้อย ไม่ใช่ว่าเอาแต่บ่นไม่จบไม่สิ้น
แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าอีกสักพักจะต้องไปกำชับกับผู้ช่วย การแสดงของโฮ่วเซิ่งหนานไม่ควรออกอากาศในโทรทัศน์เด็ดขาด
ตลกหรือไง หากว่าออกอากาศไป จะให้เขามีชีวิตเหลืออยู่อีกหรือ?
มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นถึงมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของเฮ่อเหลียนชิง พระโพธิสัตว์รูปนี้มีหวังได้ทำลายอธิการอย่างเขาทิ้งแน่
โฮ่วเซิ่งหนานพึงพอใจต่อปฏิกิริยาอันกระตือรือร้นของนักเรียนหน้าเวทีเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ ดูเหมือนเธอจะต้องเป็นดั่งดาวดวงนั้นที่สว่างไหวแพวพราวที่สุดในค่ำคืนนี้
“ยินดีด้วย เจสสิก้า!” พอลกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูเธอ ในแววตามากด้วยความร้อนรุ่ม
โฮ่วเซิ่งหนานหันไปกระพริบตาส่งให้เขา พร้อมกับเบนหน้าหนีสายตาของพอลและเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณนายมาก พอล วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวนายเอง”
หากไม่ใช่เพราะเถียนมู่เต้นลาตินแดนซ์ไม่เป็น เธอคงไม่มีทางไปหาผู้ชายที่ล้มละลายจนสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างคนแบบนี้หรอก ตอนนี้ยังคิดที่จะร่วมเตียงกับเธออีก?
เหอะ ช่างเพ้อฝันเกินตัวสิ้นดี!
แววตาของพอลเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พลันหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง แต่ไม่นานก็เป็นเหมือนปกติ ฮวาเซี่ยไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงเลย และต่างก็เป็นสาวพรหมจารีบริสุทธิ์เหนือกว่าโฮ่วเซิ่งหนานหลายร้อยเท่า
ชีวิตน้อย ๆในแต่ละวันของเขานั้นกระชุ่มกระชวยจะตายไป!
……………………………………………….
[1] เป็นแนวคิดที่ยึดผู้ชายเป็นศูนย์กลางชี้นำทุกอย่าง