ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1468 เธอรู้ไดยังไงว่าฉันไม่เข้าใจลาตินแดนซ์ + ตอนที่ 1469 เด็กน้อยด้อยวิชา
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1468 เธอรู้ไดยังไงว่าฉันไม่เข้าใจลาตินแดนซ์ + ตอนที่ 1469 เด็กน้อยด้อยวิชา
ตอนที่ 1468 เธอรู้ไดยังไงว่าฉันไม่เข้าใจลาตินแดนซ์
โฮ่วเซิ่งหนานสวมเสื้อคลุมตัวบางทับไว้แต่ไม่ได้ติดกระดุม ความอวบอิ่มที่พร้อมจะทะลักออกมายังคงให้ความรู้สึกขัดต่อสายตา ผิวสีข้าวสาลีนั้นปกชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดละเอียด หายใจถี่อยู่เล็กน้อย เธอเลี้ยวตรงไปยังด้านหน้าของเหมยเหมย พร้อมกับเอ่ยทักทายเหยียนหมิงซุ่น
“เมื่อกี้คุณดูการแสดงของฉันหรือยัง?” น้ำเสียงของโฮ่วเซิ่งหนานแหบทุ้ม ยืนนิ่งตัวตรง ตามมาด้วยอาการหอบเหนื่อยของเธอ เศษผ้าน่าสงสารเพียงไม่กี่ชิ้นนั้นราวกับจะขาดวิ่นได้ในทุกเวลา
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น แววตาชำเลืองมองไปทางเหมยเหมย นั่นถึงทำให้รู้สึกสบายใจ
เมื่อครู่นี้เขาแทบจะอ้วก
เหมยเหมยลุกขึ้นมายืนบังอยู่ด้านหน้าของเหยียนหมิงซุ่น มองเหยียดโฮ่วเซิ่งหนานที่คิดว่าตัวเองนั้นแสนดี พร้อมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่หมิงซุ่นอยู่กับฉันตลอด จะเอาเวลาไหนไปดูการแสดงไร้มืออาชีพของเธอได้ล่ะ เสียสายตา”
“จ้าวเหมยเธอรู้ไหมว่าอะไรคือลาติน? เธอกล้าที่จะประเมินว่าฉันไม่ใช่มืออาชีพ? เธอคิดว่าตัวเองความสามารถสูงส่งเลยกล้างั้นสิ หรือแค่เป็นดั่งลูกวัวที่เกิดมาแล้วไม่กลัวเสือ[1]กันแน่!
โฮ่วเซิ่งหนานเผยรอยยิ้มเย็นชา ในแววตาฉายแววดูถูก แน่นอนว่าเธอนั้นรู้ดีว่าการเต้นแบบลาตินของเธอนั้นไม่ใช่มืออาชีพ แต่แล้วจะทำไมล่ะ?
บัดนี้ในฮวาเซี่ยมีกี่คนที่สามารถดูออก?
เด็กบ้านนอกคอกนาอย่างจ้าวเหมยต้องจงใจพูดแบบนี้แน่ ๆ เธอคงไม่เคยดูแม้กระทั่งลาตินแดนซ์มืออาชีพสิท่า?
เหมยเหมยหัวเราะเบา ๆ “โฮ่วเซิ่งหนาน เป็นลาตินแดนซ์ที่บิดกายเพียงไม่กี่ท่าเท่านั้นเอง? เธอคิดว่าตัวเองเต้นได้ดีขนาดนั้นเลยหรือ? อาศัยอยู่ต่างประเทศมาหลายปีก็เท่านั้น คิดว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติไปแล้วหรือไง? เหอะ…เธอจำไว้นะ ไม่ว่าเธอจะอยู่ต่างประเทศมานานแค่ไหน เธอก็ยังเป็นชาวฮวาเซี่ยที่มีผมสีดำผิวสีเหลือง เธออย่ามาทำตัวเหนือกว่าต่อหน้าฉันเลย!”
เหยียนหมิงซุ่นมองภรรยาของตนอย่างชื่นชม พูดได้ดีมาก!
เขามองเห็นได้ว่าในอีกยี่สิบปีข้างหน้า ฮวาเซี่ยจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจระดับนานาชาติ ใครก็ไม่แม้นจะกล้าดูถูก!
เหมือนโฮ่วเซิ่งหนานที่เป็นดั่งผู้หญิงตะวันตกรักในชีวิตอิสระ ช่างอับอายขายขี้หน้าต่อประเทศนัก แล้วก็อับอายขายขี้หน้าต่อนายใหญ่ด้วย
“จ้าวเหมยเธออย่าเพิ่งอ้างถึงเหตุผลอันสูงส่งพวกนี้ ฉันไม่เคยพูดว่าฉันไม่ใช่ชาวฮวาเซี่ย แต่กลับกันที่ฉันอยู่ต่างประเทศแล้วคอยเผยแพร่วัฒนธรรมของฮวาเซี่ยมาตลอด ตอนนี้พวกเราพูดถึงลาตินแดนซ์ เธอไม่เข้าใจลาตินแดนซ์แล้วทำไมถึงบอกว่าฉันเต้นได้ไม่เป็นมืออาชีพล่ะ?”
โฮ่วเซิ่งหนานมองเหมยเหมยอย่างเย้ยหยัน แต่งตัวได้ดูยิ่งใหญ่ดีหรอก แต่แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเพียงแค่ที่รองกระถางดอกไม้ เธอชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าหล่อนจะเต้นได้มีระดับสักแค่ไหน!
พอลเดินตามเข้ามา เมื่อเห็นเหมยเหมยเข้าจึงเกิดอาการตาค้าง ในดวงตาฉายแววลุ่มหลง
ช่างงดงามยิ่งนัก!
เหมือนดั่งเทพเซียนในตำนานของฮวาเซี่ยเลย!
แต่เขากลับถูกแช่แข็งจนได้สติอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นเทิ้ม เนื่องจากเห็นเหยียนหมิงซุ่นที่แผ่ซ่านไอแห่งความหนาวเหน็บออกมาทั่วร่างกาย แม้จะไม่รู้จักชายผู้นี้ แต่พอเห็นการแสดงความเป็นเจ้าของที่เขามีต่อเหมยเหมย จึงรู้ได้ว่าชายผู้นี้และเหมยเหมยไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบตื้นเขิน
พอลก็ได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเปลี่ยนไปมากแล้วจึงไม่กล้ายั่วยุต่อนักเลงประจำถิ่นของฮวาเซี่ยได้ ชายข้างกายของเหมยเหมยนั้นแค่ดูก็รู้ว่าไม่ควรข้องเกี่ยวด้วย
คำพูดของเหมยเหมยเขาเองก็ได้ยินหมด ความจริงแล้วเขาก็เห็นด้วย โฮ่วเซิ่งหนานเต้นไม่ค่อยช่ำชองนัก ทั้งหมดเป็นเขาที่ชี้นำ ไม่เช่นนั้นโฮ่วเซิ่งหนานคนเดียวไม่มีทางเต้นได้จนจบเพลงแน่
ดูเหมือนว่าจ้าวเหมยจะมีความรู้เกี่ยวกับลาตินแดนซ์พอสมควร แต่โฮ่วเซิ่งหนานกลับคิดว่าเธอพูดจาไร้สาระ จ้าวเหมยพูดถูก ความคิดเองเออเองของผู้หญิงคนนี้มีมากเกินไปหน่อย!
พอลไม่ได้เตือนสติอะไรโฮ่วเซิ่งหนาน เขาชักอยากจะเห็นผู้หญิงจองหองคนนี้ขายขี้หน้าขึ้นมาเสียแล้วสิ!
ใครใช้ให้เธอมาดูถูกเขากันเล่า
เหมยเหมยหัวเราะไปที “โฮ่วเซิ่งหนาน เธอมักชอบคิดเองเออเองอยู่เรื่อย ฉันบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันไม่เข้าใจลาตินแดนซ์? ถ้าฉันไม่เข้าใจจริง ๆจะรู้ได้ยังไงว่าเธอเต้นได้ดีหรือเปล่า? เธอนี่เป็นมนุษย์หัวสมองหมูหรือไง?”
……………………………………………….
ตอนที่ 1469 เด็กน้อยด้อยวิชา
โฮ่วเซิ่งหนานนิ่งค้างไปแต่กลับหัวเราะร่าอย่างรวดเร็ว เธอไม่เชื่อเลยสักนิดว่าเหมยเหมยเต้นลาตินแดนซ์ได้ ตอนนี้แม้แต่ในฮวาเซี่ยนักเต้นมืออาชีพบางคนยังเต้นรำประเภทนี้ไม่ได้เลย!
จ้าวเหมยเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาที่เติบโตมาในครอบครัวเล็ก ๆ ต่อให้หลังจากนั้นได้กลับเข้ามาอยู่ในตระกูลจ้าว แต่ตระกูลจ้าวก็เติบใหญ่ได้เพียงเพราะความสามารถของตนเอง คงไม่มีทางให้จ้าวเหมยร่ำเรียนลาตินแดนซ์ได้แน่ เพราะงั้นโฮ่วเซิ่งหนานจึงมั่นใจว่าจ้าวเหมยจะต้องจงใจหลอกเพื่อข่มขู่เธอแน่นอน!
เธอโฮ่วเซิ่งหนานจะโดนหลอกง่าย ๆได้อย่างไรกัน?
“เจ้าเหมยเธออย่าเอาแต่พูดเปล่า ในเมื่อเธอพูดหลักการออกมาได้เต็มปาก งั้นเธอก็คงจะเต้นลาตินแดนซ์ได้อย่างเป็นมืออาชีพสินะ ไม่ลองแสดงให้ทุกคนดูสักหน่อยล่ะ?” โฮ่วเซิ่งหนานตอกกลับไปหนึ่งหมัดพลางมองเหมยเหมยอย่างได้ใจ
แต่เหมยเหมยกลับไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกตามอย่างที่เธอต้องการ โฮ่วเซิ่งหนานจึงผิดหวังไปบ้าง แต่เธอยังคงคิดว่าเหมยเหมยนั้นคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งเลยทำปากแข็งไม่หยุด ความตายใกล้เข้ามาเยือนยังหัวรั้นอยู่ได้ ความกล้าหาญช่างมากล้นเสียจริง!
แต่กลับไม่เจียมตัว!
เหมยเหมยรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีความคิดอะไรอยู่จึงนึกเยาะเย้ยในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออก ทั้งยังแสร้งทำทีเป็นตื่นตระหนก และแน่นอนว่าในแววตาของโฮ่วเซิ่งหนานเผยถึงความภาคภูมิใจ
“ลาตินแดนซ์มีอะไรยากล่ะ? แต่ฉันไม่เต็มใจจะเต้นให้เธอดู อีกอย่างคือเธอเข้าใจแก่นแท้ของการเต้นแบบลาตินไหม?”
เหมยเหมยเชิดคางขึ้นแค่นเสียง พร้อมหันหลังกลับไปยังที่นั่งของเธอ
ต่อให้เธอต้องเต้นก็ไม่ใช่ตอนนี้ เหตุใดจะต้องฟังคำสั่งของยัยแม่ลิงนี้ด้วย?
สายตาของโฮ่วเซิ่งหนานฉายแววอาฆาต กัดฟันแน่น นางสารเลวจ้าวเหมยนี่ยั่วโมโหเธอครั้งแล้วครั้งเล่า อีกไม่ช้าไม่นานเธอจะต้องสั่งสอนนางชั่วนี่ให้หลาบจำ!
ตอนนี้ต้องปล่อยให้นางชั่วนี่ได้ใจไปก่อนช่วงหนึ่ง!
“เหยียนหมิงซุ่น…คู่หมั้นสาวของนายนี่ช่างเป็นเด็กน้อยด้อยวิชาเสียจริง!” โฮ่วเซิ่งหนานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน มีสีหน้าไม่พอใจเหมยเหมยมาก
“เหมยเหมยเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ตรงกับใจฉันพอดี”
เหยียนหมิงซุ่นตีหน้าขรึมไม่แม้แต่จะชายตามองโฮ่วเซิ่งหนานเลย แต่หมุนตัวเดินไปหาเหมยเหมย ก่อนจะเอ่ยประชด “อีกอย่างเด็กน้อยด้อยวิชามักจะดีกว่าคนที่มากล้นด้วยประสบการณ์นะ!”
โฮ่วเซิ่งหนานหน้าเปลี่ยนสีทันที นี่เหยียนหมิงซุ่นออกหนาแทนเหมยเหมยงั้นหรือ?
ในใจเธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เกลียดที่เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์เสียใส่เธอ และยิ่งอิจฉาที่เหมยเหมยได้รับความรักใคร่ที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์จากเหยียนหมิงซุ่น อย่ามองว่าวัน ๆเธอเอาแต่เรียกร้องความเป็นอิสระยืนหยัดด้วยตนเอง ไม่เป็นนกขมิ้นในกรงทองของพวกผู้ชายแต่ในความเป็นจริงเธอก็อยากได้รับความรักเช่นกัน จะมีผู้ชายสักคนที่คอยปกป้องดูแลเธอด้วยใจเหมือนกับเหยียนหมิงซุ่น
แต่เธอไม่เคยเจอ!
แต่เธอจะต้องใช้ความเป็นอิสระมาคอยเป็นเกราะป้องกันตัวเอง เพราะกลุ่มเพื่อนและคนรักของเธอ ล้วนชื่นชอบเธอจากสิ่งจอมปลอมที่ห่อหุ้มตัวเธออยู่ หากเธอกลายเป็นดั่งนกขมิ้นในกรงทองอย่างเจ้าเหมย เธอสามารถรับรองได้ ไม่ว่าจะเป็นเคนหรือเถียนมู่ล้วนเลือกได้ไกลยิ่งกว่านั้นอีก
เพราะฉะนั้นเธอต้องยืนหยัดด้วยตนเอง!
ต้องเข้มแข็ง!
และดังนั้นเธอจึงอิจฉาเหมยเหมย!
อิจฉาจนถึงขั้นอยากกำจัดผู้หญิงคนนี้ทิ้ง และเข้าไปแทนที่เธอ!
โฮ่วเซิ่งหนานหันไปยักไหล่ให้กับพอล หัวเราะและพูดเย้าหยอก “แค่เด็กซื่อบื่อคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองถูกไปเสียหมด นึกไม่ถึงว่าจะกล้าแสดงความคิดเห็นต่อการเต้นรำของเรา ช่างน่าตลกสิ้นดี!”
“เจสสิก้าเธอเต้นได้ดีขนาดนั้น เด็กคนนั้นต้องอิจฉาเธอแน่ ๆ !” พอลเองก็หัวเราะ น้ำเสียงติดประจบประแจง แต่ในใจกลับรอคอยถึงการเอาคืนของเหมยเหมย
เขาเห็นแล้วล่ะ หญิงสาวผู้งดงามคนนั้นไม่มีทางปล่อยโฮ่วเซิ่งหนานไปง่าย ๆแน่นอน!
บางทีเธออาจจะเต้นลาตินแดนซ์เพียงท่อนหนึ่ง?
ช่างน่าติดตามเสียจริง!
โฮ่วเซิ่งหนานฉีกยิ้มอย่างได้ใจ คำเยินยอของพอลถือว่าได้ประโยชน์เอามาก เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องรับรองเตรียมที่จะออกไปหน้าเวทีเพื่อรับชมการแสดงในงานเลี้ยง รอคอยการแสดงของจ้าวเหมย
ไม่ได้เฝ้ารอคอยอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอนั้นต้องการให้นางผู้หญิงคนนี้อับอายขายขี้หน้า
……………………………………………….
[1] ดั่งลูกวัวเกิดมาไม่กลัวเสือ เพราะไม่รู้ถึงความร้ายกาจของเสือ เปรียบเปรยคนอายุน้อย วัยเยาว์ กล้าทำในทุกสิ่งอย่าง