ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1470 ดาวมหาวิทยาลัยหายไปไหน + ตอนที่ 1471 ดีเลิศที่สุด
ตอนที่ 1470 ดาวมหาวิทยาลัยหายไปไหน
การแสดงของสวีจื่อเซวียนก็ถูกจัดไว้ในลำดับต้น ๆ บังเอิญก่อนเหมยเหมยไปหนึ่งลำดับ การแสดงของเธอคือบรรเลงกู่เจิงเดี่ยว ก่อนหน้านั้นจากที่ได้ดูการแสดงลาตินแดนซ์ของโฮ่วเชิ่งหนานไป ในใจของเธอก็เริ่มขาดความมั่นใจ เธอคิดว่าต่อให้เธอเล่นได้ดีแค่ไหนก็คงยากที่จะเอาชนะการเต้นรำแบบครึกครื้นและน่าหลงใหลของโฮ่วเชิ่งหนานอยู่ดี
เขาหลีกหนีอารมณ์ท้อใจและผิดหวังไปไม่ได้ ความทะเยอทะยานก่อนหน้านั้นก็ได้เหือดหายไปจนหมด จึงได้แต่ฝืนเรียกสติตัวเองกลับมาเพื่อเริ่มดีดกู่เจิง เป็นแนวคิดและศิลปะอันห่างไกลในบทเพลง ‘เขาสูงน้ำไหล’
เหมยเหมยได้ฟัง เมื่อเทียบกับการเต้นรำแบบไร้มืออาชีพของโฮ่วเชิ่งหนานแล้วนั้น สวีจื่อเซวียนดีดกู่เจิงได้ไม่เลวเลย ถ้าในระดับมืออาชีพคงจะเทียบไม่ได้แต่ในระดับมือสมัครเล่นถือว่าเก่งมาก แต่ท่าทีของเธอไม่ค่อยดีนัก มีอยู่หลายจังหวะที่ดีดผิดเพี้ยนไป หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอาจจะฟังไม่ออกแต่เธอฟังหน่อยก็รู้แล้ว
แต่สวีจื่อเซวียนมีส่วนหนึ่งที่ไม่ดีเอามาก อาจจะไม่ใช่ปัญหาจากตัวเธอเอง แต่เป็นปัญหาของอาจารย์ที่สอนกู่เจิงให้กับเธอ
เพราะในจังหวะที่หล่อนดีดกู่เจิงสองมือติดวาดลวดลายเกินไป ราวกับว่ากลัวคนอื่นไม่รู้ว่าตนนั้นกำลังดีดกู่เจิ่งอยู่ มือทั้งสองข้างสั่นเหมือนกับคลื่นที่ถูกพายุไต้ฝุ่นระดับเจ็ดซัดเข้าให้
นั่นจึงขัดกับภาพลักษณ์ของสวีจื่อเซวียนเสียหมด ทำให้ดูตลกแทน
แต่ตัวของสวีจื่อเซวียนกลับไม่ได้สังเกตถึงปัญหานี้ จากลักษณะนิสัยของเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบอวดเบ่ง คิดไปคิดมาจะต้องเป็นปัญหาของอาจารย์ที่สอนเธอแล้วล่ะ
ยังคงประโยคเดิมคนภายนอกดูเพื่อความสนุกสนาน คนภายในดูจนรู้ถึงวิธีการ เหมยเหมยคอยจับผิดข้อบกพร่องของสวีจื่อเซวียนได้เยอะมาก แต่นักเรียนด้านล่างกลับคิดว่าไพเราะ คนดีดกู่เจิงก็สวย สวมใส่ชุดสีขาวช่างดูสดชื่นและสง่างามราวกับดอกมะลิก็มิปาน
เพียงแค่สองมือนั้นวาดลวดลายมากเกินไปจนทำให้มีผลต่อความสวยงาม!
ทันทีที่บทเพลงสิ้นสุดลงก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านล่างเวที ราวกับเสียงฟ้าผ่า แต่เมื่อเทียบกับกับการแสดงไม่กี่ชุดก่อนหน้านี้จึงนับว่าเธอทำได้สำเร็จ
ในเวลานี้เหมยเหมยได้ไปอยู่ด้านหลังคาหอประชุม เพราะวิธีการเปิดตัวของเธอนั้นมีความพิเศษบางอย่าง จะต้องลอยจากด้านบนลงมายังด้านล่าง และนี่ก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นของระบำประเภทนี้
เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของเธอ เหยียนหมิงซุ่นจึงได้สั่งให้ลูกน้องสองคนขึ้นไปด้านบนเพื่อดึงเชือกสลิงเอง ด้านล่างก็เตรียมความพร้อมไว้รอบด้าน ถึงได้ยอมให้เหมยเหมยใช้วิธีการเปิดตัวที่อันตรายเช่นนี้
“ลำดับต่อไปขอเชิญนักศึกษาใหม่จ้าวเหมยโดยนำระบำกลองมาแสดงในงานนี้ ว่ากันว่าระบำกลองเป็นการเต้นรำที่ขึ้นชื่อของปรมาจารย์การเต้นอย่างไต้ผิ่นเหลียน เขาเป็นตัวแทนของฮวาเซี่ยเข้าร่วมแสดงในต่างประเทศอยู่หลายครั้ง ได้รับการยกย่องอย่างเป็นเอกฉันท์จากทั้งในและต่างประเทศ จ้าวเหมยเลือกที่จะแสดงระบำประเภทนี้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เซียวเวยเดินออกมาหน้าม่านเพื่อแจ้งลำดับการแสดง บทพูดหลาย ๆคำล้วนเป็นเธอเองที่เพิ่มเข้าไป ฟังดูแล้วเหมือนเป็นการชื่นชมจ้าวเหมย แต่ในความเป็นจริงนั้นเพื่อต้องการให้คนอื่น ๆได้รับรู้ว่าดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่อย่างจ้าวเหมยนั้นไม่เจียมตัวเองขนาดไหน
นักศึกษาด้านล่างเวทีนิ่งเงียบไป ก่อนที่เสียงปรบมือจะทยอยดังขึ้น และยังมีเสียงโห่ร้องแปลกประหลาดดังขึ้นอีก
เซียวเวยฉีกยิ้มเบา ๆพร้อมกับเอ่ยพูดเสียงดัง “ทุกท่านคงเหมือนฉันที่กำลังเฝ้ารอคอยการแสดงของจ้าวเหมยจนอดใจรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม? ต่อไปขอเชิญทุกท่านรับชมรับฟังการแสดงระบำกลองของจ้าวเหมยได้เลย ขอเสียงปรบมือค่ะ!”
นักเรียนบางกลุ่มที่เริ่มง่วงงันจากการชมกู่เจิง พลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที สายตาเพ่งเล็งกลับไปยังเวที ฉากกั้นค่อย ๆลากเปิด เผยให้เห็นเวทีที่เจิดจ้าสว่างไสวจนลูกตาแทบถลนออกมา
กลองใหญ่มาก!
เหมือนกับคั่ง[1]มาก!
นอนได้อย่างน้อยสี่ถึงห้าคน พร้อมทั้งกลิ้งไปมาได้หลายรอบเลยล่ะ!
นี่ดาวมหาวิทยาลัยจะแสดงตีกลอง?
แต่ตัวเล็ก ๆอย่างเธอสามารถตีกลองขนาดใหญ่แบบนี้ได้หรือ?
บริเวณโดยรอบกลองใหญ่มีกลองเล็กวางเรียงรายอยู่แปดทิศ มีระยะห่างจากกลองเล็กประมาณสามเมตร ล้อมรอบกลองใหญ่เอาไว้
แต่ที่ทำให้ผู้ชมต่างแปลกใจนั่นคือ บนเวทีมีเพียงกลองเล็กใหญ่วางเรียงรายอยู่แปดด้าน
ดาวมหาวิทยาลัยหายไปไหน?
………………………………………….
ตอนที่ 1471 ดีเลิศที่สุด
โฮ่วเซิ่งหนานก็นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมด้วย เธอเบะปากอย่างเหยียดหยาม แค่นเสียงหึเบา ๆ “ใช้ลูกไม้ดึงดูดความสนใจคน!”
คนที่ไม่มีวิชาความรู้ที่แท้จริง ถึงได้ทำท่าทีข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงแบบนี้สร้างความสนใจ
ดูซิว่าจ้าวเหมยจะมาไม้ไหน!
เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างเวทีทำมือส่งสัญญาณไปให้กับลูกน้อง หลังจากได้รับคำตอบแล้วถึงหามุมรอถ่ายภาพด้วยความสบายใจ
เดิมทีในหอประชุมมีเสียงเซ็งแซ่ แต่หลังจากที่ม่านเปิดออกทันใดนั้นทุกเสียงก็เงียบลงจนได้ยินเสียงหายใจ ทุกคนไม่กะพริบตา ตั้งหน้าตั้งตารอเสียงดนตรีอย่างตั้งใจ
ยิ่งอยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วจ้าวเหมยจะทำการแสดงะบำกลองที่เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศอย่างไร!
ในไม่ช้า ——
เสียงเพลงจังหวะเร้าใจก็ดังขึ้น จังหวะเร็วมากเหมือนสายฝนกระหน่ำ แล้วก็เหมือนม้าศึกควบม้าเร่งจังหวะเร็วขึ้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น พอจะรู้อยู่ว่าการแสดงเริ่มแล้วแต่จ้าวเหมยก็ยังไม่ปรากฏตัว
ทันใดนั้นเสียงพิณจีนก็ค่อย ๆเบาลง เปลี่ยนเป็นเสียงเปียโนที่เงียบสงบไพเราะ ดูเหมือนล่องลอยไร้ขอบเขตอยู่ในหุบเขาว่างเปล่าอันไกลโพ้น
“อยู่ข้างบน…”
มีคนส่งเสียงร้องตกใจ ทุกคนต่างก็เงยหน้าอ้าปากตกตะลึงพรึงเพริดกันอย่างพร้อมเพรียงกันถ้วนหน้า
พวกเขาหาดาวมหาวิทยาลัยอยู่นาน ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ด้านบนที่ตอนนี้กำลังลอยลงมาจากด้านบนอย่างช้า ๆในชุดสีแดง เหมือนเหยียบบนเมฆสีแดง นางฟ้าลงสู่พื้นดิน สวยจนไม่อยากละสายตา!
“สวยมากเลย…ต่อให้ไม่เต้น…แค่การเปิดการแสดงแบบนี้ก็ได้คะแนนเต็มร้อยแล้ว!” มีคนพูดพึมพำกับตัวเอง พูดความในใจของทุกคนออกมา
บรรดาตากล้องที่นั่งเบื่อหน่ายอยู่ด้านล่างเวทีบัดนี้กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ความไวระดับมืออาชีพของพวกเขาทำให้พวกเขารู้ว่าการแสดงนี้ต้องได้รับความนิยมอย่างมากและพวกเขาต้องการทำการบันทึกวิดีโอเป็นคนแรก
ตอนที่กำลังจะลงไปถึงบนกลองใหญ่ เสียงดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วขึ้นอีกครั้ง เหมยเหมยเริ่มเต้น แขนสองข้างที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อพร้อมไม้ตีกลองสะบัดพริ้วไหวกลางอากาศ ระดมตีกลองเล็กแปดทิศ ในขณะที่ร่างกายของเธอยังคงเต้นอยู่ แขนเสื้อถูกสะบัดออกเป็นครั้งคราว เร็วมากจนผู้คนเห็นแค่เพียงเงาสีแดงลอยผ่านวาบไปเป็นครั้งคราวและยังมีกลองที่แบ่งจังหวะชัดเจน
ในไม่ช้าทุกคนต่างก็ฟังออก แขนเสื้อของจ้าวเหมยไม่ได้ถูกเหวี่ยงสะบัดไปมามั่ว ๆ แต่ขยับตามจังหวะเสียงดนตรีจนกลายเป็นเพลงใหม่ขึ้นมา การทดสอบนี้ไม่ใช่แค่โชว์มีทักษะการเต้นเท่านั้นแต่ยังโชว์ศักยภาพทางด้านดนตรีของนักเต้นอีกด้วย
ซึ่งนักเต้นทั่วไปต่างก็ไม่มีทักษะนี้!
ดาวมหาวิทยาลัยโชว์ฝีมือทั้งที ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
ในเวลานี้เหมยเหมยลงมาอยู่บนกลองแล้ว เธอเก็บแขนเสื้อแล้วหยิบไม้กลองมาวางบนกลอง เสียงเพลงเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีกครั้ง เธอเต้นไปตามดนตรี เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนตัวเล็กและสวยมาก แต่ทุกคนเห็นความงามอันยิ่งใหญ่ราวกับกำลังจะออกเดินทางสู่สนามรบก็ไม่ปาน สีหน้าท่าทางเคร่งขรึมมาก
บัดนี้ในหอประชุมมีเพียงเสียงกลองที่ตีรัวเหมือนหยาดฝน และเสียงดนตรีและท่วงท่าการเต้นของเหมยเหมย ทุกคนต่างมองอย่างหลงใหล
ฉีฉีเก๋อเอื้อมมือเช็ดปาก น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว
“เหมยเหมยดูดีมากเลย สวยราวกับนางฟ้า…ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะ จะขอเธอมาแต่งเป็นเมียให้ได้เลย” ฉีฉีเก๋อตาเป็นประกายวิบวับ สองมือแดงไปหมดเพราะเมื่อกี้ออกแรงปรบมือหนักไปหน่อย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปาก ในใจอิจฉานิดหน่อย แต่ก็กลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
จ้าวเหมยถือได้ว่าเป็นลูกรักของพระเจ้า เธอไม่เปรียบเทียบกับคนแบบนี้หรอก เปรียบเทียบไปก็โมโหเปล่า ๆ ไม่คุ้ม
สวีจื่อเซวียนกลับมาที่ชั้นเรียนแล้ว เดิมทีเธอยังมีความลำพองใจอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะการแสดงของเธอประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ ——
แต่ในใจเธอกลับอึดอัดจนแทบระเบิด!
ต่อให้จะไม่ใช่มืออาชีพ แต่พูดได้ว่าการแสดงของจ้าวเหมยไม่ใช่ระบำที่คนทั่วไปสามารถเต้นออกมาได้ แม้แต่นักเต้นของคณะแสดงประจำอำเภอของพวกเธอก็ไม่สามารถเต้นออกมาได้
สวีจื่อเซวียนตระหนักถึงความจริงที่โหดร้ายอย่างหนึ่ง เธอคิดเสมอว่าจ้าวเหมยก็แค่เกิดมาโชคดีกว่า ตัวเธอเองก็โดดเด่นมาก ส่วนด้านอื่นไม่รู้ แต่การแสดงระบำกลองนี้ก็ดีเลิศกว่าของเธอมาก!
………………………………………….
[1] เตียงประเภทหนึ่งของชาวจีนเหนือที่ก่อด้วยอิฐ สามรถนั่งหรือนอนได้ โดยด้านล่างสามารถสุมไฟให้ความอบอุ่น