ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1474 ใครเต้นได้ดีกว่า + ตอนที่ 1475 เป็นลูกสะใภ้ของฉัน รู้ไหม
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1474 ใครเต้นได้ดีกว่า + ตอนที่ 1475 เป็นลูกสะใภ้ของฉัน รู้ไหม
ตอนที่ 1474 ใครเต้นได้ดีกว่า
เหมยเหมยรับไมโครโฟนมาจากจ่านเฟยไป๋แล้วพูดว่า “เพราะว่าการเต้นลาตินแดนซ์วันนี้เป็นเรื่องกะทันหันดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมชุดสำหรับเต้นมาด้วย ขอให้เพื่อนทุกคนโปรดให้อภัยด้วยนะคะ เมื่อครู่รุ่นพี่จ่านขอให้ฉันเต้นอีกรอบ แวบแรกจึงนึกถึงการเต้นลาตินแดนซ์ เพราะอะไรงั้นเหรอ?”
เธอหยุดครู่หนึ่ง กวาดตามองผู้ชมรอบหนึ่งก็หาโฮ่วเซิ่งหนานพบอย่างง่ายดาย แล้วหันไปส่งยิ้มยั่วให้เธอ
“เพราะว่ามีคนคิดว่าพวกเราคนฮวาเซี่ยเป็นคนโง่บ้านนอก ไม่เคยเห็นโลกภายนอก เต้นระบำลาตินแบบคนต่างประเทศได้ไม่ดี ฉันไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้แน่นอน หากจะถกประเด็นแง่มุมการเต้นรำที่กว้างขวางลึกซึ้ง การเต้นระบำแบบฮวาเซี่ยดั้งเดิมของพวกเราเป็นที่หนึ่ง แน่นอนการเต้นรำของต่างประเทศก็สวยงามเช่นกันต่างก็มีคุณค่าของตัวมันเอง ดังนั้นเพื่อตอกกลับผู้ที่กล่าวคำพูดนี้ฉันจึงจงใจเลือกการเต้นแบบลาติน
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เรียนเต้นลาตินแดนซ์โดยเฉพาะ แต่การเต้นแบบนี้ไม่มีอะไรยากจริงๆ ทุกคนสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ ขอให้ผู้หญิงบางคนดูให้เต็มตาว่าท้ายที่สุดแล้วฉันมีคุณสมบัติที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเต้นลาตินแดนซ์หรือไม่!”
เหมยเหมยพูดจบก็คืนไมโครโฟนให้กับจ่านเฟยไป๋ แล้วก็ยังปฏิเสธข้อเสนอของจ่านเฟยไป๋ที่จะเป็นคู่เต้นรำของเธอ
มีตัวหึงหวงอยู่ด้านล่าง เธอไม่อยากถูกใครบางคนทำโทษตอนกลางคืนนะ
ถึงแม้ว่าการเต้นลาตินแดนซ์แบบคู่จะเป็นการแสดงที่ดีที่สุด แต่เต้นเดี่ยวก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้แสดง
บังเอิญที่อาจารย์ไต้เคยศึกษาการเต้นของประเทศต่าง ๆในแถบทวีปยุโรปและอเมริกาอย่างพวกลาติน แทงโก้ เต้นลีลาศ ระบำหน้าท้อง การเต้นซัลซ่าเป็นต้น อาจารย์เต้นดีมากและยังให้เหมยเหมยเรียนรู้ไปมากมายไม่น้อย
ดังนั้นการเต้นรำประเภทนี้ไม่ได้ยากไปสำหรับเหมยเหมย!
เหมยเหมยได้สร้างมาตรฐานของท่าเต้นขึ้นมา อารมณ์ท่าทางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเต้นระบำกลองก็เหมือนกับนางฟ้าที่ปรากฎบนโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน แต่พอเต้นเสร็จแล้วกลับเปลี่ยนเป็นสาวน้อยที่เต็มไปด้วยเป็นความกระตือรือร้น ช่างน่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ
การเต้นแบบลาตินต้องร่าเริงเบิกบานในตัวเองดังนั้นจึงเป็นจังหวะเร็ว นักเต้นต้องมีความกระตือรือร้น มิฉะนั้นจะไม่สามารถดึงสิ่งสำคัญของการเต้นลาตินแดนซ์ออกมาได้
พอลดูแค่ท่วงท่าเขาก็รู้เลยว่าเหมยเหมยรู้จักการเต้นรำแบบลาตินแดนซ์และเชี่ยวชาญกว่าเขาด้วยซ้ำ จึงอดเหลือบมองใบหน้าบึ้งตึงของโฮ่วเซิ่งหนานที่อยู่ข้าง ๆเขาไม่ได้ พลันแอบรู้สึกได้ระบายความอัดอั้นในใจ
ครั้งนี้ต้องขายขี้หน้ายกใหญ่แน่!
เสียงเพลงที่เร่าร้อนเป็นจังหวะดังขึ้น เหมยเหมยเริ่มบิดขยับตัว อันที่จริงแล้วเธอไม่ชอบเต้นลาตินสักเท่าไร ท่วงท่าการบิดตัวมันเกินจริงไปหน่อย มันไม่เหมาะกับนิสัยของเธอ
แต่เพื่อเอาชนะศักดิ์ศรีของโฮ่วเซิ่งหนาน เธอต้องเต้น แล้วยังต้องเต้นให้ดีด้วย
เดิมทีผู้ชมด้านล่างเวทียังมีท่าทีไม่สนใจอยู่บ้าง แต่หลังจากได้เห็นท่วงท่าการเต้นของเหมยเหมยก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
รู้สึกว่าดาวมหาวิทยาลัยเต้นได้ยอดเยี่ยมกว่า!
ทำให้ลืมเสื้อผ้าที่เธอใส่ คิดแค่อยากจะส่ายไปพร้อมกับเธอ
มีนักเรียนหลายคนลุกขึ้นยืนไปตามอารมณ์ ส่ายตัวไปตามเสียงเพลงอย่างลืมตัว
เนื่องจากเวลาที่จำกัด เหมยเหมยจึงเต้นไม่จบเพลง เธอไม่สามารถใช้เวลาในการแสดงของเพื่อนคนอื่น ๆได้ มันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น
เธอโบกมือส่งสัญญาณให้เพลงหยุด เธอเองก็หยุดเช่นกันแล้วหยิบไมโครโฟนพูดว่า “เวลาไม่พอแล้ว ฉันจึงเต้นแค่ครึ่งเพลง หวังว่าการเต้นของฉันจะทำให้ทุกคนพอใจนะคะ”
“พอใจมาก เอาอีก!”
นักเรียนด้านล่างเวทีพากันร้องระงม ยังดูไม่หนำใจเลย!
เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆ “การแสดงต่อไปยอดเยี่ยมกว่านี้อีกนะ พวกเราเอาเวลาไปให้นักเรียนคนอื่น ๆกันเถอะ!”
คู่นักเรียนชายสองคนหลังเวทีที่ดูอย่างออกรสชาติ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบยืดอก เชิดหน้าเดินขึ้นเวที เดิมทียังประหม่าอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับไม่ประหม่าอีกต่อไป
ดาวมหาวิทยาลัยพูดแล้วว่าการแสดงของพวกเขายอดเยี่ยม แน่นอนว่าพวกเขาต้องแสดงให้ดีอย่าให้เละได้!
…………………………………………..
ตอนที่ 1475 เป็นลูกสะใภ้ของฉัน รู้ไหม
ด้วยเหตุนี้เหมยเหมยจึงเต้นลาตินแดนซ์ก็เพื่อกดความผยองลำพองใจของโฮ่วเซิ่งหนานลง ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง แต่เหล่าศาสตราจารย์ด้านล่างเวทีกลับไม่คิดแบบนั้น ทุก ๆคนต่างก็ตื่นเต้นราวกับลิง
“นี่ถึงจะเรียกว่าการเต้นลาตินแดนซ์อย่างแท้จริง การเต้นลาตินแดนซ์คือการเต้นเร่าร้อนมีจังหวะ ผู้คนต่างโหยหาความรักและชีวิตที่สวยงาม ต้องการความสุขที่ออกมาจากใจจริง ๆของนักเต้น ไม่ใช่แค่การใส่เสื้อผ้าโป๊เปลือยเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม ใส่ชุดขัดต่อธรรมเนียมศีลธรรมเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นลาตินแดนซ์เช่นกัน…”
มีชายแก่ยืนคนหนึ่งลุกยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น ดีใจปลื้มปริ่มราวกับกำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่บนเวทีก็ไม่ปาน
เฮ่อเหลียนชิงได้ยินก็พยักหน้าระรัว ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรือไง โฮ่วเซิ่งหนานนั่นถึงได้แต่งตัวบ้าบออะไรมาก็ไม่รู้?
มิน่าล่ะเหยียนหมิงซุ่นถึงพูดแบบนั้น?
เขาไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลที่เหยียนหมิงซุ่นนำกลับมา ในใจก็ฉีกโฮ่วเซิ่งหนานทิ้งไปแล้วเรียบร้อย!
ผู้หญิงที่ขัดต่อประเพณีและศีลธรรมอันดีงามแบบนี้ ต่อให้เก่งกาจมีความสามารถแค่ไหนก็ห้ามแต่งเข้าบ้าน คงเอาความสามารถทั้งหมดมาใช้บนตัวของผู้ชาย!
คำพูดของศาสตราจารย์ก่อนหน้านี้ต่างก็มีศาสตราจารย์อีกหลายคนเห็นด้วยเหมือนกัน พวกเขายิ่งชื่นชมเหมยเหมยมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็พากันสืบเสาะถามกันใหญ่ว่านักเรียนใหม่ที่เต้นคนนั้นเป็นใคร
ผู้อำนวยการรู้สึกประทับใจอยู่บ้าง สาวสวยคนนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของนักเรียนใหม่ที่มีชื่อเสียงมาก เป็นนักเขียนจ้าวเหมยที่มีหนังสือขายดีหลายเล่ม ไม่คิดเลยว่าสาวน้อยคนนี้จะมีฝีมือในการเต้นสุดยอดเช่นกัน!
เหล่าศาสตราจารย์ได้ยินผู้อำนวยการอธิบาย ก็เงียบเสียงลงและแสดงท่าทีปลาบปลื้มใจต่อไป
“เยาวชนที่เข้มแข็งคือประเทศที่เข้มแข็ง เยาวชนร่ำรวยประเทศร่ำรวย ความเจริญและความเข้มแข็งของประเทศเราอยู่ไม่ไกลแล้ว…” มีชายชราผมขาวโพลนพรูลมหายใจด้วยความสุข
คนอื่น ๆก็พยักหน้าเห็นด้วย ชายแก่ที่ทำท่าดีอกดีใจก่อนหน้านั้นแค่นเสียงฮึ พูดจาแดกดันเสียงเย็นว่า “หากเหมือนกับคุณโฮ่วเมื่อครู่กันหมด ประเทศของพวกเราคงอยู่ห่างจากวันล่มสลายไม่ไกลแล้ว…”
ใจของผู้อำนวยการเต้นตุบตับรีบหันไปมองเฮ่อเหลียนชิงอย่างไม่รู้ตัว เห็นพระโพธิสัตว์องค์นี่ยังไม่โกรธอะไรก็ถอนหายใจออกมายาว หันไปถลึงตาใส่ตาแก่ชาตินิยมด้วยความโมโห
แก่จะลงโลงอยู่แล้ว ทำไมถึงยังจงเกลียดจงชังต่อพวกธรรมเนียมประเพณีที่ไม่เหมาะสมขนาดนี้ได้อยู่อีก!
ความวุ่นวายจลาจลในปีนั้น หรือว่ายังไม่ได้รับความเดือดร้อนพออีก!
เฮ่อเหลียนชิงเหลือบไปเห็นสายตาระมัดระวังสุด ๆของผู้อำนวยการ ในใจก็อารมณ์เสียอย่างไม่มีสาเหตุ หันไปมองบนใส่ผู้อำนวยการ
คิดว่าเขาเป็นคนยังไงกัน?
หรือว่าเขาเป็นคนชอบแอบฟ้องไปแล้ว?
อีกอย่างที่ตาแก่พวกนี้พูดก็ถูก คนอย่างโฮ่วเซิ่งหนานไม่ใช่หายนะหรือไง?
“รู้ไหมว่าคนที่เต้นระบำกลองเมื่อครู่เป็นใคร?” เฮ่อเหลียนชิงโบกมืออย่างอารมณ์ดี เรียกผู้อำนวยการที่ตัวสั่นเทิ้มเข้ามาหา
ผู้อำนวยการสมองพร่าเบลอ พูดจาไม่รู้เรื่อง “นี่คือตัวแทนของนักเรียนใหม่ปีนี้ ตัวเขาเองก็ยอดเยี่ยมดีเลิศ เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม และเต้นได้เก่งมาก……”
เฮ่อเหลียนชิงตัดบทผู้อำนวยการอย่างนึกรำคาญใจ “อันนี้ผมรู้ดีกว่าคุณอีก ไม่ต้องให้คุณพูดให้มากความหรอก!”
ผู้อำนวยการทำหน้าบื่อทึ่ม…
ในเมื่อรู้ชัดเจนอยู่แล้ว ยังจะมาถามเขาทำไม?
เฮ่อเหลียนชิงเห็นผู้อำนวยการทึ่มคนนี้ยังไม่เข้าใจว่าเขามีใจคิดอยากจะอวด ใบหน้าก็บึ้งตึงมองผู้อำนวยการอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ไม่หลักแหลมเอาเสียเลย ไม่แปลกใจที่แก่ขนาดนี้แล้วยังเป็นแค่เพียงผู้อำนวยการเท่านั้น ไม่มีผลงานความชอบอะไรเลยสักนิด
ผู้อำนวยการรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม…เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็ถือว่าเก่งมากแล้วไม่ใช่หรือไง?
“จ้าวเหมยคนนี้เป็นลูกสะใภ้ของผม คุณรู้ไหม?” เฮ่อเหลียนชิงอึดอัดจนทนไม่ไหว จึงพูดอวดไปอย่างอดกลั้นไม่อยู่
เพราะว่าอยู่ดี ๆเขาก็ค้นพบว่าได้จ้าวเหมยยัยเด็กอัปลักษณ์นี้เป็นลูกสะใภ้ของเขา ก็พอจะได้หน้าได้ตาอยู่พอสมควร!
อย่างน้อยที่สุดก็เอาไว้อวดได้!
ผู้อำนวยปกติไม่หือไม่อือไม่ว่าจะปีไหนหรือเทศกาลไหน จู่ ๆก็โผล่มาโดยไม่ได้เชิญ?
ที่แท้ก็มาเพื่อชื่นชมลูกสะใภ้ของตัวเองสินะ?
…………………………………………..