ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1506 เอาคืน + ตอนที่ 1507 แผนชั่วร้าย
ตอนที่ 1506 เอาคืน
เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มเย็นชา ความจริงเขาไม่ค่อยรีบร้อนนักเพราะในเมื่อเหมยเหมยก็เป็นภรรยาของเขาอยู่ดี เป็นของเขาเพียงคนเดียว ใครก็เปลี่ยนความจริงนี้ไม่ได้!
แม้แต่นายใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้!
นายใหญ่คิดว่าให้จ้าวหวายซานแถลงการณ์แบบนี้แล้วจะบีบบังคับให้เหมยเหมยตัดความสัมพันธ์กับตนได้หรือ?
เหอะ ดูถูกคนอย่างเหยียนหมิงซุ่นมากไปแล้ว!
อีกอย่างผู้หญิงสำส่อนอย่างโฮ่วเซิ่งหนานไหนยังเป็นผู้ติดเชื้อ HIV เขาเหยียนหมิงซุ่นยอมครองโสดตลอดชีวิตก็ไม่มีทางแต่งงานเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นภรรยาหรอก
สิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้คือชีวิตในชาตินี้ของเขาได้ถูกเหมยเหมยเปลี่ยนไปแล้ว รอดพ้นจากภัยชีวิต
“เมียจะบินหายไปแล้วแกยังหัวเราะออกอีกเหรอ?”
เฮ่อเหลียนชิงเห็นท่าทางไม่สะทกสะท้านของเหยียนหมิงซุ่นก็นึกโกรธ ทั้งที่เขาควรเป็นคนที่ใจเย็น แน่นิ่ง ไม่แม้แต่จะรู้สึกอะไรมากที่สุด แต่ตอนนี้ทำไมกลับกลายเป็นเขาที่กำลังโกรธเพียงคนเดียวล่ะ?
อับอายขายหน้าเหลือเกิน!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “พ่อบุญธรรมอย่าใจร้อนไป ผมกับเหมยเหมยความรักมั่นคงยิ่งกว่าทองคำ ไม่ว่าจะแผนชั่วร้ายไหนก็ไม่มีทางสำเร็จ นายใหญ่เสียแรงเปล่าแล้ว”
“ฉันใจร้อนอะไร? ใช้ตาข้างไหนเห็นว่าฉันใจร้อน? ฉันอยากให้แกถอนหมั้นกับยัยนั้นจะตาย…ฉัน…”
เฮ่อเหลียนชิงกระเด้งตัวขึ้นทันทีและลอบโกรธตัวเองที่เมื่อกี้แสดงอาการผิดปกติเกินไป
เสี่ยวเมิ่งกลอกตาที เมื่อกี้คนที่พ่นน้ำลายเต็มหน้าตาแก่จ้าวคือใครกัน?
ยังเขวี้ยงแก้วน้ำชาของสวนฟาร์มแตกไปตั้งสองใบแหนะ นั่นเป็นของบรรณาการชั้นยอด ทั้งสวนฟาร์มมีแค่ชุดเดียว แตกไปสองใบ ส่วนที่เหลือก็ใช้งานได้ไม่ดีแล้ว นายท่านไม่ปวดใจ เขายังปวดใจแทนแหนะ!
เหยียนหมิงซุ่นหลบน้ำลายที่พ่นออกมาจากปากใครบางคน สุขภาพดีแล้วมีแค่จุดนี้ที่ไม่ดีก็คือน้ำลายพ่นไกลกว่าปกติมาก!
“หรือว่าพ่อบุญธรรมอยากได้โฮ่วเซิ่งหนานมาเป็นลูกสะใภ้?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจถาม
เสียงด่าทอหยุดชะงัก เฮ่อเหลียนชิงสีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรพลางแค่นเสียงอยู่พักใหญ่ถึงตอบกลับ “ก็ไม่ใช่ โลกนี้ผู้หญิงตั้งมากมาย หาลูกสะใภ้ที่ถูกอกถูกใจสักคนไม่ยาก”
เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีแล้วเอาผลตรวจเลือดของโฮ่วเซิ่งหนานไว้บนโต๊ะ เฮ่อเหลียนชิงเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วถามด้วยความสงสัย “นี่อะไร?”
“พ่อบุญธรรมต้องดีใจที่ครั้งนี้ตัวเองรอด ไม่อย่างนั้นถ้าพ่อให้โฮ่วเซิ่งหนานแต่งเข้าบ้านมาจริง ๆ เหอะ พ่อกับพี่เมิ่งจะตายอย่างไรยังไม่รู้เลย!” เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้พูดเกินจริงสักเท่าไร ต่อให้ไม่ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยากับโฮ่วเซิ่งหนาน แต่การใช้ชีวิตอยู่ใต้หลังคาเดียวกันใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่ติดเชื้อ?
เสี่ยวเมิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วหยิบผลรายงานขึ้นมาดูเพียงไม่กี่บรรทัดก็อ่านเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พลันรู้สึกสะอิดสะเอียนใจเหมือนกลืนกินแมลงวันเข้าไป แต่ส่วนมากก็คืออารมณ์โกรธ
นี่เขาให้บุคคลอันตรายขนาดนี้เข้าใกล้นายท่านได้อย่างไร ช่างผิดต่อหน้าที่เหลือเกิน!
เฮ่อเหลียนชิงแย่งผลรายงานมาดูก็ทำหน้าบูดบึ้งเหมือนก้อนอุจจาระ เขารู้จักโรคเอดส์อยู่แล้วแต่เขายังไม่รู้ครอบคลุมดี ในความคิดเขานั้นคนที่เป็นโรคเอดส์ส่วนมากก็เพราะใช้ชีวิตแหลกเหลวเกินไป
แน่นอนว่าไม่ได้เข้าใจโฮ่วเซิ่งหนานผิดเช่นกัน ผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตแหลกเหลวจริง ๆ
แต่ยังมีผู้ป่วยโรคเอดส์อีกมากมายที่เป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้อยากติดเชื้อไวรัสนี้ซึ่งต้องขอบอกไว้ก่อนล่วงหน้า
“พ่อบุญธรรมไม่อยากเอาคืนนายใหญ่เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นพูดยุแหย่
เฮ่อเหลียนชิงตาเป็นประกาย นั่นสิ ตาแก่นั่นวางแผนตลบหลังเขา เขาจะยอมทนได้อย่างไร?
“เสี่ยวเมิ่ง เตรียมรถ!”
เฮ่อเหลียนชิงเก็บผลรายงานไว้ในเสื้อและไม่ต้องให้เสี่ยวเมิ่งเข็นรถก็เข็นรถด้วยตัวเองไปอย่างไว
ทนรอไปตอกหน้านายใหญ่คืนแทบไม่ไหวแล้ว!
จะให้ยัยตัวสกปรกมาเป็นลูกสะใภ้เขา?
คิดจะเอาเปรียบท่านชิงหรือไงกัน
…………………….
ตอนที่ 1507 แผนชั่วร้าย
เหยียนหมิงซุ่นแอบเอาคืนพ่อบุญธรรมนิดหน่อย เฮ่อเหลียนชิงออกจากบ้านไปอย่างรีบร้อนจนเขาพอจะจินตนาการล่วงหน้าได้แล้วว่านายใหญ่จะโดนคนปากคอเราะร้ายอย่างเฮ่อเหลียนชิงพูดเหน็บแนมแบบไหน?
ปกติเฮ่อเหลียนชิงไม่มีเหตุผลยังเค้นหาเอาเหตุผลให้ได้ ตอนนี้พอมีเหตุผลแล้วเขาจะไม่ขอผลประโยชน์สิแปลก!
โฮ่วเซิ่งหนานสอนเสร็จก็ไปหาไฟซาล ซึ่งเธอเองก็เห็นหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแล้วเช่นกันจึงพึงพอใจกับประสิทธิภาพในการทำงานของคุณลุงตัวเองมาก ฉีกยิ้มมุมปากสูงอย่างได้ใจที่แม้แต่ไฟซาลที่เธอรู้สึกรังเกียจยังดูเข้าตามากพอสมควร
ความจริงไฟซาลคนนี้นอกจากหน้าตาน่าเกลียดไปสักหน่อยและกลิ่นตัวแรงไปสักนิด นอกจากสถานะที่ต่ำต้อยอย่างอื่นก็ยังไม่เลว โดยเฉพาะพฤติกรรมบนเตียงที่สร้างความพึงพอใจแก่โฮ่วเซิ่งหนานอย่างมาก
แต่เธอไม่มีวันเกี่ยวข้องกับคนนี้อีก!
มันฉุดสถานะเธอให้ตกต่ำลง!
“ไฟซาล นายจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่?” โฮ่วเซิ่งหนานถามไปตรง ๆ เธอนัดเจอไฟซาลที่สวนดอกไม้มหาวิทยาลัยซึ่งขณะนี้เป็นเวลาพักกลางวัน สวนดอกไม้จึงเงียบสงัด
ไฟซาลเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ไว้นวดเคราเฟิ้มในมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ตัวสูงปานกลางและไม่มีหน้าตาคมชัดดั่งชายชาวตะวันกลางแต่อย่างใด นอกจากสีผิวที่ออกโทนเข้มเขาหน้าตาคล้ายชาวจีนมากกว่า
แน่นอนว่าในตัวเจ้าชายตกอับผู้นี้มีเลือดชาวจีนอยู่ครึ่งหนึ่งเพราะคุณแม่ของเขาคือชาวจีนและเป็นหนึ่งในคนรักของคุณพ่อเขา เขาเลยเป็นหนึ่งในบรรดาลูกนอกสมรสของราชา เกรงก็แต่แม้แต่พ่อเขายังจำไม่ได้เลยว่ามีลูกชายคนนี้อยู่อีกตั้งคน!
“เรื่องที่ฉันรับปากเธอไว้ต้องทำได้อยู่แล้ว แต่เธอต้องหาทางให้จ้าวเหมยอยู่ตามลำพัง ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของฉัน” ไฟซาลสีหน้านิ่งขรึม เขาเคยเห็นรูปถ่ายของจ้าวเหมยซึ่งเป็นสาวงามที่ทำให้เขาใจสั่นคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ฉะนั้นเขาเตรียมจับสาวงามผู้นี้ถวายให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นตาแก่ที่มีรสนิยมน่ารังเกียคนหนึ่งที่ชอบสาวงามตัวน้อยแสนเย้ายวนอย่างจ้าวเหมยเป็นพิเศษ
ขอเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพอใจเขาก็จะมีชีวิตที่ดีในประเทศ ยังจะต้องมาอยู่ในที่ยากจนแร้นแค้นอย่างฮวาเซี่ยไปทำไมอีก?
“ได้ เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
แม้โฮ่วเซิ่งหนานจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็จำต้องรับปากไว้ จ้าวเหมยเป็นดั่งหนามที่ตำอกเธอที่หากไม่ถอนออกเธอก็จะไม่มีวันสบายใจไปตลอดชีวิต
ด้านหลังพวกเขาคือดงหญ้าทั้งแถบที่ต้นหญ้างอกสูงอย่างมาก ผู้ชายหนึ่งคนกำลังนั่งยองอยู่ในท่ามกลางดงหญ้ามีสีหน้าตื่นตระหนก
โฮ่วเซิ่งหนานกับไฟซาลใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันเพราะรู้ว่ามีชาวจีนที่รู้ภาษาอังกฤษน้อย ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ระวังตัวไปเสียบ้าง ไม่มีการเบาเสียงเลยทำให้นักศึกษาชายที่กำลังงีบอยู่ในสวนดอกไม้ได้ยินเข้า
นักศึกษาชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นซึ่งเป็นอิงจวี้กังที่มักเดินผิดท่าตอนเข้าค่ายทหารนั่นเอง เมื่อนั้นมีคนมากมายหัวเราะเยาะเขามีเพียงเหมยเหมยที่ออกตัวพูดแทนเขา แล้วยังโดนทำโทษให้วิ่งรอบสนามสิบรอบ
ด้วยเหตุนี้อิงจวี้กังรู้สึกขอบคุณเหมยเหมยอย่างมาก หนำซ้ำยังรู้สึกผิดเหลือเกิน จึงเคยมีความคิดเสมอว่าควรทำอะไรเพื่อดาวมหาวิทยาลัยบ้าง
แม้อิงจวี้กังจะมาจากหมู่บ้านชนบทแต่ภาษาอังกฤษของเขากลับอยู่ในระดับดีเยี่ยม เพราะพ่อแม่ของเขาให้ความช่วยเหลือแก่ศาสตราจารย์อาวุโสท่านหนึ่งที่มาช่วยแก้ไขความเป็นอยู่ในหมู่บ้านเมื่อนานมาแล้ว จึงได้ช่วยชีวิตท่านอาวุโสผู้นั้นไว้และบังเอิญที่ศาสตราจารย์อาวุโสผู้นั้นมาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาหลายปีเลยถนัดทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
จึงทำให้อิงจวี้กังได้ร่ำเรียนวิชาภาษาอังกฤษจากศาสตราจารย์ผู้นี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อยกับการฟังบทสนทนาของพวกโฮ่วเซิ่งหนาน
นอกจากอิงจวี้กังจะมีปฏิกิริยาค่อนข้างในเวลาเดินตบเท้าไปบ้างแต่เรื่องอื่นไม่ได้มีปฏิกิริยาช้าแต่อย่างใด แค่เขาฟังก็รู้ว่าสองคนนี้มีเจตนาร้ายต่อดาวมหาวิทยาลัยเลยกลั้นหายใจไว้ไม่กล้าปริเสียงแม้แต่น้อย
เขาต้องรีบบอกดาวมหาวิทยาลัยให้เธอระวังตัวให้มาก!
……………………..