ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1530 โอ้อวด + ตอนที่ 1531 ไม่มีหลักฐาน
ตอนที่ 1530 โอ้อวด
เหมยเหมยชี้หน้าเจิ้งซื่อหลินพร้อมด่า “พวกแกสองคนเป็นสัตว์ชั้นต่ำที่ทรยศอาจารย์ อย่าแม้แต่จะคิดที่จะแย่งเอาชีวิตจิตใจของคุณตาไป ฝันไปเถอะ!”
เจิ้งซื่อหลินหันมองเหยียนซินหย่าอย่างโมโห ทำราวกับมองไม่เห็นเหมยเหมย
“น้องเหยียนเธอไม่ควรจะเห็นแก่ตัวเกินไป เพื่อให้ได้ครอบครองสิ่งต่าง ๆของอาจารย์ถึงขนาดยอมปล่อยให้นางเด็กกะโปโลนี่มาสืบทอดมรดกของสำนักเหยียนโดยไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี เธอต้องการจะทำลายของรักของท่านอาจารย์หรือ?”
เจิ้งซื่อหลินพูดอย่างไร้ยางอาย ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปแล้ว ความโลภทรัพย์สินอันล้ำค่าทำให้พวกเขากระวนกระวาย แค่ต้องการขับไล่เหยียนซินหย่าออกไปโดยเร็วแล้วดำเนินงานนิทรรศการต่อด้วยตัวเอง จากนั้นค่อยแบ่งสมบัติที่อยู่ในหอนิทรรศการเหล่านี้
เหยียนซินหย่าสงบลง เธอไม่อาจปล่อยให้ลูกสาวต้องออกหน้ารับความไม่เป็นธรรมนี้ต่อไปได้แล้ว เธอต้องเข้มแข็ง
“พวกคุณยังคู่ควรที่จะพูดถึงเรื่องมโนธรรมกับฉันด้วยเหรอ? มรดกของพ่อฉันแน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนสืบทอด พวกคุณอย่าคิดที่จะข้องเกี่ยวแม้แต่น้อย ส่วนลูกสาวของฉันจะมีสิทธิ์หรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกคุณ ต่อให้ลูกสาวฉันเรียนศิลปะไม่ได้เรื่องแต่ก็ยังแกร่งกว่าบางคนที่ทรยศอาจารย์เป็นร้อยเท่าแล้วกัน!”
หร่วนหวาไฉ่ที่เงียบมาตลอดหัวเราะเยาะ พูดขึ้นเสียงดัง “ต่อให้เธอยกยอลูกสาวจนกลายเป็นเซียนสวรรค์ ก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ ลูกสาวของเธอไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดมรดกสำนักเหยียนได้เลย!”
เหยียนซินหย่ากลับไม่ได้พูดแต่เดินไปยังตู้โชว์ที่ผนังด้านหนึ่งชี้ไปยังไม่กี่ภาพตรงนั้นพลางเอ่ย “นี่คือภาพวาดที่ลูกสาวฉันเข้าร่วมแข่งขันวาดภาพรุ่นเยาวชนระดับประเทศตอนอายุสิบสองปีได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ตอนนั้นเธอเรียนวาดรูปได้ไม่ทันถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ”
เธอหันไปมองหร่วนหวาไฉ่อย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “การแข่งขันในปีนั้นเลขาธิการหร่วนเป็นเจ้าภาพด้วยนี่ อีกอย่างโอหยางซานซานศิษย์เอกของคุณถูกปลดเพราะโกงการแข่งขัน หร่วนหวาไฉ่คุณคงไม่ได้ลืมไปหรอกใช่ไหม?”
เรื่องราวของโอหยางซานซานในปีนั้นแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่แต่ในวงการศิลปะมีคนรู้ไม่น้อยเลย คนส่วนใหญ่ลืมกันไปหมดแล้ว บัดนี้เหยียนซินหย่าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งทุกคนจึงนึกขึ้นมาได้ และมีท่าทีแปลกไป
สีหน้าของหร่วนหวาไฉ่แย่กว่ามาก พร้อมอธิบายขึ้น “เรื่องนี้เป็นเพราะตัวผมเองที่ก่อนเกิดเรื่องไม่ได้ดูคุณสมบัติของศิษย์ก่อน เป็นความรับผิดชอบของผมเอง”
เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะประชด “คนประเภทเดียวกัน อาจารย์เป็นแบบไหนศิษย์ก็เป็นแบบนั้นแหละ!”
เหยียนซินหย่าลูบมือลูกสาวเพื่อปลอบโยน เธอแนะนำภาพวาดไปเรื่อย ๆซึ่งถูกแบ่งตามอายุของเหมยเหมยในแต่ละวัย พัฒนาการดีขึ้นอย่างชัดเจน ใครมีตาก็สามารถมองเห็นได้ทั้งนั้น
“หากพูดถึงจิตวิญญาณในการวาดภาพ ฉันหรือที่จะไม่รู้จักลูกสาวตัวเอง ตอนที่ฉันอายุเท่ากับเธอไม่มีทางวาดภาพที่มีจิตวิญญาณขนาดนี้ได้หรอก ดังนั้นฉันมั่นใจว่าในวันข้างหน้าลูกสาวฉันต้องสำเร็จในวงการศิลปะแน่ และมากกว่าฉันด้วย…”
เหยียนซินหย่าไม่ลังเลที่จะชื่นชม ใบหน้าดูภาคภูมิใจมาก
คนอื่นต่างพยักหน้าไม่หยุด คนส่วนใหญ่ก็ยังคงยึดทัศนคติที่เป็นกลาง บัดนี้เห็นภาพวาดของเหมยเหมยดีมากจริง ๆ เป็นธรรมดาที่จะโอนเอนมาทางเหยียนซินหย่าสองแม่ลูก
“ตอนนี้มีใครกล้าพูดว่าลูกสาวฉันไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดกสำนักเหยียนอีกไหมคะ? เธอเป็นสายเลือดเดียวกับพ่อของฉัน และมีคุณสมบัติที่ดีในการวาดภาพ ถ้าเธอไม่มีสิทธ์ ใครเล่าจะมีศิษย์?”
เหยียนซินหย่าพูดด้วยเสียงอันดังด้วยแววตาดุดัน ต่างไปจากความอ่อนโยนในอดีต
เจิ้งซื่อหลินมีหรือจะยอม เอาแต่พูดว่าเหมยเหมยเรียนหลายอย่าง “ต่อให้มีคุณสมบัติ แต่แบ่งสมาธิทำอะไรหลายอย่างย่อมไม่ดีแน่ น้องเหยียนก็อย่าพึ่งพูดมากไป!”
เหมยเหมยแย่งพูดอย่างโมโห “ฉันแบ่งสมาธิทำหลายอย่างก็เพราะฉันมีความสามารถในการควบคุม โลกแห่งอัจฉริยะ แน่นอนว่าคนโง่ไม่มีทางเข้าใจหรอก!”
สำหรับคนหน้าด้านอย่างเจิ้งซื่อหลิน เหมยเหมยกล้าโอ้อวดด้วยที่ไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด
…………………………………………………….
ตอนที่ 1531 ไม่มีหลักฐาน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกระลอกโดยเฉพาะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อที่รอบนี้หัวเราะจนน้ำตาเล็ดอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ
คนอื่นก็หัวเราะตามเช่นกัน แต่กลับคิดว่าเหมยเหมยนั้นหลงตัวเองเกินไป มีอย่างที่ไหนจะยกยอตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะบ้าง?
เจิ้งซื่อหลินพูดเย้ย “เธอคิดว่าอัจฉริยะคือผักกาดขาวที่มีเกลื่อนกลาดหรือไงที่จะเรียกใคร ๆว่าอัจฉริยะได้ง่ายดายขนาดนั้น?”
“ยังไงก็เก่งกว่าพวกคุณแล้วกัน!” เหมยเหมยพูดตอกกลับเย้ยหยัน
เจิ้งซือหลินมองไปทางผู้เฒ่าสวีแวบหนึ่ง ผู้เฒ่าสวีเลยได้แต่พูดเสียงแข็งว่า “ไม่ว่าอย่างไรซื่อหลินกับหวาไฉ่ล้วนเป็นลูกศิษย์ของตานชิง พวกเขาล้วนมีสิทธิ์สืบทอดสำนักเหยียน…”
เหยียนซินหย่าพูดขัดด้วยความโกรธ “เหลวไหล สองคนนี้คือตัวการสำคัญของการตายพ่อฉัน ถ้าคุณยังช่วยคนชั่วอีกงั้นก็ขอเชิญคุณกลับไป นิทรรศการศิลปะพ่อฉันไม่ต้อนรับคุณ!”
“น้องเหยียนต้องมีหลักฐานนะ ไม่มีหลักฐานก็อย่าหาว่าเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาจารย์ตาย!” เจิ้งซื่อหลินแค่นหัวเราะอย่างไร้ความกังวลใด
เพราะเขารู้ดีว่าเวลานั้นผู้ที่รู้เรื่องนี้ต่างก็ตายไปบ้าง หนีไปบ้าง เหยียนซินหย่าไม่มีทางหาหลักฐานได้อย่างแน่นอน
เหยียนซินหย่าไม่มีหลักฐานอย่างว่าจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีวันปล่อยสามคนนี้มาจนถึงทุกวันนี้ได้ เจิ้งซื่อหลินยิ่งได้ใจเผยรอยยิ้มดุจปลายมีดคมที่ทิ่มแทงเหยียนซินหย่ากับเหมยเหมยให้ใจเจ็บ
“ฉันยืนยันได้ว่าเหยียนตานชิงตายด้วยฝีมือสามคนนี้!”
เสียงแก่ ๆเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากประตูโถงจัดนิทรรศการที่เรียกให้ทุกคนหันกลับไปดูพร้อมกัน กลับพบว่าเป็นอาจารย์เซียวที่หลายปีมานี้มีข่าวลือว่าป่วยอยู่ เขากำไม้เท้าเดินเข้ามาอย่างยากลำบากภายใต้การประคับประคองของเซียวจิ่งหมิง
เหมยเหมยกับเหยียนซินหย่าตกใจอย่างมาก หากจะพูดถึงผู้รู้เหตุการณ์นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มี อาจารย์เซียวก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อก่อนเขายังเคยเขียนบทความด่าพวกเจิ้งซื่อหลินมาก่อนเลย
แต่อาจารย์เซียวกับเหยียนตานชิงไม่ถูกคอกัน อาจารย์เซียวยอมไม่ได้ที่เหยียนตานชิงมีชื่อเสียงมากกว่าเพราะเขาคิดว่าตัวเองเก่งกว่าเหยียนตานชิง เหยียนตานชิงเองก็ไม่ชอบใจนิสัยรักสนุกของอาจารย์เซียวจนทั้งคู่มีความสัมพันธ์ดั่งไฟกับน้ำที่อยู่ร่วมกันไม่ได้
อีกทั้งสมัยเหยียนตานชิงยังหนุ่ม ๆไม่ใช่คนนิสัยอ่อนโยนหรือพูดได้ว่าอารมณ์ฉุนเฉียวไม่เบาเลย เขามักเขียนบทความด่าอาจารย์เซียวอย่างดุเดือดลงหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง ชี้ด่าเจาะจงชื่อสกุลด้วยถ้อยคำรุนแรงจนผู้อ่านสะอึกกันไปตาม ๆกัน
แน่นอนว่าอาจารย์เซียวก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเขียนบทความตอบโต้ด้วยวาจารุนแรงโต้กันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร
ถึงทั้งคู่จะไม่ถูกคอกันดั่งไฟกับน้ำ ทว่าหลังจากเหยียนตานชิงตายไปอย่างไร้ความยุติธรรมก็มีเพียงอาจารย์เซียวเขียนบทความออกหน้าแทนเขา เพื่อนสนิทคนอื่น ๆต่างเงียบกริบ แม้ว่าจะถูกบีบบังคับโดยปัจจัยต่าง ๆแต่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจจริง ๆ
เหยียนซินหย่าเองก็เคยไปหาอาจารย์เซียวให้เขาช่วยออกหน้าให้แต่อาจารย์เซียวกลับปฏิเสธ บอกเพียงว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของเหยียนตานชิง
สองปีนี้อาจารย์เซียวสุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ แม้แต่พู่กันยังจับไม่ไหว เหยียนซินหย่าเองก็ไม่อยากรบกวนเขาจึงไม่ได้ไปร้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีก กลับคิดไม่ถึงว่าวันนี้อาจารย์เซียวจะมาด้วยตัวเอง
เซียวจิ่งหมิงขยิบตาให้เหมยเหมย วันเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนตัวเขาที่ยังคงชอบวางมาดเป็นนกยูงตัวแก่อย่างแท้จริง
“เหยียนตานชิงถูกใส่ร้ายในตอนนั้นฉันจำมันได้ดี พวกเขาสองคนร่วมมือกับตานเหอเจิ้งใส่ร้ายเหยียนตานชิง อีกทั้งยังทำร้ายลูกศิษย์คนโปรดของเหยียนตานชิงอย่างเซี่ยทิงเทาอีกด้วย”
อาจารย์เซียวใช้ไม้เท้าชี้ไปที่พวกเจิ้งซื่อหลินทั้งสามคนด้วยสายตารังเกียจปนโกรธเคือง เหยียนตานชิงตาบอดที่รับคนแบบนี้มาเป็นลูกศิษย์!
“ท่านไม่ถูกกับอาจารย์ผม ถ้อยคำที่ท่านพูดมักจะ…เหอเหอ…” เจิ้งซื่อหลินแสยะยิ้มแต่ตากลับไม่ยิ้มด้วย ซึ่งความหมายก็คืออาจารย์เซียวโกหก
“เหลวไหล…แก…แค่กแค่กแค่ก…”
อาจารย์เซียวโมโหจนไอรัวยาวจนแทบหายใจไม่ทัน เซียวจิ่งหมิงลูบหลังเขาไม่หยุดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ!
…………………………..