ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1546 ฉันถามเธอตอบ + ตอนที่ 1547 ตายก็ไม่ยอมรับ
ตอนที่ 1546 ฉันถามเธอตอบ
เจิ้งเสวี่ยซานได้ยินเสียงปิดประตูก็อดมือสั่นไม่ได้ เนื้อซี่โครงในช้อนตักซุปร่วงตกลงถ้วย ซึ่งยิ่งทำให้หมดความอยากอาหารจากที่ไม่อยากอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลายวันมานี้เธอกังวลอยู่เสมอว่าจ้าวเหมยจะกลับมาเรียนแล้วเอาคืนเธอ ในที่สุดวันนี้จ้าวเหมยก็มาเรียนสักทีแต่ช่วงเช้ากลับผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข แต่เธอไม่ได้สบายใจขึ้นเลยกลับยิ่งกังวลใจมากกว่าเดิม
แต่ตอนนี้เธอกลับใจเย็นลงแล้ว
จ้าวเหมยไม่มีหลักฐาน ต่อให้สงสัยเขาแล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
เธอแค่ไม่ยอมรับก็จบ!
เจิ้งเสวี่ยซานที่คิดได้เลยเริ่มลงมือทานข้าวต่ออย่างใจเย็นไม่รีบร้อนนัก ทานด้วยท่วงท่าสง่างามอีกทั้งยังบอกกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่า “ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง ปิดประตูเบา ๆหน่อย ห้องอื่นจะไม่พอใจเอา”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชะงักอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา
โอ้โห นี่หรือคนชั่วที่ชิงกล่าวโทษคนอื่นก่อนในตำนาน?
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเสียงดังยิ่งกว่านี้ ฉีฉีเก๋อเธอช่วยปิดประตูให้ฉันที ปิดให้สนิทหน่อยนะ!” เหมยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้คนได้ยินรู้สึกหวาดผวาในใจ
เจิ้งเสวี่ยซานใจหล่นวูบ พอจะสังหรณ์ใจได้ว่าคนที่เหมยเหมยจัดการก็คือเธอ แต่เธอไม่คิดว่าจ้าวเหมยจะกล้าลงไม้ลงมือกลางวันแสก ๆแบบนี้ ในเมื่อยังอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยอยู่นะ!
แต่ว่า–
ฉีฉีเก๋อเพิ่งปิดประตูลงเหมยเหมยก็ก้าวมาตรงหน้าเจิ้งเสวี่ยซานแล้วกระชากคอเสื้อเธอไม่ต่างจากที่คาดไว้เท่าไร เธอกับเจิ้งเสวี่ยซานสูงพอ ๆกัน แม้เจิ้งเสวี่ยซานจะมีหุ่นบึกบึนกว่าเธอแต่เพราะขาดการฝึกฝนเลยมีไหวพริบและแรงสู้เหมยเหมยไม่ได้ ถูกจับตัวไว้ได้เพียงครู่เดียว
“แกร๊ง”
ช้อนของทุกคนร่วงตกพื้นโต๊ะ ทำหน้าตกใจแต่กลับไม่กล้าออกเสียง
ก่อนหน้านี้มีตัวอย่างของถังม่านลี่ให้ดูแล้ว พวกเธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
“จ้าวเหมย เธอคิดจะทำอะไร? ที่นี่คือมหาลัยนะ!” เจิ้งเสวี่ยซานเองก็กลัวแต่ทำใจดีสู้เสือ เสียงสั่นเครือกลับทรยศความลนลานที่ก่อตัวขึ้นภายในใจเธอ
เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะผลักเจิ้งเสวี่ยซานที่พยายามดิ้นรนไว้บนเตียงก่อนจะดึงผ้าพันคอที่แขวนไว้หัวเตียงมาผูกมือสองข้างของเจิ้งเสวี่ยซานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว เธอใช้เงื่อนการผูกที่เหยียนหมิงซุ่นใช้สอนคนในกองทัพที่ยิ่งดิ้นรนเท่าไรก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม
เจิ้งเสวี่ยซานเห็นใบหน้าเย็นชาของเหมยเหมยถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคิดผิดไปแล้ว
คุณหนูใหญ่อย่างจ้าวเหมยคิดจะสั่งสอนใครยังต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?
ขัดหูขัดตาก็คือเหตุผลที่ดีที่สุด น่าขำที่เธอยังนึกระรื่นใจอยู่ฝ่ายเดียวที่อีกฝ่ายไม่มีหลักฐาน!
เจิ้งเสวี่ยซานรู้ว่าวันนี้หนีไม่รอดแล้ว เธออ้าปากกว้างคิดจะร้องขอความช่วยเหลือแต่เหมยเหมยคว้าปลอกหมอนมายัดปากเธอจนไม่เหลือช่องว่างอีก
พวกสีอันน่าตกใจแทบแย่แม้เมื่อก่อนเคยมีเหตุทะเลาะวิวาทกันในมหาวิทยาลัยบ้าง แต่ล้วนเป็นเพียงสงครามน้ำลาย มีอย่างจ้าวเหมยที่ไหนที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงไม้ลงมือกันเลย?
“จ้าวเหมย…เธอใจเย็นหน่อย ถ้าอาจารย์รู้เข้าต้องลงโทษเธอแน่!” สวีจื่อเซวียนเรียกความกล้าลุกขึ้นพูดเกลี้ยกล่อมปกติเธอสนิทกับเจิ้งเสวี่ยซานไม่น้อย ยามเพื่อนตกทุกข์ได้ยากเธอคงนิ่งดูดายเฉย ๆไม่ได้หรอก
เหมยเหมยกวาดตามองทุกคนอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่งแล้วพูดเตือน “คิดจะฟ้องอาจารย์เชิญตามสบาย ฉันไม่ห้ามหรอก!”
สีอันน่ากับถังม่านลี่ก้มหน้าลงพร้อมกันพยายามทานข้าวต่อ
สวีจื่อเซวียนตาแดงก่ำ เธออยากไปตามอาจารย์มากแต่เธอไม่กล้า บทเรียนสดใหม่จากถังม่านลี่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานเธอไม่อยากโดนจ้าวเหมยแก้แค้น
เธอมาอยู่เมืองหลวงระยะหนึ่งแล้วพอได้เจอคนเก่งมากมาย ความเหลิงและความเย่อหยิ่งของสวีจื่อเซวียนก็ค่อย ๆถูกลับจนทู่ และยอมก้มศีรษะให้กับความจริงอย่างปฏิเสธไม่ได้
เหมยเหมยกระตุกยิ้มอย่างพอใจก่อนหันมองเจิ้งเสวี่ยซานที่ทำหน้าตื่นตกใจ ถามเสียงเย็นชา “ตอนนี้ฉันถามเธอตอบ พยักหน้าหรือส่ายหัวเท่านั้น เข้าใจไหม?”
……………………
ตอนที่ 1547 ตายก็ไม่ยอมรับ
เหมยเหมยไม่คิดจะให้เจิ้งเสวี่ยซานยอมรับในสิ่งที่เธอทำ เธอแค่อยากซ้อมผู้หญิงคนนี้เป็นการระบายอารมณ์แล้วฉีกหน้าเสแสร้งจอมปลอมการเป็นผู้ดีของเธอให้ขาดสะบั้น
“ที่สโมสรจินตี้เธอร่วมมือกับโฮ่วเซิ่งหนานจงใจจะเล่นงานฉันใช่ไหม?” เหมยเหมยถามเสียงเย็นชา
เจิ้งเสวี่ยซานส่ายศีรษะรัว เธอจะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
เหมยเหมยกระทืบเท้าใส่หน้าท้องของเจิ้งเสวี่ยซานทำเอาเจิ้งเสวี่ยซานเจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่กลับปริเสียงร้องไม่ได้ คนอื่น ๆเห็นเข้าก็ตกใจหวาดผวาและเหงื่อผุดขึ้นแผ่นหลังจนไม่หยุดหย่อน
วันนี้จ้าวเหมยใส่รองเท้าหนังหัวเหลี่ยมมา กระทืบทีต้องเจ็บขนาดไหนกันนะ!
“คิดว่าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ? ไฟซาลสารภาพหมดแล้ว”
เหมยเหมยกระทืบเท้าใส่อีกทีโดยที่เธอเลือกเตะจุดที่มีเนื้อหนังมากที่สุด มีแต่จะสร้างความเจ็บเป็นเท่าตัวแต่กลับไม่เกิดแผลช้ำใน เจิ้งเสวี่ยซานเจ็บจนกลิ้งไปมาแต่กลับมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนดี หากไฟซาลสารภาพไปหมดแล้วทำไมทางตำรวจถึงไม่มาตามจับเธอ?
ฉะนั้นจ้าวเหมยต้องกำลังหลอกเธอแน่ ๆ!
เจิ้งเสวี่ยซานยังคงส่ายศีรษะแรง ๆส่ายจนเหมยเหมยเกิดบันดาลโทสะ ผู้หญิงคนนี้เห็นแล้วว่าเธอไม่มีหลักฐานและคิดไว้แล้วว่าเธอไม่กล้าเอาถึงชีวิต โมโหจะตายอยู่แล้ว!
เหมยเหมยกระทืบไปอีกหลายทีด้วยแรงโทสะก่อนเปลี่ยนเรื่องไปที่รูปวาด
“เธอเป็นคนขโมยภาพวาดไปใช่ไหม?”
เจิ้งเสวี่ยซานยังคงส่ายศีรษะขณะที่เหงื่อชุ่มไปทั้งหน้า ผมแนบติดหน้าผากขับให้ดูสภาพโทรมเหลือเกิน
“เรื่องนี้เธอไม่ยอมรับก็เปล่าประโยชน์ เจิ้งเสวี่ยซาน จะให้ฉันจับตัวเจิ้งซื่อหลินมาเทียบคำตอบดูไหมละ? เธอเก็บความลับได้เก่งจริง ๆนะ มีคุณปู่แท้ ๆที่เก่งกาจขนาดนี้กลับไม่ยอมเปิดเผยสถานะเลยสักนิด”
ถ้อยคำของเหมยเหมยก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนต่างตกใจกันถ้วนหน้า
บุคคลที่ชื่อเจิ้งซื่อหลินเป็นที่คุ้นหูกันดี!
เขาเป็นคุณปู่ของเจิ้งเสวี่ยซานได้อย่างไร?
เจิ้งเสวี่ยซานกลับยิ่งลนลานเพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเบื้องหลังครอบครัวที่เธอปกปิดมาอย่างดีกลับถูกจ้าวเหมยตามสืบจนรู้ได้ คราวนี้ควรทำอย่างไรดีล่ะ?
เหมยเหมยพูดต่อ “พ่อของเธอเกิดจากภรรยาคนแรกของเจิ้งซื่อหลิน ตามหลักแล้วเธอควรเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลเจิ้งถึงจะถูก แต่เจิ้งซื่อหลินไม่ชอบพ่อของเธอเลยไม่นับญาติมาโดยตลอด เพื่อที่เธอจะได้รับการยอมรับจากเจิ้งซื่อหลินเลยแอบขโมยรูปที่ฉันวาดให้ฉีฉีเก๋อเพื่อเอาใจเจิ้งซื่อหลินสินะ…
เหอะ แต่เสียดายที่ขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวไปอีกกำมือ บรรพบุรุษลูกหลานตระกูลเธอนิสัยเหมือนกันหมด เก่งแต่เล่นตุกติกลับหลังคนอื่น เป็นหัวขโมยที่ชอบเล่นงานคนในที่ลับ!”
เหมยเหมยเล่าเบื้องหลังชีวิตเจิ้งเสวี่ยซานหมดเปลือกภายในไม่กี่ประโยค ซึ่งแต่ละประโยคราวกับใบมีดที่ปักลงกลางใจเจิ้งเสวี่ยซานจนเจ้าตัวยังชะงักนิ่งไป
คนอื่น ๆเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งทื่อไปของเธอและไม่คิดจะโต้แย้งใด ๆเลยรู้ว่าสิ่งที่เหมยเหมยพูดมาคงไม่พ้นความจริงเท่าไร เลยเลือกที่จะเชื่อเหมยเหมยก่อนจะแสดงสีหน้าดูถูกดูแคลน
ปกติดูเป็นลูกคุณหนูที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี พูดอะไรก็ดูมีความรู้ไปหมด แต่ตัวเองกลับแอบทำในสิ่งที่มีแต่หัวขโมยเขาทำกัน
รู้คนรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจจริง ๆ!
ฉีฉีเก๋อโกรธในฉับพลันพุ่งเข้าไปตะคอกใส่ “เธอมันจิตใจสกปรก เธอไม่คู่ควรกับการเป็นหัวหน้าห้อง และไม่คู่ควรเป็นสมาชิกพรรคสักนิด!”
“ใช่ ฉีฉีเก๋อพูดไม่ผิดหรอก เจิ้งเสวี่ยซาน เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ใช้กฎหมายมาจัดการเธอ?” เหมยเหมยก้มมองเจิ้งเสวี่ยซานไม่ละสายตา เห็นความกลัวและอ้อนวอนในสายตาเธอแต่กลับไม่สะทกสะท้าน
“เพราะฉันจะลงโทษเธอด้วยตัวเอง หลังจากนี้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอจะสนุกมากเลยล่ะ รอดื่มด่ำให้เต็มที่เลยนะ!”
เหมยเหมยกระทืบใส่ร่างเจิ้งเสวี่ยซานอีกหลายทีถึงเอาปลอกหมอนในปากเธอออกแล้วแกะปมผ้าพันคอที่พันข้อมือเธอออก เจิ้งเสวี่ยซานนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียงเจ็บจนหน้ามืด เหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มตัวซึมผ่านเสื้อผ้าจนแนบเนื้อและรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว
แต่กลับไม่สู้ความหนาวเหน็บในหัวใจของเธอได้
เธอไม่รู้ว่าจ้าวเหมยจะใช้วิธีไหนจัดการตัวเธอเอง!
“จ้าวเหมย…เธออย่าคิดว่าครอบครัวเธอมีตำแหน่งใหญ่โตแล้วจะใส่ร้ายฉันได้ง่าย ๆ ต่อให้คุณปู่ฉันคือเจิ้งซื่อหลินแล้วเธอมีสิทธิ์อะไรถึงมั่นใจว่าฉันเป็นคนขโมยภาพวาดไปล่ะ?” เจิ้งเสวี่ยซานพูดเสียงหอบเพราะเธอไม่อยากยอมแพ้
……………………….