ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1548 เล่นชิงช้า + ตอนที่ 1549 สารภาพหมดเปลือก
ตอนที่ 1548 เล่นชิงช้า
เหมยเหมยกระทืบเจิ้งเสวี่ยซานเข้าอีกทีเจ็บจนไออีกหนึ่งระลอก พวกสีอันน่าเห็นแล้วสะดุ้งจนเนื้อเต้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหมยเหมยจะใจกล้าขนาดนี้ นี่มันเหมือนโจรหญิงชัด ๆ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับเชยชมด้วยดวงตาวาววับ กำหมัดหลวม ๆ อยากไปร่วมกระทืบด้วยอีกหลายทีเสียจริง
“เจิ้งเสวี่ยซานเธอไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม? ได้ ฉันจะถามเธออีกที!”
เหมยเหมยกระชากตัวเจิ้งเสวี่ยซานขึ้นอย่างโกรธเคืองก่อนกระชากผ้าปูที่นอนมาพันรอบตัวเธอไว้ คนอื่น ๆไม่รู้ว่าเหมยเหมยคิดจะทำอะไรเลยได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น แต่ลางสังหรณ์เตือนว่าใกล้จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
“เธอจะ…ทำอะไร? จ้าวเหมย…เธอปล่อยฉันนะ…”
เจิ้งเสวี่ยซานผวาถึงขีดสุด น้ำตาที่กลั้นไว้แต่แรกไหลพรากในที่สุด เจ้าตัวดิ้นพล่านสุดชีวิตแต่กลับเปล่าประโยชน์ เหมยเหมยลากผ้าปูที่นอนที่ผูกรอบตัวเธอมาถึงริมหน้าต่าง
คนอื่นต่างพากันตกใจรีบถอยหนีไม่กล้าห้ามเพราะเหมยเหมยในขณะนี้เหมือนยมทูตก็ไม่ปาน หน้าตายังคงสวยงามดั่งเดิมแต่ความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากรอบตัวกลับหนาวซึมเข้ากระดูกพวกเธอ
เหมยเหมยเปิดหน้าต่างให้ลมหนาวหลั่งไหลเข้ามา เรียกให้ทุกคนตัวสะท้านด้วยความหนาว
เหมยเหมยยกตัวเจิ้งเสวี่ยซานขึ้นด้วยสองมือ แต่ดีที่ขอบหน้าต่างนี้ไม่สูงนักแต่ก็เสียแรงเธอไปมากเหมือนกันกว่าจะยกตัวเจิ้งเสวี่ยซานไปวางไว้บนขอบหน้าต่างได้
“จ้าวเหมย…เธอทำอะไร…เธอปล่อยฉันนะ…เธอบ้าไปแล้ว!”
เจิ้งเสวี่ยซานถึงรู้ทันว่าเหมยเหมยคิดจะทำอะไรพลันก็สติแตกกระเจิง จ้าวเหมยจะเอาชีวิตเธอไปแล้ว!
กลางวันแสก ๆเธอไม่กลัวโดนจับเข้าคุกหรือ?
เจิ้งเสวี่ยซานเห็นสีหน้าเย็นชาไม่กระวนกระวายของเหมยเหมยก็ใจดิ่งถึงก้นเหว จ้าวเหมยไม่นึกกลัวเลยสักนิดบ่งบอกว่าต่อให้เธอฆ่าคนจริง ๆก็จะไม่เป็นไรแน่ ๆ
“จ้าวเหมย เธอรีบปล่อยฉัน เธออย่าทำเรื่องบ้า ๆนะ!”
เจิ้งเสวี่ยซานเว้าวอนแต่เหมยเหมยไม่สะทกสะท้านใด ๆยังคงมุ่งหน้าทำต่อไปเงียบ ๆ ฉีฉีเก๋อสับสนอย่างมากเธอทั้งอยากเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนอย่าคิดทำเรื่องโง่ ๆเพราะไม่คุ้มค่าเลยหากทำกับคนไร้ความสำคัญอย่างเจิ้งเสวี่ยซาน แต่เธอก็กลัวเหมยเหมยในตอนนี้ถึงได้ตบตีกับความคิดอยู่ในใจ
เธอมองไปทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพื่อขอความช่วยเหลือแต่กลับเห็นยายอ้วนนี้สองขาสั่นพรึ่บ มือขาวอวบประคองตัวเองไว้แน่นถึงจะทรงตัวไม่ให้ทรุดนั่งกับพื้นได้
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจจริง ๆ เธอไม่คิดว่าดาวมหาวิทยาลัยจะเอาจริง?
คุณหนูใหญ่เหริ่นอย่างเธออย่างมากก็แค่เอากระสอบครอบหัวหรือตามไปดักรอหน้าปากซอยบ้างอะไรบ้าง เรื่องที่ต้องเลือดตกยางออกไม่เคยทำมาก่อน!
“เหมยเหมย เธอใจเย็นหน่อย ทำเพราะหล่อนมันไม่คุ้มหรอก!” สุดท้ายฉีฉีเก๋อก็เรียกความกล้าในการห้ามจนได้ เธอจะมองเพื่อนทำผิดต่อหน้าต่อตาเฉยแล้วไม่ห้ามไม่ได้
“พวกเธอไม่ต้องยุ่ง ตายฉันรับผิดชอบเอง!”
เพิ่งสิ้นเสียงเหมยเหมยก็ยัดปลอกหมอนใส่ปากเจิ้งเสวี่ยซานแล้วผลักลงไป เจิ้งเสวี่ยซานตกใจกรีดร้องเสียงดังแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
เจิ้งเสวี่ยซานมองไปชั้นล่างด้วยความสะพรึง ห้องพักพวกเธออยู่ชั้นสามซึ่งชั้นล่างเป็นพื้นปูนซีเมนต์ หากล้มกระแทกลงไปจริง ๆต้องตายแน่นอน
ผ้าปูที่นอนฟากหนึ่งห่อหุ้มกายเธอไว้โดยอีกฟากหนึ่งถูกเหมยเหมยผูกรอบเสาเตียงไว้ เจิ้งเสวี่ยซานเหมือนกำลังนั่งชิงช้าที่แกว่งไปมาอยู่ระเบียงหน้าต่างชั้นสาม
“เจิ้งเสวี่ยซาน ตอนนี้เธอบอกฉันมาว่าใครเป็นคนขโมยภาพวาดไป?”
เหมยเหมยแกะปมอีกฟากของผ้าปูออกให้หย่อนลงไปอีกนิด เจิ้งเสวี่ยซานที่ตัวดิ่งลงไปทำเธอตกใจอยากจะสลบให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดันไม่สลบ ได้แต่ส่ายหน้าระรัวปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ยังไม่ยอมรับอีก? ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่าหาว่าฉันใจเหี้ยมแล้วกัน!”
เหมยเหมยหย่อนผ้าปูลงอีกหนึ่งช่วงต่อ จึงทำให้ดิ่งลงอย่างรวดเร็วจนเจิ้งเสวี่ยซานคิดว่าตัวเองจะต้องร่วงตกลงไปแล้ว ความหวาดผวาที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจพังทลายเส้นป้องกันตัวของเธอไม่เหลือซาก
“ฉันบอกแล้ว…เธออย่าปล่อยมือนะ…ฉันจะพูดให้หมดเลย…ขอร้องล่ะ!”
เจิ้งเสวี่ยซานร่ำไห้อ้อนวอน เธอกลัวจริง ๆ จ้าวเหมยคือปีศาจที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นที่จัดการได้ง่าย ๆอย่างที่เธอเคยมีมาก่อน ความคิดภายในใจทั้งหมดของเธอไม่เคยปกปิดได้ยามอยู่ต่อหน้าจ้าวเหมย
…………………………..
ตอนที่ 1549 สารภาพหมดเปลือก
เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงพอดีทั้งยังเป็นช่วงฤดูหนาวที่ลมหนาวพัดโกรกทำให้บริเวณชั้นล่างไม่มีใคร ต่อให้มีคนเดินผ่านไปมาก็ไม่แหงนหน้ามองขึ้นมาชั้นบน ทำให้ไม่มีใครเห็นเจิ้งเสวี่ยซานที่ห้อยอยู่กลางอากาศจนถึงตอนนี้
เจิ้งเสวี่ยซานร่ำไห้น้ำตาไหลขี้มูกโป่ง เหมือนยายบ้าคนหนึ่งที่หมดซึ่งความสง่าอย่างที่เคยมี
เหมยเหมยปล่อยผ้าปูให้สุดเลยลอยเคว้งอยู่กลางอากาศอย่างนั้น ก่อนหน้านี้เจิ้งเสวี่ยซานไม่เคยรู้สึกว่าตึกสามชั้นสูงสักเท่าไร แต่ตอนนี้เธอเหมือนอยู่บนขั้นบันไดสู่สวรรค์ ภาพเบื้องหน้ามืดมนอยากจะสลบเหมือดไปทั้งอย่างนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเสีย
แต่เธอในเวลานี้กลับมีสติยิ่งกว่าช่วงเวลาไหน ๆ
ความอุ่นแผ่ซานสู่เบื้องล่าง หากชั้นล่างมีคนยืนอยู่ตอนนี้ต้องพบว่าบนพื้นมีน้ำเจิ่งนองเล็ก ๆแถมยังมีกลิ่นฉุนเสียด้วย
เจิ้งเสวี่ยซานทั้งกลัวทั้งอายทั้งแค้น เธอไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อนนับตั้งแต่รู้ความมา สิ่งที่เธอแสดงให้คนภายนอกเห็นมีแต่ความสง่างามกริยาวาจาอย่างเหมาะสมโดยเสมอมา แต่ตอนนี้…
เจิ้งเสวี่ยซานไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอแค่อยากมีชีวิตต่อไป
ยัยบ้าจ้าวเหมยอาจเป็นไปได้ที่จะฆ่าเธอ!
เธอไม่อยากตายเลยนี่นา!
เหมยเหมยห้อยเจิ้งเสวี่ยซานอยู่อย่างนั้นพักใหญ่โดยไม่พูดอะไร แค่มองด้วยสายตาเย็นชาสีหน้าเรียบเฉย พวกสวีจื่อเซวียนตกใจจนเป็นใบ้ไปแล้วเพราะพวกเธอถึงรู้ตัวว่าเมื่อก่อนจ้าวเหมยออมมือกับเธอมากแค่ไหน!
ผ่านไปราวสิบห้านาทีก็ผึ่งลมอยู่อย่างนั้น หยาดเหงื่อและน้ำปัสสาวะที่เปียกชุ่มบนตัวเจิ้งเสวี่ยซานทำให้เสื้อผ้าเย็นชื้นแทรกเข้ากระดูก อีกทั้งก่อนหน้านี้ในห้องมีฮีทเตอร์เจิ้งเสวี่ยซานเลยถอดเสื้อกันหนาวออกสวมเพียงเสื้อไหมพรมตัวเดียว พอตอนนี้ถูกจับห้อยอยู่ข้างนอก เจิ้งเสวี่ยซานจึงหนาวปากสั่นระริกริมฝีปากช้ำม่วงไปหมด
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก ต่อให้มีลมหนาวพัดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้อุณหภูมิในห้องลดลง พวกสวีจื่อเซวียนก็ไม่กล้าบ่นแม้แต่คำเดียวได้แต่สวมเสื้อกันหนาวเพื่อสร้างความอุ่นให้แก่ร่างกาย
รอเจิ้งเสวี่ยซานเกือบปางตายเหมยเหมยถึงลากขึ้นมาดึงปลอกหมอนในปากออกพลางถามเสียงเย็นชา “คิดดีหรือยัง?”
เจิ้งเสวี่ยซานหนาวจนน้ำตาน้ำมูกแทบจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง โดนลมซัดจนเจ็บแสบไปทั้งใบหน้า แล้วจะยังกล้าปากแข็งเสียที่ไหนอีก ได้แต่พยักหน้ารัวหวังว่าเหมยเหมยจะยอมเมตตาดึงเธอเข้าไปข้างใน
“เธอเป็นคนขโมยรูปใช่ไหม?”
เหมยเหมยฉุดเธอขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดึงกลับเข้าห้องไป ทิ้งร่างส่วนใหญ่ห้อยอยู่ข้างนอกเหมือนเดิมแต่ก็รู้สึกปลอดภัยกว่าการถูกจับห้อยกลางอากาศทั้งตัวอย่างนั้น
เจิ้งเสวี่ยซานลังเลชั่วครู่เหมยเหมยก็ปล่อยมือให้ผ้าปูดิ่งลงไป เจิ้งเสวี่ยซานสะดุ้งรีบตะโกนออกมา “ฉันเอาไปเอง ขอร้องล่ะอย่าปล่อยมือ…ฉันยอมบอกทุกอย่างเลย!”
“ฉีฉีเก๋อ เอาปากมาจดไว้ เจิ้งเสวี่ยซานเธอเล่าเรื่องที่เธอทำมาให้ละเอียดล่ะ ถ้าคิดจะปิดบังแม้แต่น้อยฉันคงจับเชือกต่อไม่ไหวแล้วล่ะ ล้มกระแทกเป็นหรือตายฉันคงไม่กล้ารับปากหรอกนะ”
น้ำเสียงเยือกเย็นของเหมยเหมยเหมือนหลุดมาจากนรกที่ทำเอาทุกคนสะท้านเฮือกไปตาม ๆกัน ฉีฉีเก๋อยังยืนนิ่งงันไม่ได้สติแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ได้สติมาก่อนก็รีบหยิบกระดาษปากกาจากลิ้นชักขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ฉีฉีเก๋อเองก็หลุดจากภวังค์เลยรีบหยิบกระดาษปากกาออกมาเช่นกัน เหมยเหมยถึงบอกให้เจิ้งเสวี่ยซานเริ่มสารภาพได้
เจิ้งเสวี่ยซานสติพังไปหมดแล้ว เหมยเหมยให้เธอพูดอะไรเธอก็ได้สารภาพออกไปทั้งหมดโดยไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
รวมไปถึงแผนที่ร่วมมือกับโฮ่วเซิ่งหนานในสโมสรจินตี้ และเรื่องที่เธอขโมยภาพวาดไปก็ล้วนสารภาพไปอย่างละเอียด สวีจื่อเซวียนเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าห้องเจิ้งที่เห็นเป็นเสมือนพี่สาวคนโตคนนี้จะเป็นคนต่ำช้าร้ายกาจแบบนี้?
ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบันทึกปากคำไว้อย่างดี เหมยเหมยเอาเข็มปักผ้าที่ใหญ่ที่สุดจากลิ้นชักเจิ้งเสวี่ยซานออกมาแล้วจิ้มที่นิ้วโป้งเธอแรง ๆให้เลือดซึมออกมาไม่นานก็ประทับลายนิ้วมือสองนิ้วเป็นอันเสร็จสิ้น
เหมยเหมยเก็บบันทึกปากคำสองฉบับไว้อย่างดีถึงยอมเมตตาดึงเจิ้งเสวี่ยซานให้เข้ามาในห้อง ในสภาพที่ตัวแข็งเป็นแท่งน้ำแข็งและเกล็ดหิมะเกาะเต็มหน้า
……………………..