ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1550 ไสหัวออกไปมหาวิทยาลัย + ตอนที่ 1551 เข็มฉีดยา
ตอนที่ 1550 ไสหัวออกไปมหาวิทยาลัย
“กลิ่นเหม็นจัง กลิ่นเหม็นมาจากไหนเนี่ย?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจมูกไวที่สุดไม่นานก็ได้กลิ่นฉุนประหลาดจาง ๆ เจิ้งเสวี่ยซานอับอายจนอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ความแค้นที่มีต่อเหมยเหมยก็ยิ่งฝังรากลึกแต่ส่วนมากยังคงเป็นความสิ้นหวัง
จ้าวเหมยรู้หมดแล้ว เธอจะทำอย่างไรต่อตัวเอง?
เรื่องเล็กน้อยของถังม่านลี่ยังโดนกักตัวไว้สังเกตพฤติกรรมที่มหาวิทยาลัย เธอจะโดนไล่ออกหรือเปล่า?
เหมยเหมยโน้มตัวลงมองเธอเชิงเย้ยหยันแล้วถาม “เธอกำลังกังวลว่าตัวเองจะยังเรียนต่อได้หรือเปล่าใช่ไหม?”
ร่างกายเจิ้งเสวี่ยซานอบอุ่นขึ้นบ้างแล้วและสติก็เริ่มกลับคืนมาบ้างเลยร้องไห้อ้อนวอน “จ้าวเหมย ฉันโดนบีบบังคับมา ฉันก็ไม่อยากทำอย่างนั้นเหมือนกัน ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ หลังจากนี้ไปฉันจะไม่ทำผิดอีกแล้ว…”
“ยังคิดจะมีหลังจากนี้อีกเหรอ? คิดเพ้อฝันจริง ๆ! ”
เหมยเหมยเผยยิ้มมีเลศนัยให้เธอทีหนึ่ง เรียกให้เจิ้งเสวี่ยซานใจกระตุกวูบแล้วล้มตัวลงที่พื้นอย่างสิ้นหวัง
เธอต้องโดนไล่ออกจริงหรือ?
เหมยเหมยได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งจากบนตัวอู่เยวี่ยก็คือต้องรีบจัดการคนที่เกลียดให้เร็วที่สุด จะปล่อยให้อยู่ขัดหูขัดตาข้างกายไม่ได้ ฉะนั้น–
เจิ้งเสวี่ยซานจะอยู่เรียนมหาวิทยาลัยเมืองหลวงต่อไปไม่ได้!
เธออันตรายกว่าถังม่านลี่มากโข!
เจียงจื้อหรู่ค่อนข้างชื่นชมในตัวเจิ้งเสวี่ยซานอยู่พอสมควรถึงขั้นเสนอชื่อเจิ้งเสวี่ยซานในการเข้าร่วมพรรคที่มีเพียงสิทธิ์เดียวในแต่ละชั้นปีซึ่งหนังสือยื่นขอเข้าร่วมพรรคก็ผ่านแล้ว รอเพียงประกาศอย่างเดียวเจิ้งเสวี่ยซานก็จะเป็นสมาชิกสำรองที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์คนหนึ่งแล้ว
ส่วนสมาชิกสำรองกับสมาชิกตัวจริงต่างกันแค่เพียงเรื่องเวลา ซึ่งน้อยนักที่สมาชิกสำรองจะไม่ผ่านช่วงเฝ้าสังเกตความประพฤติ ขอแค่ไม่ทำผิดใหญ่โตก็จะเลื่อนเป็นสมาชิกตัวจริงอันทรงเกียรติได้อย่างราบรื่น
ฉะนั้นรอเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเจิ้งเสวี่ยซานก็จะกลายเป็นสมาชิกพรรคแล้ว
สมาชิกพรรคของมหาวิทยาลัยในยุคเก้าศูนย์นับว่าทรงเกียรติมาก หรือบอกได้เลยว่าขอเพียงได้เข้าร่วมพรรคตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยหน้าที่การงานในอนาคตต้องได้เปรียบเพื่อนคนอื่น ๆอย่างไม่ต้องสงสัย อนาคตอีกยาวไกลแน่นอน
การไล่นักศึกษาคนหนึ่งออกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายโดยเฉพาะนักเรียนดีเด่นที่ปกติประพฤติตัวเหมาะสมในทุกด้าน ต่อให้เหมยเหมยเป็นอธิการบดีก็ไม่สามารถไล่นักศึกษาออกได้เพียงคำสั่งเดียว แต่ต้องดำเนินการตามกระบวนขั้นตอนอีก
เจิ้งเสวี่ยซานเองก็รับรู้ถึงข้อนี้ดีเธอจึงไปหาเจิ้งซื่อหลินในทันที เพราะเธอทำภารกิจแทนคุณปู่ถึงถูกจ้าวเหมยเล่นงาน เรื่องนี้คุณปู่จะบอกปัดไม่ได้
ตอนนี้เจิ้งซื่อหลินยังแทบเอาตัวไม่รอดแล้วจะมีกะจิตกะใจที่ไหนมาสนใจปัญหาการเรียนของหลานสาวที่ไม่ค่อยสนิทสนมเท่าไร เขาโทรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยแต่ท่านอธิการบดีก็ไม่แม้แต่จะรับสายด้วยซ้ำ
เจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกผิดหวังต่อเจิ้งซื่อหลินอย่างมาก พอมาถึงตอนนี้เธอเพิ่งนึกเสียใจภายหลังที่เชื่อใจคุณปู่มากเกินไป
ทำให้เธออาจต้องถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เธอสอบติดมาอย่างยากลำบากทั้งที่เพิ่งเรียนไปไม่ถึงครึ่งเทอมด้วยซ้ำ
เจียงจื้อหรู่เองก็ได้เรียกตัวเหมยเหมยมาไกล่เกลี่ยหวังว่าเธอจะยอมประนีประนอมให้เจิ้งเสวี่ยซานบ้าง
“อาจารย์เจียง กับถังม่านลี่หนูยอมปราณีได้แต่กับเจิ้งเสวี่ยซานไม่ได้เด็ดขาด เจิ้งเสวี่ยซานจิตใจโหดเหี้ยม เก็บเธอไว้ข้างตัวรอให้เธอมาทำร้ายหนูอีกรอบงั้นเหรอ?”
เหมยเหมยปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล ถังม่านลี่เป็นเพียงยายโง่คนหนึ่งอีกทั้งไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมอันใด เก็บไว้ข้างตัวก็ไม่เป็นไรแต่เจิ้งเสวี่ยซานเหมือนงูอสรพิษที่เธอไม่มีวันทิ้งไว้เป็นปัญหาให้ตัวเองภายหลังแน่นอน
เจียงจื้อหรู่ถอนหายใจและไม่คิดจะโน้มน้าวอีก
ในเมื่อเจิ้งเสวี่ยซานได้ทำผิดไปแล้วจริง ๆ
แต่บทลงโทษการไล่ออกมันเกินไปหน่อยจริง ๆ!
เหมยเหมยได้ส่งบันทึกปากคำให้ทางมหาวิทยาลัยก่อนจะเสนอทางเลือกสองทางให้กับทางมหาวิทยาลัย ‘ไล่เจิ้งเสวี่ยซานออกหรือจะให้เธอเอาบันทึกปากคำไปให้ทางตำรวจ’
อธิการบดีเลือกข้อแรกอย่างไม่ลังเล ข่าวเสียหายภายในบ้านจะแพร่งพรายออกไปข้างนอกไม่ได้ อีกทั้งจ้าวเหมยคนนี้ยังเป็นลูกสะใภ้ของเฮ่อเหลียนชิงอีก เขาคงบ้าไปแล้วหากเลือกจะเป็นปรปักษ์กับอีกฝ่าย!
เพียงแต่ว่าทางมหาวิทยาลัยเพิ่งจัดทำเอกสารไล่ออกเสร็จอธิการบดีก็ได้รับสายหนึ่งก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก ไม่นานก็ให้ผู้ช่วยเก็บเอกสารนั้นไปอีกครั้ง
โรงน้ำชาใกล้ ๆมหาวิทยาลัยและยังคงเป็นห้องส่วนตัวห้องนั้น
โฮ่วเซิ่งหนานนัดพบเจิ้งเสวี่ยซานที่ทั้งคู่ไร้ซึ่งความงามเหมือนเฉกเช่นเคย ต่างก็ดูโทรมไม่ต่างกัน
……………………….
ตอนที่ 1551 เข็มฉีดยา
“ขอเพียงแค่เธอเอาเข็มฉีดยานี่ฉีดเข้าตัวจ้าวเหมย ฉันก็รับรองว่าเธอจะอยู่ในมหาวิทยาลัยต่อไปได้”
โฮ่วเซิ่งหนานไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้ามันเยิ้ม ผมบางเพราะขาดการบำรุงเช่นกัน เหมือนหญ้าแห้งก็ไม่ปาน และดูอ้วนขึ้นเล็กน้อยเหมือนป้าวัยกลางคน
เธอหยิบหยิบกล่องรักษาอุณหภูมิเล็ก ๆออกมาจากกระเป๋าเป้ใบใหญ่ แล้ววางลงตรงหน้าของเจิ้งเสวี่ยซาน สีหน้าดุดันน่ากลัว
เจิ้งเสวี่ยซานไม่รู้เรื่องที่โฮ่วเซิ่งหนานติดโรค นายใหญ่เป็นคนออกคำสั่งเองใครจะกล้ากระจายข่าว?
ถังม่านลี่และเพื่อนร่วมชั้นหญิงที่มีความสัมพันธ์กับพอลและไฟซาลที่ติดโรคมา ก็โดนเตือนจากทางมหาวิทยาลัยให้ปิดปากเงียบ แน่นอนว่าแม้จะไม่มีการตักเตือนพวกเธอก็คงไม่ป่าวประกาศไปทั่วหรอก
เจิ้งเสวี่ยซานไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงอยากรู้มากเมื่อเห็นเข็มฉีดยานอนอยู่ในกองน้ำแข็ง
แล้วมองไปที่โฮ่วเซิ่งหนานอย่างสงสัย
“ข้างในคืออะไร?”
มีของเหลวสีแดงเข้มครึ่งหลอดในเข็มฉีดยา มองดูแล้วเหมือนเลือด เพียงแค่ไม่รู้ว่ามันคือของใคร?
เจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกว่าเลือดพวกนี้ไม่ใช่ของดีอะไร เธออยากจะถามให้ชัดเจน
โฮ่วเซิ่งหนานตีหน้าขรึม “เธอแค่เอาเข็มฉีดยานี้ไปฉีดบนตัวของจ้าวเหมยก็พอ อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องรู้”
เจิ้งเสวี่ยซานลังเลใจ เรื่องที่เกิดขึ้นที่สโมสรจินตี้ครั้งก่อนทำให้เธอไม่ค่อยกล้าเชื่อใจโฮ่งเซิ่งหนานนัก กลัวว่าจะตกหลุมพรางอีกครั้ง
โฮ่วเซิ่งหยานส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันออกหน้าให้ เธอคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว แต่ฉันให้โรงเรียนเลื่อนเวลาออกไปอีกสิบวัน ภายในสิบวันถ้าหากเธอยังไม่จัดการเรื่องนี้ให้ฉัน เธอก็ไสหัวออกไปจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเสียเถอะ!”
เจิ้งเสวี่ยซานสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ ความเชื่อมั่นในโชคเมื่อครู่หายวับไปไม่เหลือ
“เข็มฉีดยาอันนี้ฉีดเข้าร่างกายคนแล้วจะตายไหม?” เจิ้งเสวี่ยซานอยากจะถามให้ชัดเจน
เรื่องที่เกี่ยวข้องถึงชีวิตเธอไม่ทำแน่ เธอยังมีอนาคตที่สดใส มันไม่คุ้มที่จะแลกด้วยชีวิตของจ้าวเหมย
รูม่านตาของโฮ่วเซิ่งหนานหดลง ฝ่ามือบีบเข้ากันจนเล็บจิกเลือดซึมออกมา ส่งเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “ไม่แน่นอน แค่เป็นผื่นเท่านั้น ให้จ้าวเหมยใจสลายเล่น ๆแค่นั้น”
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ตายหรอก บางทีอาจจะปีหนึ่ง สองปี ห้าปีหรือว่าสิบปี…
เชื้อ HIV ติดต่อทางเลือดร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอติดโรคเอดส์ จ้าวเหมยก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตที่สงบสุขเลย!
เธออยากจะลากจ้าวเหมยลงหลุมเป็นเพื่อนเธอ!
เจิ้งเสวี่ยซานพอได้ยินว่าแค่เสียโฉมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก วางกล่องรักษาอุณหภูมิเก็บเข้ากระเป๋า แล้วก็ถามอย่างไม่วางใจอีกครั้งว่า “ขอเพียงแค่ฉีดเข้าตัวจ้าวเหมย ฉันก็จะอยู่ต่อได้ใช่ไหม?”
“แน่นอน แต่ไหนแต่ไรมาฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่เพียงแต่จะอยู่ต่อได้ เธอจะได้เข้าพรรคโดยไม่มีปัญหาอะไรเลยทั้งสิ้น!”
โฮ่วเซิ่งหนานยิ้มเบา ๆมองไปที่เจิ้งเสวี่ยซานที่กำลังเริงร่า แต่ในดวงตากลับมีแต่ความดูถูก
นังโง่ เรื่องในวันข้างหน้าใครจะสามารถรับประกันได้?
เหมยเหมยคิดว่าเจิ้งเสวี่ยซานจะต้องออกจากมหาวิทยาลัยอย่างน้อยภายในหนึ่งอาทิตย์ แต่หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเจิ้งเสวี่ยซานก็ยังคงไปโรงเรียนอย่างลิงโลดอยู่ เธอขอให้เหยียนซินหย่าช่วยถามให้แต่ทางมหาวิทยาลัยบอกว่ายังต้องรออีกสิบวัน เพราะระเบียบขั้นตอนยังไม่เสร็จสิ้น
เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่สิบวันเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ไม่อยู่หอพักถือว่ายังพอรับได้
หลายวันมานี้เหยียนหมิงซุ่นไปกินข้าวที่บ้านตระกูลจ้าว แล้วออดอ้อนหยอกเย้ากับภรรยาตัวน้อยของเขาบ้าง รสชาติการอยู่บ้านคนเดียวเหงา ๆช่างไม่ดีเอาเสียเลย เหยียนหมิงซุ่นเอาแต่เกลียดที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในสังกัดผู้บังคับบัญชาของจ้าวอิงหัว ไม่อย่างนั้นเขาคงจัดการให้ว่าที่พ่อตาไปอยู่แถบขั้วโลกใต้ให้ได้เลย
แล้วก็ส่งพี่เขยในอนาคตไปที่ขั้วโลกเหนือ ไม่ต้องกลับมาเลยสักปีครึ่ง
พอวนมาถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นก็พาเหมยเหมยไปปิกนิกบนเขา เป้าหมายของเขาไม่ใช่บาร์บีคิวย่างแต่เป็นสาวงามต่างหาก ทว่า——
“ฉันเรียกเสี่ยวเชามาด้วย เสียดายที่มู่มู่ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคนเยอะหน่อยถึงจะสนุก”
จ้าวเสวียหลินพูดพลางยิ้มตาหยี สายตากลับมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างยียวนมาก
อยากจะเดทตามลำพังกับน้องสาวของเขาเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
เหยียนหมิงซุ่นแค้นใจพลางกันฟันกรอด ครั้งหน้าจะต้องเอาพี่เขยน่ารังเกียจนี่ส่งไปอยู่แถวทวีปแอฟริกาให้ได้ ได้ยินมาว่าที่นั้นมีชนเผ่าแม่เสืออาศัยอยู่ จะปล่อยให้กลุ่มแม่เสือดำขย้ำเขาให้เละเลย!
………………………………………..