ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1558 ขอให้ยกโทษให้ + ตอนที่ 1559 กวาดล้างวอดวาย
ตอนที่ 1558 ขอให้ยกโทษให้
เหมยเหมยมองเจิ้งเสวี่ยซานที่ดิ้นพล่านอยู่ที่พื้นเหมือนหมาบ้าอย่างเย็นชา แล้วตะเบ็งเสียงใส่ “เลือดนี้เอามาจากไหน?”
เจิ้งเสวี่ยซานนิ่งชะงัก จู่ ๆก็นิ่งไปไม่เปล่งเสียงสักแอะ
สมองของเธอได้สติขึ้นมาบ้าง รู้ว่าการบอกชื่อโฮ่วเซิ่งหนานออกมาไม่ใช่เรื่องดีจึงไม่พูดออกมา ไม่แน่ว่าโฮ่วเซิ่งหนานอาจจะยังออกหน้าปกป้องเธอบ้าง
ผู้คนที่มุงดูในร้านอาหารเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆซึ่งล้วนแต่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง พอเห็นว่าดาวมหาวิทยาลัยเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนต่างก็แห่เข้ามามุงด้วย
เหมยเหมยไม่อยากไต่สวนเจิ้งเสวี่ยซานต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เธอจึงมองผู้ชายที่ปรากฏตัวออกมาเมื่อครู่ หลังจากชายคนนี้เตะเจิ้งเสวี่ยซานล้มลงกับพื้น เขาก็อยู่ข้าง ๆรอรับคำสั่งจากเหมยเหมยอยู่เงียบ ๆมาตลอด
“เอาตัวเขาไปถามให้ชัดเจนว่าในเข็มฉีดยานี้มันคืออะไรกันแน่”
เหมยเหมยขอผ้าขนหนูมาจากเถ้าแก่ แล้วหยิบเข็มฉีดยาที่ว่างเปล่าขึ้นมาแล้วส่งต่อให้ชายคนนั้น ชายคนนี้ถูกส่งมาโดยเหยียนหมิงซุ่นเพื่อปกป้องเธอ
พอผู้ชายคนนั้นผิวปากก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวในฝูงชน อายุน้อยกว่าเล็กน้อย คนที่แก่กว่าพาตัวเจิ้งเสวี่ยซานเดินจากไป ทิ้งหนุ่มอายุน้อยเอาไว้ปกป้องเหมยเหมยต่อ
นี่คือแก้วตาดวงใจของคุณชายหมิง พวกเขาจะกล้าเพิกเฉยได้อย่างไรกัน!
ทุกคนต่างนิ่งชะงักแล้วมองชายแข็งกร้าวที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนอีกครั้งอย่างตกตะลึง แม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าสบาย ๆแต่แค่มองก็รู้ว่าเขาต้องเป็นทหารผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน มีรังสีสังหารในร่างกาย ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าหนาแค่ไหนก็ไม่สามารถปกปิดได้
แม่เจ้า หรือว่านี่คือบอดี้การ์ดในตำนาน?
ดาวมหาวิทยาลัยยิ่งใหญ่ไม่เบานะเนี่ย!
พอเหยียนหมิงซุ่นรู้จากลูกน้องว่าภรรยาของเขาเกือบถูกลอบทำร้ายอีกครั้งก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงเป็นคนสวบสวนเจิ้งเสวี่ยซานด้วยตนเอง
วิธีการ 108 วิธีของเหยียนหมิงซุ่น แม้แต่ KGB ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษก็แทบไม่สามารถต้านทานได้ เจิ้งเสวี่ยซานเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาไหนเลยจะทนไหว เปิดปากบอกทึกอย่างอย่างรวดเร็ว
พอได้ยินว่าเลือดในเข็มฉีดยาเป็นของโฮ่วเซิ่งหนาน เหยียนหมิงซุ่นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มหลัง โชคดีที่เขาส่งคนไปปกป้องเหมยเหมย ไม่อย่างนั้นเขาไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย!
“เรียกคนที่ฉันให้ไปจับตาดูโฮ่วเซิ่งหนานมาสิ” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก
ลูกน้องหลายคนตกใจจนก้มหน้าลง ต่างพากันไว้อาลัยให้เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนที่เกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ครั้งนี้คุณชายหมิงโมโหมากจริง ๆ!
แล้วเรื่องราวก็คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว ที่แท้ระยะนี้โฮ่วเซิ่งหนานก็เก็บตัวเงียบไม่ออกจากห้องเกือบสิบกว่าวัน ลูกน้องทั้งสองคนยังเด็กจึงอดไม่ได้ที่จะโกรธคิดว่าเจ้านายส่งพวกเขามาจับตาดูผู้หญิงที่วัน ๆไม่ทำอะไร ถือเป็นการดูถูกความสามารถของพวกเขา
ครั้งแรกพวกเขาจริงจังมาก แต่พอจับตาดูไปได้สิบกว่าวัน วัน ๆได้แต่จับตาดูหญิงสาวอัปลักษณ์กินดื่มนอนเข้าห้องน้ำวนเวียนไปเช่นนี้ทั้งสองจึงเริ่มเบื่อหน่าย
ต่อมาเห็นว่าโฮ่วเซิ่งหนานไม่ออกห้องด้วยซ้ำ พวกเขาจึงค่อย ๆผ่อนคลายความระมัดระวังลง จนกระทั่งเริ่มอู้งาน ไม่ไปจับตาดูหล่อนอีก พอกลับมาก็รายงานว่าปกติดีทุกอย่าง
เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่ลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาด้วยความผิดหวัง นี่คือคนมาใหม่ที่เขาเพิ่งเลือกมา พวกเขาทั้งหมดเป็นทหารของกองทัพ เขาคิดว่าเรื่องเล็กน้อยอย่างการเฝ้าจับตาดูไม่น่าจะมีปัญหา แต่ความคิดนั้นกลับนำมาซึ่งเรื่องใหญ่โต
“ส่งกลับไปยังกองทัพเดิม”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ลงโทษพวกเขา สองคนนี้ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเป็นทางการของเขา ประวัติยังอยู่ในกองทัพเดิม
ทั้งสองหน้าซีดเผือด รู้สึกห่อเหี่ยว นึกเสียใจเป็นที่สุด
น่าเสียดายที่บนโลกใบนี้ไม่มียาแก้โรคเสียใจภายหลัง โอกาสที่จะเป็นของพวกเขามันไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เจิ้งเสวี่ยซานฟุบลงไปกับพื้นอย่างหมดแรง มองไปที่เหยียนหมิงซุ่นที่มีรังสีสังหารด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลย ชื่อเสียงเกียรติยศอยู่ไกลเกินเอื้อม เธอแค่อยากรักษาชีวิตตอนนี้ของเธอไว้ วิงวอนขอให้ผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้ไว้ชีวิตเธอเท่านั้น
“ฉันบอกไปหมดแล้ว จ้าวเหมยก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ… วันหลังฉันจะอยู่ห่างจากจ้าวเหมยให้ไกลเลย ฉันขอร้องล่ะ!”
เจิ้งเสวี่ยซานคร่ำครวญขอให้ไว้ชีวิตเธอ คุกเข่าบนพื้นและโขกหัวไม่หยุด หน้าผากมีเลือดไหลออกมาแต่ก็ยังคงโขกไม่หยุด
…………………………………………..
ตอนที่ 1559 กวาดล้างวอดวาย
เหยียนหมิงซุ่นมองเจิ้งเสวี่ยซานที่จนตรอกอยู่ที่พื้นอย่างไม่แยแสราวกับเป็นมดตัวน้อย
“โฮ่วเซิ่งหนานบอกเธอว่าเลือดที่อยู่ในเข็มฉีดยาแค่ทำให้คนมีตุ่มพุพองงั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างเย็นชา
เจิ้งเสวี่ยซานรีบพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ โฮ่วเซิ่งหนานบอกแบบนี้ ฉันอยากเรียนต่อแล้วก็คิดว่าคงไม่ได้ทำอันตรายจ้าวเหมยร้ายแรงขนาดนั้น ดังนั้นถึงได้สติพร่าเบลอไปชั่วขณะ ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะนะ ขอร้องล่ะ!”
เหยียนหมิงซุ่นอยู่ดีๆก็ยิ้มออกมา เจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาแปลกประหลาดมาก ในใจกลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“รู้ไหมว่าเลือดนี้เป็นของใคร?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
“ของโฮ่วเซิ่งหนาน?” เจิ้งเสวี่ยซานตอบกลับไปตามสัญชาตญาณ
“คำตอบถูกต้อง ฉันจะบอกเธออีกเรื่อง โฮ่วเซิ่งหนานเป็นพาหะของโรค HIV” เหยียนหมิงซุ่นเตือนเธออย่างหวังดี เจิ้งเสวี่ยซานดูงงงวย ไม่เข้าใจคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น
เหยียนหมิงซุ่นขี้เกียจเปลืองน้ำลายคุยกับผ๔หญิงแบบนี้ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องคนหนึ่งอธิบาย ลูกน้องจึงอธิบายที่มาและอันตรายของไวรัส HIV โดยละเอียด และผลของคนที่ติดเชื้อไวรัสนี้จะเป็นอย่างไร
“ตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย และจะเปื่อยเน่าไปทั้งตัวเมื่อตาย……”
เจิ้งเสวี่ยซานหมือนจะตกลงไปในเตาเผาน้ำแข็งก็ไม่ปาน เลือดภายในกายเย็นเฉียบ
เธอ เธอติดโรคที่น่าอับอายและจะตายในอีกไม่ช้านี้แล้ว!
“ไม่…ฉันไม่อยากตาย ขอร้องคุณช่วยฉันด้วย…” เจิ้งเสวี่ยซานโขกหัวอย่างแรง
“HIV เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้และไม่มียารักษาด้วย” ลูกน้องพยายามอธิบายอย่างเต็มที่
ภาพตรงหน้าของเจิ้งเสวี่ยซานมืดลงแล้วเป็นลมล้มไป
“พาไปห้องปฏิบัติการตรวจเลือด”
เหยียนหมิงซุ่นโบกมือทำท่าทางให้ลูกน้อง เจิ้งเสวี่ยซานก็โดนลากไป แม้ว่าโอกาสติดเชื้อผ่านทางเลือดจะสูงมากแต่ก็ไม่ 100% เสมอไป นอกจากนี้เชื้อ HIV ไม่สามารถอยู่รอดในอากาศได้ในระยะเวลาห้าวินาที สิ่งพวกนี้จำเป็นต้องได้รับการยืนยัน
เขากดเล่นภาพบันทึกวิดีโอที่เพิ่งอัดเมื่อครู่อีกครั้ง เม้มริมฝีปากด้วยความพึงพอใจ
ครั้งที่แล้วปล่อยโฮ่วเซิ่งหนานไปทีหนึ่งแล้ว บุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ถือว่าชดเชยคืนแล้ว คราวนี้เขาจะไม่เมตตาอีกต่อไป
นายใหญ่มองเฮ่อเหลียนชิงที่กำลังเจื้อยแจ้วต่อหน้าเขาด้วยความปวดหัว พร้อมเข็มฉีดยาเปล่าวางอยู่บนโต๊ะทำงาน เสียงน่ารำคาญใจจากเครื่องบันทึกดังเข้าหู เขาอยากจะกดปุ่มหยุดเป็นอย่างมากแต่เทปบันทึกเสียงไม่ได้อยู่ในมือของเขา
“เรื่องนี้คุณพูดแล้วกันว่าจะเอาอย่างไร?”
เฮ่อเหลียนชิงรินชาต้าหงเผาอย่างชอบใจ หยุดพูดเพื่อให้นายใหญ่ออกคำสั่ง
นายใหญ่อารมณ์เสียมากเพราะเขาให้โอกาสโฮ่วเซิ่งหนานแล้ว จนถึงขั้นทำให้ภรรยาและลูกชายของเขาขุ่นเคือง เขายอมเปลืองแรงจัดการความขัดแย้งในบ้านแต่โฮ่วเซิ่งหนานกลับก่อเรื่องขึ้นอีก
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโฮ่วเซิ่งหนานจึงขอให้เลขานุการของเขาโทรหาอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาจึงไม่ได้ถาม แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลานสาวคนนี้จะหลอกใช้เขาเสียด้วยซ้ำ
นายใหญ่โกรธมาก สายใยรักสุดท้ายที่เหลือให้โฮ่วเซิ่งหนานอันน้อยนิดบัดนี้ได้ขาดสะบั้นลงแล้ว
“ฉันจะให้โฮ่วเซิ่งหนานรีบออกประเทศไปให้เร็วที่สุด หลังจากนี้จะไม่กลับประเทศอีก ปล่อยเธอไปตามยถากรรมแล้วกัน”
เฮ่อเหลียนชิงพอใจเป็นอย่างมาก ขอเพียงแค่นายใหญ่ไม่สนใจหลานสาวคนนี้แล้วก็พอ
เหยียนหมิงซุ่นเองก็พอใจมาก โฮ่วเซิ่งหนานโดนบังคับให้ออกไปจากฮวาเซี่ย รอคอยอนาคตที่เป็นดั่งขุมนรกที่ไม่มีวันสิ้นสุดของเธอ
เทียนมู่ได้บอกกับสมาชิกของกลุ่มอัศวินแล้วว่าโฮ่วเซิ่งหนานมีเชื้อ HIV จึงตื่นตระหนกกันยกใหญ่ ทุกคนในกลุ่มอัศวินได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ผลลัพธ์ก็คือถูกกวาดต้อนไปจนหมด ยกเว้นเทียนมู่
แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกไป สมาชิกของกลุ่มอัศวินทั้วทุกมุมโลกต่างก็เป็นเหล่าตระกูลผู้สูงศักดิ์ที่โดนจับตามอง เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับระเบิดปรมาณูที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงปลายศตวรรษ
สุดท้ายองค์กรอัศวินนี้ก็แตกกระเจิง!
ชื่อเสียงของโฮ่วเซิ่งหนานในต่างประเทศนั้นช่างอัปยศอดสูราวกับหนูกำลังข้ามถนน คนเห็นคนเกลียด ไม่มีใครให้เธอทำงานและไม่มีใครคุยกับเธอ
ท้ายที่สุดเธอทนต่อความอัปยศอดสูไม่ไหว ไม่ต้องรอให้เหยียนหมิงซุ่นลงมือเองเธอก็กินยาฆ่าตัวตายในอพาร์ตเมนต์ที่อังกฤษ
ในคอลัมน์เล็ก ๆของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมีเอ่ยถึงอยู่ เพียงแต่ไม่มีคนสนใจ
ทุกวันนี้มีทั้งคนเกิดคนตาย ไม่เห็นแปลกอะไร!
…………………………………………..