ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1568 กอบกู้บารมีของคนเป็นสามีขึ้นมาใหม่ + ตอนที่ 1569 ไปดูดาวกันเถอะ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1568 กอบกู้บารมีของคนเป็นสามีขึ้นมาใหม่ + ตอนที่ 1569 ไปดูดาวกันเถอะ
ตอนที่ 1568 กอบกู้บารมีของคนเป็นสามีขึ้นมาใหม่
เหมยเหมยได้ยินเสียงจากประตู มือเท้าคางหันมองไปทางประตู พอเห็นเป็นเหยียนหมิงซุ่นก็ยิ้มหวาน
รอยยิ้มมีเสน่ห์เหลือล้น!
เหยียนหมิงซุ่นกลืนน้ำลาย คิดว่าพรุ่งนี้มีเรื่องต้องคุยกับลุงปาเกินเสียหน่อย ต้องประหยัดทรัพยากร ต่อให้เป็นมูลม้า ก็ไม่จำเป็นต้องเผาจนเครื่องทำความร้อนต้องระอุขนาดนี้ นี่มันร้อนเกินไป!
“ทำอะไรอยู่เหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นปิดประตูแล้วก้าวเท้ายาว ๆเดินเข้ามา สะบัดมือเพียงครั้งเดียวฉิวฉิวก็ปลิวตกไปอยู่บนพื้นแล้ว เขานั่งลงตรงตำแหน่งเดิมของฉิวฉิว สายตาอันเร่าร้อนจับจ้องไปยังเท้าขาว ๆทั้งสองข้างที่ปัดป่ายไปมา
ขาวนวลราวกับไข่ไก่ที่ปอกเปลือกทิ้ง เท้าเล็กจนเขาสามารถรวบได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เล็บเท้าที่ห่อหุ้มเป็นสีชมพูอ่อน ทั้งเล็กทั้งกลม น่ารักชะมัด
“แล้วทำไมไม่ห่มผ้า?”
น้ำเสียงเหยียนหมิงซุ่นแหบพร่าเล็กน้อย บนตัวยังมีกลิ่นเหล้าอ่อน ๆติดอยู่ดูหลงใหลมาก เขาห่มผ้าห่มให้เหมยเหมยเพื่อห่อหุ้มร่างกายที่แสนเย้ายวนนั้น เห็นมากไปกว่านี้คนที่ทรมานก็คือตัวเขาเอง
“ร้อนจะตาย!”
เหมยเหมยบ่นอุบอิบไม่พอใจ บิดตัวไปมาอย่างนึกรำคาญ บิดจนผ้าห่มหลุดออกเผยให้เห็นสัดส่วนอันน่าเย้ายวน
“เป็นเด็กดีนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นเคร่งขรึมลง คอแห้งยิ่งกว่าเดิมแล้วห่มผ้าให้อีกครั้ง ก่อนจะไปรินชาเย็นใส่แก้วดื่ม ดื่มเข้าไปสามแก้วในครั้งเดียวถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้นบ้าง
เหมยเหมยมองเจตนาที่เหยียนหมิงซุ่นห่มผ้าให้ออกพลันแอบนึกขำ จงใจอยากแกล้งเขาจึงสะบัดผ้าห่มทิ้ง ดัดเสียงเลียนแบบสีอันน่าทำเสียงออดอ้อน “อย่าสิ…ก็มันร้อน…พี่ดูสิว่าฉันเหงื่อออกหมดแล้ว!”
เสียงหวานยังวนเวียนดังก้องอยู่ในห้องไปถึงสามวัน หวานจับใจคนฟังเหลือเกิน
ลำคอเหยียนหมิงซุ่นแห้งผากอีกครั้ง เขาดูออกว่ายัยปีศาจน้อยไม่ได้มีเจตนาดี หลังจากวันนั้นที่พยายามยั่วยวนเขาครั้งก่อน เจ้าปีศาจน้อยก็เหมือนเปิดโลกกว้างไปมาก วัน ๆเอาแต่คิดจะจัดการเขา
“พูดดี ๆสิ เหมือนตัวอะไรไม่รู้”
เหยียนหมิงซุ่นตีหน้านิ่งตัดสินใจจะกอบกู้บารมีของคนเป็นสามีขึ้นมาใหม่ จะปล่อยให้เจ้าปีศาจน้อยปั่นหัวไม่ได้อีกแล้ว ไม่งั้นเขาจะหลงเหลือศักดิ์ศรีอยู่อีกเหรอ?
เหมยเหมยแอบได้ใจ ทำสีหน้าไร้เดียงสา “ฉันไม่พูดดี ๆยังไงเหรอ? พี่…หมิงซุ่น!”
เหมยเหมยยื่นมือออกไปสัมผัสช่วงเอวของใครบางคนที่นั่งตัวตรงแข็งทื่อเหมือนก้อนหิน ในใจกลับรู้ดี เกรงว่าตอนนี้เจ้าหมอนี่คงอยากจะฉีกเสื้อผ้าเธอทิ้งเสียมากกว่าล่ะสิ?
เหอะ ดูสิว่าจะเสแสร้งได้อีกนานแค่ไหนกัน?
เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นยืนในฉับพลันแล้ววิ่งไปรินชาดื่มอีกสามแก้ว นั่นถึงทำให้เขาสามารถควบคุมความรู้สึกที่อยากฉีกชุดนอนที่เป็นสิ่งกีดขวางนั้นเอาไว้ได้ จะยอมให้แม่ปีศาจน้อยทำสำเร็จไม่ได้!
วันนี้เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกยั่วหรอก!
“รีบนอนได้แล้ว…พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น!”
เหยียนหมิงซุ่นทำหน้านิ่งดูจริงจังมาก แต่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาใช้แรงมหาศาลแค่ไหน อึดอัดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
เดิมทีเหมยเหมยก็แค่อยากจะหยอกเขา ละครฉากใหญ่ยังมาไม่ถึง นี่เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยก่อนมื้อใหญ่เท่านั้นเอง!
“ค่ะ!”
เธอห่มผ้าอย่างว่าง่าย ยิ้มหวานให้เหยียนหมิงซุ่นพร้อมหลับตานอน
เหยียนหมิงซุ่นเก็บมุมผ้านวมให้เธอเสร็จก็ประทับจูบลงบนหน้าผาก จากนั้นก็เปิดประตูออกไป ครอบครัวของลุงปาต้อนรับอย่างอบอุ่นเหลือเกิน วงเหล้ายังไม่เลิกเลย!
พระอาทิตย์ขึ้นบนทุ่งหญ้ากว้างนั้นเป็นภาพที่งดงามมาก พวกเหมยเหมยดวงดีไม่น้อย หลายวันก่อนมีหิมะตกหนัก วันนี้อากาศจึงแจ่มใส พระอาทิตย์ยามเช้าเหมือนหยกสีแดงที่ค่อย ๆเคลื่อนตัวขึ้นสูง
“สวยจัง…”
“รีบถ่ายเก็บไว้เร็ว!”
…
คนที่ตื่นเต้นที่สุดดูเหมือนจะเป็นแขกที่มาจากฮ่องกง ร้องตะโกนเสียงดังพลางยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมากดชัตเตอร์ไม่หยุดอย่างร่าเริงคึกคัก
เหมยเหมยจดจ่ออยู่กับการร่างภาพ พระอาทิตย์ขึ้นงดงามขนาดนี้เธอจะต้องวาดออกมาเองกับมือ และจะใช้ในหนังสือเล่มใหม่ของเธอด้วย
อืม จุดดำเนินเรื่องใหม่ในเรื่องถัดไป หรือไม่งั้นใช้ทุ่งหญ้าเป็นฉากดีไหมนะ?
ฆาตกรต่อเนื่องในทุ่งหญ้าคงจะไม่เลวนะ!
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 1569 ไปดูดาวกันเถอะ
ฉีฉีเก๋อพาเหมยเหมยไปดูแม่ม้าท้องโตตัวนั้น ขณะนี้เป็นช่วงสำคัญที่ตระกูลปาเกินจะต้องปกป้องเป้าหมาย ทั้งครอบครัวต่างพากันวนเวียนอยู่รอบ ๆตัวมัน
ตัวแม่ม้ามีสีขาวหิมะไม่มีสีอื่นผสมราวกับหยกก็ไม่ปาน จนได้สมญานามว่าเป็นม้าที่งดงามเตะตาที่สุด ไม่แปลกเลยที่ทายาทราชาม้าป่าผู้หยิ่งผยองจะตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกเห็น และยังหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ที่ตัวมันด้วย
“วันคลอดที่คาดเดาไว้เดิมคือสองวันนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลย อาป๊าบอกว่าอย่างน้อยต้องรออีกสามวันถึงจะคลอด” ฉีฉีเก๋อลูบตัวแม่ม้าอย่างจนใจ เจ้าลูกม้าตัวน้อยนี่ใจแข็งจริง ๆ
แม่ม้ายืนอยู่นิ่ง ๆเชื่องมาก แถมยังแลบลิ้นเลียมือของฉีฉีเก๋อด้วย เหมยเหมยที่ดูอยู่จึงคันยุบยิบในใจ อยากเข้าไปลูบตัวมันบ้าง
“เธอหยิบก้อนน้ำตาลป้อนให้เสวี่ยถวนสิ มันเชื่อฟังมาก ไม่ต้องกลัว” ฉีฉีเก๋อยื่นก้อนน้ำตาลส่งให้เหมยเหมยหนึ่งก้อน บอกเป็นนัยว่าให้เธอกล้าเข้าไปสัมผัสมัน
“เธอชื่อเสวี่ยถวนหรือ? ฉันชื่อจ้าวเหมย ฉันชอบเธอนะ!”
เหมยเหมยจ้องดวงตากลมโตของแม่ม้าพลันรู้สึกใจเต้น แล้วแอบหยิบก้อนน้ำตาลที่ตนเองปั้นเองกับมือป้อนมัน ครั้งก่อนที่ทำยาให้อาจารย์เซียวทำมากไปหน่อยจึงยังเหลืออยู่มาก
เสวี่ยถวนได้กลิ่นหอมของก้อนน้ำตาลจึงสะบัดหางอย่างตื่นเต้น จ้องเหมยเหมยด้วยความหวัง
“ฉันก็จะป้อนให้เธอนี่แหละ ไม่ต้องรีบ!”
เหมยเหมยใช้มือข้างหนึ่งลูบเบา ๆที่หัวของเสวี่ยถวน มืออีกข้างป้อนก้อนน้ำตาลใส่ปากมัน เสวี่ยถวนกลืนก้อนน้ำตาลในครั้งเดียว ทำจมูกฟิดฟัดอย่างสำราญใจ แลบลิ้นเลียมือเหมยเหมยไม่หยุดราวกับกำลังแสดงความขอบคุณต่อเธอ
“ฉันบอกแล้วว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นที่โปรดปราณของสัตว์ แม้ว่าเสวี่ยถวนของเราจะนิสัยไม่ได้แย่แต่ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่มันเห็นเธอครั้งแรกก็กระตือรือร้นขนาดนี้ซึ่งบ่งบอกได้ว่ามันชอบเธอมาก!”
ฉีฉีเก๋อเห็นดั้งนั้นก็นึกอิจฉาในความอ่อนโยนของเหมยเหมย เธอเองก็อยากมีบ้างนี่นา!
หากเป็นเช่นนั้นแม้แต่ป่าอเมซอนเธอก็กล้าไปผจญภัยตัวคนเดียว จะกลัวอะไร?
เหมยเหมยหัวเราะคิกคักแต่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไร เธอเห็นเสวี่ยถวนมองเธอตาปริบ ๆด้วยความหวังจึงเอ่ยถามเสียงเบา “หรือว่าอยากกินน้ำตาลอีกเหรอ?”
แม้ว่าเสวี่ยถวนจะฟังภาษาคนไม่ออกแต่ม้าล้วนมีความปราดเปรื่อง โดยเฉพาะม้าที่ต้องตาทายาทราชาม้าป่าอย่างมัน ความปราดเปรื่องก็ยิ่งเต็มเปี่ยม มันสามารถเข้าใจความหมายที่เหมยเหมยสื่อได้จึงแลบลิ้นเลียมือของเหมยเหมยอีกครั้ง
ก้อนน้ำตาลเมื่อครู่นั้นดีมาก ๆ ลูกน้อยในท้องของมันเองก็ชอบมาก เอาแต่โวยวายจะกินอีก!
เหมยเหมยจึงถามหาก้อนน้ำตาลจากฉีฉีเก๋ออีกครั้ง จากนั้นก็หยิบก้อนน้ำตาลออกมาอีกหนึ่งก้อนพลางขยิบตาให้เสวี่ยถวนพร้อมกับป้อนก้อนน้ำตาลให้มันกิน ทั้งยังกระซิบที่ข้างหูของมัน “ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาป้อนเธออีกนะ!”
ยาวิเศษในก้อนน้ำตาลมีอยู่ไม่มาก อีกอย่างถ้าแม่ม้าออกลูกต้องใช้แรงเป็นพิเศษ ถ้าให้เสวี่ยถวนกินมากหน่อยก็ไม่เป็นไร ในทางกลับกันจะมีส่วนช่วยในการคลอดของเสวี่ยถวนด้วย
วันถัดมาเหมยเหมยไปเยี่ยมเสวี่ยถวนอีกครั้ง และยังคงป้อนก้อนน้ำตาลให้มันอีกสองก้อน ความตั้งใจเดิมของเหมยเหมยคืออยากช่วยให้มันคลอดได้ง่าย ๆ แต่ไหนเล่าจะเป็นอย่างที่คิดเพราะลูกม้าตัวน้อยในท้องของเสวี่ยถวนดันติดใจของอร่อย ไม่อยากออกมาเลยสักนิด ท้องของเสวี่ยถวนไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใด ๆ
“ชักจะแปลกเกินไปแล้ว อาป๊าไม่เคยนับวันผิดมาก่อน ทำไมเสวี่ยถวนยังนิ่งอยู่เลยนะ?” ฉีฉีเก๋อประหลาดใจมาก ลุงปาเกินพ่อของเธอกลุ้มใจยิ่งกว่า ทั้ง ๆที่ครั้งก่อนลูบท้องตัวอ่อนยังดิ้นอยู่เลย ภายในอีกไม่กี่วันคงจะคลอดแล้ว ทำไมถึงหดกลับเข้าไปได้ล่ะ?
เหมยเหมยหวั่นใจเล็กน้อย เธอหันไปกระพริบตามองเสวี่ยถวนที่มีท่าทีสบายอุรา แลกเปลี่ยนสายตาที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ
เจ้าม้าน้อยไม่อยากรีบออกมานี่เอง เหมยเหมยจึงปลีกตัวไปจัดการธุระของเธออย่างสบายใจ วันเกิดของพี่หมิงซุ่นใกล้เข้ามาแล้ว
เธอต้องการจะมอบของขวัญที่ยากจะลืมเลือนให้กับผู้นำใหญ่สุดที่รักของเธอ!
“พี่หมิงซุ่น เราไปดูดาวที่ทุ่งหญ้ากันดีไหมคะ?” เหมยเหมยถามราวกับขอความคิดเห็น
ภายใต้ความงามของดวงดาวบนท้องฟ้า ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล ได้อยู่กับคนรักสองต่อสองมันช่างโรแมนติกที่สุด!
……………………………………………………….