ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1592 ยอมแพ้ + ตอนที่ 1593 รายการพิสูจน์ของเก่า
ตอนที่ 1592 ยอมแพ้
เพราะได้รับการสนับสนุนหลักจากเหยียนซินหย่าจึงทำให้จ้าวอิงหัวยากจะยืนหยัดไหวด้วยตัวคนเดียว หนึ่งคนจะสู้สามคนได้อย่างไร อีกอย่างเรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะทำอย่างไรได้อีก?
“พอถึงเวลาก็แต่งงาน ก่อนแต่งงานอย่าให้พลาดมีลูกขึ้นมาเชียว พวกแกไม่ขายขี้หน้าแต่ฉันอาย!” จ้าวอิงหัวหน้าบูดบึ้งและยอมแพ้ไปในที่สุด
เหมยเหมยเขินหน้าแดงงุดหน้าลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
จ้าวอิงหัวเห็นแล้วก็ยิ่งโกรธ ทีนี้รู้จักกลัวอับอายขึ้นมาแล้วเหรอ
ก่อนหน้านี้มัวไปทำอะไรอยู่?
เป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วยนี่สิ?
ดีแล้วที่เป็นลูกสาวแท้ ๆของเขา หากเปลี่ยนเป็นหลานสาวคนโตคงเจอเขาใช้ไม้ไล่ฟาดแล้ว!
“แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง งานแต่งต้องจัดอย่างใหญ่โตจะจัดง่ายๆไม่ได้ ของชำร่วยก็ต้องเยอะ น้อยไปไม่ได้เด็ดขาด…” จ้าวอิงหัวพูดร่ายเสียงงึมงำอีกยาวเหยียดที่ฟังดูแล้วค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร เหยียนซินหย่ากลับพึงพอใจอย่างมากและพยักหน้าตามรัว ๆ
เงื่อนไขที่ทางฝ่ายหญิงเสนอมากแค่ไหนก็จะยิ่งสะท้อนถึงฐานะของเจ้าสาวได้มากเท่านั้น จะไม่ถูกครอบครัวฝั่งเจ้าบ่าวดูถูกดูแคลนและแน่นอนว่าต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าบ่าวถึงจะกล้าเสนอ สิ่งที่จ้าวอิงหัวเสนอมาแม้ฟังดูเข้มงวดแต่สำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้วกลับไม่ยากเลยแม้แต่น้อย
เหมยเหมยฟังแล้วก็นึกปวดศีรษะ เธอกับเหยียนหมิงซุ่นไม่เคยแบ่งของใครเป็นของใครอยู่แล้ว อันที่จริงของเหยียนหมิงซุ่นก็คือของเธอ ของเธอก็คือของเหยียนหมิงซุ่น ไม่จำเป็นต้องแยกชัดเจนขนาดนั้น
เธออ้าปากอยากขัดจ้าวอิงหัวแต่เหยียนหมิงซุ่นตบมือเธอเบา ๆส่ายศีรษะน้อย ๆ
“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องพวกนี้ผมจัดการได้อยู่แล้วครับ” เหยียนหมิงซุ่นรับปากเสียงหนักแน่นไม่แม้แต่กะพริบตา จ้าวอิงหัวนึกเสียใจภายหลังอีกแล้ว เขาเสนอเงื่อนไขง่ายไปหรือเปล่า?
เห็นเจ้าหมอนี่ไม่รู้สึกลำบากใจสักนิดก็บ่งบอกว่าสามารถทำมันสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้การ เขาต้องคิดอีกว่าตกหล่นตรงไหนไปหรือเปล่า?
เหยียนซินหย่าตบหลังเขาทีหนึ่งเป็นการเตือนให้เขาพอประมาณ จ้าวอิงหัวจำต้องหุบปากอย่างนึกเสียดาย สบายเจ้าหมอนี่ล่ะ!
เรื่องแอบขโมยกินก็จบลงอย่างบริบูรณ์ ก็พอจะถือว่าผ่านพ้นไปอย่างปลื้มปิติดีอยู่หรอก
เหมยเหมยใจจดใจจ่อนับถอยหลังเฝ้ารอวันเกิดครบยี่สิบปีทุกวี่วัน เช่นนี้เธอก็เป็นคุณนายเหยียนอย่างเป็นทางการแล้ว แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!
ฤดูหนาวผ่านพ้นไปฤดูใบไม้ผลิแวะเวียนมา สรรพสิ่งฟื้นคืนชีพ ต้นไม้ข้างทางเริ่มออกดอกออกผลรวมถึงดอกไม้สีสันสวยงาม แค่เห็นก็รู้สึกสบายใจให้ความรู้สึกเหมือนได้ถูกกดปุ่มเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง
เหยียนหมิงซุ่นเริ่มวุ่นกับงานอีกครั้งที่ขณะเดียวกันยังมีจ้าวอิงหัววิ่งเต้นกับงานที่ภายในหนึ่งเดือนคงบินอยู่เหนือฟ้าไปยี่สิบวันได้ เลยไม่มีเวลาเหลือเฟือมาตามคุมลูกสาว!
ผู้ชายทำงานอยู่นอกบ้าน ส่วนผู้หญิงก็ทำได้เพียงนอนเฝ้าห้องอันอ้างว้างลำพัง เหมยเหมยเลยตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนเหยียนซินหย่า
“แม่ เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนไฉ่หวายังลิงโลดอยู่อีกไหม?” เหมยเหมยถาม
เหยียนซินหย่ายิ้มกล่าว “ในวงการศิลปะพวกเขาชื่อเสียงป่นปี้ไปหมดแล้ว ช่วงนี้คุณปู่เซียวของลูกมีชีวิตชีวาดี พอนึกขึ้นได้ก็จะเขียนบทความด่าพวกเขา อีกอย่างเพื่อนเก่าของคุณตาลูกก็ออกมาตำหนิเหมือนกัน ไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเขาแล้ว”
“สะใจจริง ๆกับคนประเภทนี้ต้องใช้วิธีรุนแรงแบบนี้แหละ!” เหมยเหมยปรบมืออย่างสะใจ
เหยียนซินหย่ากลับไม่มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น “เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนไฉ่หวารู้จักคนกว้างขวาง แม่ได้ยินมาว่าตอนนี้พวกเขาไปสร้างเรื่องหลอกลวงพวกคนในวงการเก็บสะสมของเก่าอีกแล้ว ทางนั้นแม่ไม่มีคนรู้จักเลยทำอะไรพวกเขาไม่ได้”
โลกสะสมของเก่า?
เหมยเหมยขมวดคิ้วแล้วกดปุ่มรีโมทไปพลางเปลี่ยนช่องแล้วช่องเล่า จู่ ๆก็มีใบหน้าอันคุ้นเคยโผล่มานั่นก็คือตาแก่จอมหลอกลวงเจิ้งซื่อหลินนั่นเอง
เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวท่าทางดูดีนั่งอยู่ตรงประจำตำแหน่งของผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำผลงานเขียนพู่กันจีนชิ้นหนึ่งเป็นตุเป็นตะ
เป็นรายการพิสูจน์ของเก่าที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มาวิพากษ์วิจารณ์ของรักของหวงที่ชาวบ้านเอามาในรายการ ซึ่งเจิ้งซื่อหลินก็คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ
“ก็คือรายการนี้ เจิ้งซื่อหลินถึงได้พลิกชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง มีมหาวิทยาลัยมากมายเชิญเขาไปสัมมนา” เหยียนซินหย่าพูดเสียงหงอย
เหมยเหมยก็นึกโกรธเช่นกัน นี่มันเป็นแมลงที่ฆ่าไม่ตายจริง ๆ ต้องหาทางกำจัดเจ้าแมงหวี่สองคนนี้ให้สิ้นซากให้ได้!
……………………….
ตอนที่ 1593 รายการพิสูจน์ของเก่า
ขณะที่เหมยเหมยคิดจะจ้างคนไปตามสืบเรื่องของพวกเจิ้งซื่อหลิน เหยียนซินหย่าก็ได้รับคำเชิญจากทางรายการพิสูจน์ของเก่าบอกว่าอยากเชิญเธอไปร่วมรายการตอนหน้าซึ่งมีหัวข้อเกี่ยวกับของประเภทศิลปะการวาดรูป อีกทั้งเจิ้งซื่อหลินก็อยู่ด้วย
“แม่ ตอบรับทางช่องไปเลย ใช่ว่าแม่ไม่รู้เรื่องศิลปะวาดรูปสักหน่อยจะกลัวอะไร!”
เหยียนซินหย่าลังเลอยู่บ้างแต่เหมยเหมยกลับสนับสนุนให้เธอไป เธอเชื่อในความสามารถแม่ของตัวเองว่าต้องเก่งกว่าตาแก่สองคนนั้นแน่นอน
“ได้ แม่จะไป!” เหยียนซินหย่าตัดสินใจแล้ว
รายการพิสูจน์ของเก่าในหนึ่งสัปดาห์จะมีหนึ่งตอนที่มีการอัดรายการก่อนล่วงหน้าแล้วค่อยนำมาเปิดฉายทีหลัง ซึ่งแน่นอนว่ายามอัดรายการต้องมีผู้ชมอยู่ด้วย
เหมยเหมยก็ไปเข้าร่วมรายการในฐานะผู้ชม เธอลากฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปด้วยเพื่อเป็นกำลังใจให้เหยียนซินหย่า
รายการเริ่มขึ้นแล้ว เจิ้งซื่อหลินนั่งลงที่ประจำตำแหน่ง ส่วนด้านข้างเขามีเหยียนซินหย่ารวมถึงผู้เชี่ยวชาญของแวดวงสะสมของเก่าอีกสองท่านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเจิ้งซื่อหลิน เหตุผลที่เจิ้งซื่อหลินพลิกชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ก็ไม่พ้นคุณงามความดีจากสองคนนี้แหละ
“สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ศาสตราจารย์เหยียนหนึ่งต่อสาม เกรงว่าจะเสียเปรียบได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระซิบกระซาบเสียงเบา เธอมีประสบการณ์โชกโชนที่แค่เห็นสายตาของสองคนนั้นกับเจิ้งซื่อหลินก็รู้ได้ทันทีว่าสามคนนี้มีเจตนาร้ายแอบแฝง
“แล้วจะทำยังไง? หรือว่าเราเองก็ขึ้นไปช่วย?” ฉีฉีเก๋อถลกแขนเสื้อขึ้น
“เธอไปแล้วทำอะไรได้? เธอรู้เรื่องของเก่าเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพ่นลมออกทางจมูกอย่างนึกดูถูกทีหนึ่ง ฉีฉีเก๋อพลันหมดกำลังใจในทันที
เหมยเหมยกังวลยิ่งกว่าใครจนเธอเริ่มเสียใจที่สนับสนุนให้เหยียนซินหย่ามาร่วมรายการนี้แล้ว สามต่อหนึ่ง เหยียนซินหย่าต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน ประเด็นสำคัญก็คือต้องมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอ
เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนไฉ่หวาจะต้องเอาเรื่องนี้มาสร้างข่าวลือเสีย ๆหาย ๆอย่างแน่นอน!
เหยียนซินหย่าที่อยู่บนเวทีเหมือนรู้สึกได้ถึงความกังวลใจของลูกสาวเลยส่งยิ้มให้เหมยเหมยเป็นเชิงให้เธออย่าได้กังวลไปเลย!
เหมยเหมยกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้นและเป็นดังที่คิดเมื่อรายการเพิ่งเริ่มต้นขึ้น เจิ้งซื่อหลินกับเพื่อนชั่วช้าอีกสองคนก็พูดบี้ไล่ต้อน ซึ่งไม่ว่าจะความหมายโดยตรงหรือความหมายแอบแฝงล้วนแล้วแต่เหน็บแนมเหยียนซินหย่า บอกว่าเธอไม่รู้แต่แสร้งรู้หลอกลวงผู้คนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตน
สิ่งที่น่าแค้นใจมากกว่านี้คือทั้งสามคนผลัดกันพูดกันคนละประโยคสองประโยคขัดพิธีกรบ่อยครั้ง ไม่ให้โอกาสเหยียนซินหย่าได้พูดเลยสักนิด
“ให้ตาย แก่แล้วยังไร้คุณธรรมอีก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธอย่างมาก นาน ๆจะหลุดประโยคสุภาษิตออกมาสักที
เหมยเหมยเองก็โกรธมากแต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งคอยสังเกตการณ์ไปเรื่อย ๆ
ครึ่งช่วงแรกจบไปก่อนจะตัดเข้าสู่ช่วงพักเบรก ครึ่งแรงเหยียนซินหย่าไม่ได้พูดเลยสักประโยคเดียวคอยนั่งอยู่บนเวทีเหมือนท่อนไม้ที่ดูออกจะอึดอัดหน่อย ๆ เหยียนซินหย่าเองก็ไม่ถือสาอะไรได้แต่แย้มยิ้มจาง ๆ เผยให้ดูงดงามวางตัวดี
สามคนเจิ้งซื่อหลินสุมหัวหัวเราะคิกคักอย่างได้ใจ ทั้งยังชี้นิ้วตำหนิว่ากล่าวเหยียนซินหย่าเป็นพัก ๆ
“เหอะ ไม่เจียมตัวที่กล้ามาในแวดวงโบราณวัตถุ รนหาที่ตายชัด ๆ!” เจิ้งซื่อหลินทำสีหน้าเย็นยะเยือกและนึกเกลียดเหยียนซินหย่าฝังเข้ากระดูก
“พี่เจิ้งสบายใจได้ แวดวงศิลปะเราอาจช่วยอะไรไม่ได้แต่ในแวดวงของโบราณวัตถุ ผู้หญิงคนนี้ต้องคอยฟังคำสั่งเราอย่างเดียว!”
สามคนยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่คิดที่จะปกปิดจนเหมยเหมยที่มองอยู่ควันออกหู
“หืม ตาแก่นั่นรู้จักเจ้าหมอนั่นด้วยเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพึมพำเองด้วยความสงสัย
เหมยเหมยหันมองไปยังทิศทางสายตาของเธอเลยพบว่าพวกเจิ้งซื่อหลินกำลังพูดคุยกับชายวัยกลางคนที่หน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์คนหนึ่งอย่างออกรส ดูท่าทางสนิทกันไม่น้อย
“ผู้ชายคนนั้นคือใคร? เชี่ยนเชี่ยนเธอรู้จักเหรอ?” เหมยเหมยถามอย่างฉงน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “คนคนนั้นสกุลจ้าว ทุกคนเรียกกันจ้าวซานเอ๋อร์ อย่าเห็นว่าเขาหน้าตาดีแบบนี้นะความจริงก็เป็นพวกชอบโกหกหลอกลวงเหมือนกัน ไม่ใช่คนดีอะไร”
เหมยเหมยใจหล่นวูบ เจิ้งซื่อหลินกำลังคุยอะไรกับจ้าวซานเอ๋อร์คนนี้อยู่นะ?
ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ!
เธอตบกระเป๋ากทีก่อนที่ฉิวฉิวจะไต่ขึ้นบนเพดานอย่างว่องไวแล้วแอบฟังอย่างเปิดเผย ไม่นานเขาก็กลับมาพูดเสียงเจื้อยแจ้วยกใหญ่จนทำให้เหมยเหมยหน้านิ่งขรึม
ชั่วช้าเข้ากระดูกจริง ๆ ไม่ว่าจะไปไหนก็ทำแต่เรื่องเลว ๆ!
……………………..