ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1602 ความลับ + ตอนที่ 1603 เธอว่ากี่ปีถึงจะปรับปรุงตัว
ตอนที่ 1602 ความลับ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยพูดตะกุกตะกัก “ไม่มีอะไรหรอกฉันแค่ทำให้เขาตกใจ เจ้านั่นใจเสาะตกใจไม่หยุดเลย”
ฉีฉีเก๋อเป็นคนไร้เดียงสาจึงเชื่ออย่างง่ายดาย
เหมยเหมยกลับไม่ได้หลอกง่าย คนปลิ้นปล้อนอย่างจ้าวซานเอ๋อร์ไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะต้องรู้จุดอ่อนของเจ้าหมอนั่นแน่นอน หนำซ้ำยังเป็นจุดอ่อนที่เด็ดมากด้วย
แต่ในเมื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากพูด เธอไม่ถามจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องส่วนตัว!
“เดี๋ยวฉันขอคุยอะไรกับเธอหน่อย เธออย่าให้ฉีฉีเก๋อตามมานะ” จู่ ๆเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระชิบเสียงเบาที่ข้างหูเหมยเหมย
เหมยเหมยพยักหน้า เดาว่าต้องเป็นเรื่องของจ้าวซานเอ๋อร์แน่นอน
ตั้งแต่ออกมาจากสถานีโทรทัศน์ฉีฉีเก๋อก็มุ่งหน้ากลับมหาวิทยาลัยทันที เหมยเหมยบอกกล่าวเหยียนซินหย่าก่อนจะพาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปที่โรงน้ำชาของพี่เฉินซึ่งห่างจากที่นี่ไม่ไกล
พี่เฉินไม่อยู่ที่โรงน้ำชา เด็กเสิร์ฟรู้จักเธอดี เหมยเหมยสั่งว่า “เอาชาปี้หลัวชุน[1] แล้วก็ของว่าง”
“รับทราบ!”
เด็กเสิร์ฟรีบไปจัดแจงอย่างขันแข็ง เหมยเหมยพาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เดินหันซ้ายขวาหน้าหลังไปที่ห้องอาหารส่วนตัวของเหยียนหมิงซุ่น พูดขึ้นยิ้ม ๆ “อยู่ที่นี่เธอวางใจแล้วพูดได้เลย ไม่มีทางหลุดไปถึงหูบุคคลที่สามแน่นอน”
แม้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ใช่คนในเมืองหลวงโดยพื้นเพแต่ก็อาศัยอยู่เมืองหลวงมาหลายสิบปี แหล่งกินแหล่งเที่ยวในเมืองหลวง เธอรู้จักทุกซอกทุกมุมเป็นอย่างดี
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าในย่านที่เจริญที่สุดของเมือง ยังมีโรงน้ำชาที่เงียบสงัดท่ามกลางความคึกคักแห่งนี้ด้วย?
อีกทั้งไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่เธอก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว โรงน้ำชาแห่งนี้เป็นแวดวงที่เธอทำได้เพียงแค่มองเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์มาสถานที่แห่งนี้ได้ ซึ่งเหมยเหมยก็คือคนในแวดวงนั้น!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีใจมาก และยิ่งคิดว่าตัวเธอเองไม่ได้กอดขาผิดคน
“ที่นี่เงียบดีจัง ฉันพึ่งจะรู้เป็นครั้งแรกว่าในเมืองหลวงมีโรงน้ำชาดี ๆแบบนี้อยู่ด้วย!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจงใจพูดขึ้น
เหมยเหมยฉีกยิ้มสวยเอ่ยว่า “ที่นี่เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของฉันเปิดเล่น ๆ มีเพียงคนสนิทเท่านั้นถึงจะมาได้ ไม่เปิดให้บริการสำหรับคนนอก”
ในตอนนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแน่ใจยิ่งกว่าเดิมแล้ว ที่แท้ก็เป็นพื้นที่เฉพาะคนในนี่เอง
“ฉันได้เปิดหูเปิดตาเพราะเธอเลยนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดพลางหัวเราะ เทน้ำชาที่พึ่งเสิร์ฟใส่แก้ว สดชื่นถึงใจ ต่อให้ไม่เข้าใจเรื่องชา แต่ก็รู้ว่าชาในแก้วนั้นเป็นชาชั้นยอดอย่างชาปีหลัวชุนถึงมีเงินก็หาซื้อได้ยาก
เหมยเหมยหัวเราะร่าพลันจิบชาอึกหนึ่งและไม่ได้รบเร้าถาม แม้ท่าทีของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะสบาย ๆแต่ฝ่ามือเธอกลับบีบกันแน่น หนำซ้ำรอยยิ้มก็ดูไม่เป็นธรรมชาติด้วย
บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวเป็นกังวลมากต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เธอจะพูดแน่นอน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดื่มชาไปสองแก้วถึงทำให้รู้สึกสงบจิตใจลงได้ เธอกัดริมฝีปากพูดว่า “บ้านเกิดของฉันอยู่เหนือสุด ใกล้สหภาพโซเวียตมาก พ่อของฉันเป็นพี่น้องในหมู่บ้านเดียวกับจ้าวซานเอ๋อร์ และมีอีกคนชื่อหูเหล่าลิ่ว ทั้งสามคนเลยรวมกลุ่มกันไปค้าขายเสื้อผ้าและพวกยาหม่องสมุนไพรต่าง ๆที่สหภาพโซเวียต จากนั้นได้เอาเสื้อคลุมหนังจากที่นั่นเข้ามาขาย”
เหมยเหมยฟังอย่างเงียบ ๆ สิ่งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเธอรู้มาก่อนบ้างแล้ว ในสหภาพโซเวียตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เจริญก้าวหน้า แต่อุตสาหกรรมขนาดย่อมกลับล้าหลัง ดังนั้นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมขนาดย่อมทางฝั่งฮวาเซี่ยค้าขายได้ดีมากสำหรับที่นั่น
ดังนั้นคนจำนวนมากจึงเอาสินค้าราคาย่อมเยาไปขายที่นั่น ถือจังหวะขายตอนที่รถไฟจอดเทียบในชาลชาลาเป็นเวลาสิบนาที ขายไปทีละสถานี โดยทั่วไปแล้วมักขายได้หมดเกลี้ยงเงินที่ได้ก็ไม่น้อย
ยังมีชาวโซเวียตบางคนที่จะใช้ของแลกเปลี่ยนกัน ก็คือเสื้อคลุมหนังหนึ่งตัวแลกกับสินค้าราคาย่อมเยาหลายชิ้น วิธีการซื้อขายแบบนี้มีมากที่สุด สินค้าหนังเป็นสินค้าที่ขายดีในฮวาเซี่ย เป็นธรรมดาที่จะขายได้โดยไม่ต้องกังวล
คนที่ไปค้าขายสินค้าราคาย่อมเยาในช่วงแรก ๆส่วนใหญ่จึงร่ำรวย พ่อของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ผลกำไรที่สูงล้วนหมายถึงความเสี่ยงสูง คนที่ตายเพราะสิ่งเหล่านี้ก็มีมาก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดต่อไปว่า “พวกพ่อฉันสามคนหาเงินได้มาไม่น้อย แต่เมื่อสิบปีก่อนกลับมีเหตุไม่คาดฝันขึ้น จ้าวซานเอ๋อร์หาเรื่องนักเลงบนรถไฟขบวนนั้น เขากับหูเหล่าลิ่วร่วมกันฆ่านักเลงคนนั่น ไม่สิ…เป็นจ้าวซานเอ๋อร์ที่ฆ่า หูเหล่าลิ่วก็ตายไปด้วย”
…………………………………………………….
[1] แปลตรงตัวคือ หอยทากมรกตฤดูใบไม้ผลิ เป็นหนึ่งในชายอดนิยมสิบอันดับของชาจีน
ตอนที่ 1603 เธอว่ากี่ปีถึงจะปรับปรุงตัว
เหมยเหมยตกใจมาก คาดไม่ถึงว่าเรื่องที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดจะเกี่ยวข้องกับชีวิตคน เธอกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ถามว่า “พ่อเธอไม่ได้ร่วมด้วยใช่ไหม?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าหงึกหงักแต่เธอก็รู้ดีว่าเหมยเหมยจะต้องไม่เชื่อ สีหน้าอมทุกข์พูดว่า “พ่อของฉันเขาคอยช่วยดูต้นทางให้แต่เขาไม่ได้ลงมือ เขาใจเสาะไม่กล้าฆ่าแม้แต่ไก่ ไหนเล่าจะกล้าฆ่าคนได้”
เธอกลัวว่าเหมยเหมยจะไม่เชื่อจึงรีบพูด “จริง ๆนะ ถ้าฉันโกหกเธอขอให้ฉันอ้วนขึ้นอีกสิบห้าโลเลยเป็นเพราะเรื่องนี้ พ่อของฉันถึงออกจากบ้านเกิดมาอยู่ที่เมืองหลวง จ้าวซานเอ๋อร์ก็เหมือนกัน แต่เขาติดการพนันเงินที่หามาได้ก็แพ้พนันไปจนหมด”
“ก่อนหน้านี้เธอเอาเรื่องนี้มาขู่จ้าวซานเอ๋อร์? เธอไม่กลัวว่าจะทำให้พ่อเธอลำบากเหรอ?” เหมยเหมยถาม
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกรอกชาเข้าปากอีกครั้งแล้วเม้มปาก “เพราะงั้นฉันถึงมาหาเธอเพราะเรื่องนี้ไง ผู้ชายของเธอมีความสามารถขนาดนั้น พ่อฉันเขาคงไม่ต้องเข้าคุกหรอกมั้ง?”
เธอฝืนยิ้มแล้วคว้าเค้กดอกบ๊วยมากิน ดูผ่อนคลายขึ้นมาก พูดเสียงอ้ำ ๆอึ้ง ๆว่า “จริงๆ แล้วถ้าช่วยอะไรไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก พ่อของฉันแค่ช่วยดูต้นทางให้อย่างมากก็คงถูกตัดสินคดีแค่สองสามปี ให้เขาเข้าไปอยู่ในนั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องออกไปหาพวกนังปีศาจจิ้งจอกข้างนอกอีก!”
เหมยเหมยยกยิ้มมุมปาก ช่างกตัญญูเหลือเกิน!
“วางใจเถอะ เธอช่วยฉันไว้ ทำไมฉันจะต้องทำให้พ่อเธอติดคุกด้วยล่ะ เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งแล้ว พ่อเธอจะไม่เป็นไร” เหมยเหมยรับปากเธอด้วยท่าทีหนักแน่น
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดความลับครั้งใหญ่นี้ออกมาเพื่อช่วยเธอ เธอไม่อาจนิ่งดูดายโดยไม่ทำอะไรได้
ส่วนพ่อของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะเคยมีมลทินหรือเปล่านั้นเธอไม่ได้ใส่ใจ ถึงยังไงก็เป็นแค่อันธพาลเอาเปรียบกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าสนใจสักนิด
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระพริบตาปริบ ๆ ทันใดนั้นเธอกลับรู้สึกว่าตัวเธอไม่มีความสุขเหมือนอย่างที่คิดไว้ เพราะเธอคิดว่า ปล่อยให้ตาเฒ่าที่บ้านเข้าคุกสักสองสามปีก็ถือว่าไม่เลวเลย
ในบ้านจะมีเพียงเธอและแม่เธอใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบสุข ดีจะตายไป!
“เธอเป็นอะไร? ไม่เชื่อคำพูดของฉันเหรอ? วางใจเถอะ พ่อเธอจะไม่เป็นไร” เหมยเหมยพูดปลอบใจ
“ไม่ใช่…ฉันเชื่อเธอ…เฮ้อ… ฉันก็แค่…คือว่า…”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดจาเรื่อยเปื่อยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่ โมโหจนต้องกรอกน้ำชาไปอีกหลายแก้ว เหมยเหมยสั่งให้เด็กเสิร์ฟเข้ามาเติมชา แล้วก็ไม่ถามเธอ รอให้เธอคิดได้เองค่อยพูด
“ฉันแค่คิดว่าให้พ่อฉันเข้าไปอยู่ในคุกก็ดีเหมือนกัน แบบนี้ในบ้านคงจะสงบลงบ้างจะได้เลี่ยงไม่ให้แม่ฉันต้องทะเลาะกับพ่อทุกวัน แต่ฉันก็กลัวว่าถ้าพ่ออยู่ในนั้นจะถูกคนอื่นรังแก เขาก็แค่คนบ้ากามทั้งที่ความจริงก็แค่พวกใจเสาะ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิ้วผูกหน้านิ่ว เธอเคยได้ยินมานานแล้วว่าในคุกวุ่นวายมาก ยิ่งประเภทคนโง่มากเงินอย่างพ่อเธอเข้าไปแล้วคงจะกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ให้คนอื่น ถึงยังไงก็พ่อแท้ ๆเธอไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก!
เหมยเหมยลูบจมูก ความจริงอยากจะหัวเราะ
ช่างนับว่าเป็นลูกสาวที่ต่อต้านพ่อไม่เบา!
“พ่อเธอดูแลเธอไม่ดี?”
“ไม่ดีแต่ก็ไม่แย่ พ่อฉันแค่รังเกียจที่ฉันไม่ใช่ลูกชาย อย่างอื่นก็ถือว่าดี ใจกว้างให้เงินใช้” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดพลางหัวเราะเยาะตัวเอง ไม่กี่ปีมานี้พ่อของเธออยากมีลูกชายแทบตาย!
ไม่รู้ว่าตามหานังปีศาจจิ้งจอกมาแล้วเท่าไรจนทำให้แม่ของเธอต้องล้างหน้าด้วยน้ำตา!
เหมยเหมยได้ฟังก็เข้าใจ เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ร่ำรวยชั่วข้ามคืนแล้วถือผู้ชายเป็นใหญ่ กลัวว่าจะไม่มีคนสืบทอดทรัพย์สินของตระกูลจึงออกไปหามือที่สามที่สี่เพื่อคลอดลูกชาย
“เธอว่าแบบนี้ดีไหม? อาหารการกินและที่อยู่ฉันไม่อาจรับประกัน แต่ฉันรับประกันได้ว่าพ่อเธออยู่ในนั้นจะไม่มีคนมารังแก” เหมยเหมยช่วยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจ
พูดตามความจริงเธอเองก็ไม่ชอบผู้ชายประเภทเดียวกับพ่อของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน
ในตระกูลมีตำแหน่งฮ่องเต้ต้องสืบทอดหรือไง?
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูมีชีวิตชีวาในทันที พยักหน้ารับ “ได้ งั้นตกลงตามนี้เลย!”
“แล้วเธอคิดว่าให้พ่อเธออยู่ในนั้นกี่ปีดีล่ะถึงจะปรับปรุงตัวได้?”
………………………………………………….