ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1624 ตัวกาลกินี + ตอนที่ 1625 หัวแตก
ตอนที่ 1624 ตัวกาลกินี
จ้าวอิงหย่งเหยียบไปด่าไปพลาง “ครอบครัวดี ๆก็ดันล้มไปอย่างนี้ แม่ตายไปแล้ว สุขภาพของพ่อก็แย่ลงทุกที พี่ใหญ่ถูกจับเข้าคุก ฉันกลายเป็นคนว่างงาน จ้าวอิงหัวแกพอใจแล้วสินะ?”
เหมยเหมยขมวดคิ้วเม้มปากอย่างเย็นชา ยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิมหวังจะรอดูว่าเจ้าหมอนี่จะทำอะไรอีก
“จ้าวอิงหย่งอธิบายให้รู้เรื่อง ฉันเป็นคนฆ่าแม่เหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อสุขภาพแย่เหรอ? ฉันเป็นคนส่งพี่ใหญ่เข้าไปเหรอ? พี่ถูกปลดเกษียณเพราะฉันเหรอ…”
จ้าวอิงหัวหลุดปากไปไม่นานก็สังเกตถึงความผิดปกติเลยรีบหยุดชะงัก กลับเห็นจ้าวอิงหย่งแค่นหัวเราะติดต่อกันเขาจึงเปลี่ยนคำพูด “ที่พี่ถูกปลดเกษียณเพราะอายุถึงแล้ว บวกกับพี่ไม่ได้สร้างผลงานมาตลอดหลายสิบปี อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่เกษียณแล้วพี่คิดจะอยู่ทำอะไร?”
“เหลวไหล ฉันจะตีไอ้คนใจดำอย่างแกให้ตาย ถ้าไม่ใช่เพราะแกเอาตัวกาลกินีนั่นกลับบ้านมา บ้านเราจะกลายเป็นแบบนี้เหรอ?”
จ้าวอิงหย่งหน้าแดงก่ำเหมือนตับหมูแล้วโถมเข้าหาด้วยความโกรธ จ้าวอิงหัวไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยไปกว่าพลางถอดเสื้อโค้ทตัวใหญ่แล้วซัดกับจ้าวอิงหย่ง พูดตะคอกเสียงดัง “แกพูดให้รู้เรื่อง ตัวกาลกินีอะไร?”
“พ่อ…พ่อจะวุ่นวายไปถึงเมื่อไหร่?” จ้าวเสวียเอ๋อร์ตวาดเสียงดังลั่นสลัดภาพที่ดูเป็นมิตรในวันปกติทิ้งไป
จ้าวอิงหย่งหดตัวลงเพราะยังกลัวลูกชายอยู่บ้าง ทั้งยังรู้สึกว่าถ้อยคำของตนเมื่อครู่ไม่เหมาะสมจริง ๆ คำที่ติดอยู่ตรงปากเลยถูกกลืนลงท้องกลับไป
แต่จ้าวอิงหัวกลับไม่ยอมจบง่าย ๆจึงเสยหมัดไปที่ปลายคางของจ้าวอิงหย่งที่ทำเอาคางเกือบหลุด
“เสวียเอ๋อร์เธออย่ามายุ่ง ให้มันพูดออกมาให้รู้เรื่องว่าฉันพาตัวกาลกินีอะไรกลับมา!” จ้าวอิงหัวพูดเสียงเย็นชา ความน่าเกรงขามของคนตำแหน่งใหญ่โตกำลังแผ่กระจายออกมา จนทำเอาจ้าวเสวียเอ๋อร์อดถอยหลังไม่ได้ทั้งลอบตะลึงอยู่ภายในใจเพียงคนเดียว
ยามนี้เขาเพิ่งสังเกตว่าคุณอาเล็กที่ปกติมีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มใบหน้าเสมอ ความจริงเป็นคนที่น่าเกรงขามที่สุดในบ้านต่างหาก
จ้าวอิงหย่งเองก็เริ่มหวาดผวาแต่กลับมีความอิจฉาริษยามากกว่า ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นคนที่มีตำแหน่งต่ำสุดในบ้าน ตอนนี้พอได้มาสมใจแล้วก็ไม่สนใจความสัมพันธ์พี่น้องอีกต่อไป!
“ใครเป็นตัวกาลกินีใจของแกรู้ดี ยังต้องให้ฉันพูดออกมาอีกเหรอ? ตระกูลจ้าวของเราเมื่อก่อนเคยรุ่งโรจน์แค่ไหนแต่ตอนนี้กลับแตกแยกกัน ทั้งหมดเป็นความผิดของแก!” จ้าวอิงหย่งพูดอย่างมั่นใจ
ถ้าไม่มีคนเตือนสติเขายังคิดไม่ถึงขั้นนี้เลย!
ตระกูลจ้าวเริ่มถดถอยลงหลังจากจ้าวเหมยกลับมาไม่ใช่หรือไง จ้าวเหมยคือตัวการความผิดทั้งหมด!
เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่นและทำตัวเป็นใบ้ต่อไม่ได้เพราะความผิดของตัวกาลกินีถูกโยนมาที่เธอแล้ว!
เธอมีความสามารถอดกลั้นได้ที่ไหนกันล่ะ!
จ้าวเสวียเอ๋อร์กู่ร้องในใจ เมื่อวานเพิ่งพูดคุยเรื่องชีวิตกับจ้าวอิงหย่งอย่างลึกซึ้งไป วันนี้กลับเป็นบ้าอีกแล้ว ให้ตายเถอะ ถ้าเขาสืบได้ว่าใครเป็นคนพูดเสี้ยมละก็จะไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตรอดแน่!
เหยียนซินหย่าที่กำลังผัดกับข้าวอยู่ในครัวหน้าเปลี่ยนสีทันทีพลางเขวี้ยงตะหลิวทิ้งแล้ววิ่งออกไปไวปานสายลม ขณะอันหย่าฟางฉุดยังฉุดไม่อยู่ อันหย่าฟางเลยเดินตามออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม
วันขึ้นปีใหม่ทั้งทียังไม่รู้จักสงบเสงี่ยม เธอชักจะรำคาญสามีจ้าวอิงหย่งคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว!
คนไม่เอาถ่าน!
“จ้าวอิงหย่งแกพูดบ้าอะไร? แกไม่มีความสามารถเองแล้วมาโทษเหมยเหมยของฉันทำไม? นี่แกยังเป็นสมาชิกพรรคด้วยนะเนี่ยกลับพูดออกมาได้ว่าเชื่อเรื่องตัวกาลกินี ฉันว่าหลายสิบปีที่ผ่านมาแกกินหญ้าเป็นอาหารสินะ!”
เหมยเหมยที่เตรียมจะออกไปเรียกร้องความสนใจสักหน่อย อีกฝ่ายด่าเธอว่าเป็นตัวกาลกินีต่อหน้าเธอ คิดว่าเธอเป็นคนตายไปแล้วหรือไงกัน?
แต่แม่ของตนสุดยอดจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเธอนั่งดูปลาคาร์ฟอีกสักครู่แล้วกัน!
เหมยเหมยชำเลืองมองเข้าไปในบ้าน ข้างนอกเกิดเสียงเอะอะโวยวายขนาดนี้ถึงเป็นคนตายก็ยังได้ยิน จนถึงตอนนี้คุณปู่จ้าวกลับยังไม่ยอมออกมาสักที หึ!
คิดจะแกล้งโง่อีกล่ะสิ!
เธอกลอกตาทีหนึ่งคร้านจะสนใจคุณชายฉิวที่อยู่ไม่สุขก่อนจะปล่อยให้เขาไปหยอกเล่นกับปลาคาร์ฟต่อ!
เธอเป็นตัวกาลกินีไม่ใช่หรือไง ก็ต้องแสดงให้สมบทบาทหน่อยแล้วล่ะ
อืม เริ่มที่ปลาคาร์ฟบ่อนี้ก่อนเลยแล้วกัน!
……………………….
ตอนที่ 1625 หัวแตก
จ้าวอิงหย่งโดนเหยียนซินหย่าด่าไปยกหนึ่งเลยด่ากลับเพราะรู้สึกเสียหน้า “ผู้ชายคุยกันผู้หญิงอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย? ไม่มีมารยาท!”
“ฉันว่าบ้านนี้แกนั่นแหละที่ไร้มารยาทที่สุด เมียฉันพูดผิดตรงไหน กินหญ้ามาหลายสิบปีสงสัยในหัวมีแต่ขี้!”
จ้าวอิงหัวออกมายืนปกป้องหน้าภรรยามองจ้าวอิงหย่งที่ทำหน้าขึงขังเพราะความอายปนโกรธด้วยสายตาเย็นชาก่อนกล่าวเตือน “อย่าให้ฉันได้ยินคำนั้นอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
ลูกสาวสุดรักของเขาเป็นตัวนำโชคที่ถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์ หลังจากเหมยเหมยกลับมาภรรยาก็สุขภาพร่างกายแข็งแรง เขาเองก็ก้าวหน้าในเรื่องหน้าที่การงาน ลูกชายก็มีอนาคตที่ดี จ้าวอิงหย่งคงอิจฉาสินะ!
“แกทำฉันตกงานไปแล้วยังจะไม่เกรงใจฉันอีกเหรอ? หรือว่าจะเอาชีวิตฉันไปด้วยหรือไง?” จ้าวอิงหย่งเริ่มทำตัวไร้เหตุผล จากคนที่ดูซื่อสัตย์จริงใจบัดนี้กลับดูน่าเจ้าเล่ห์ขึ้น
จ้าวอิงหัวยังคิดจะด่าเรียกสติพี่ชายแต่เหยียนซินหย่ากลับระงับอารมณ์โกรธไม่ไหวแล้ว ลูกสาวคือแก้วตาดวงใจของเธอ จ้าวอิงหย่งกลับใช้คำพูดหยาบคายขนาดนั้นมาใช้เรียกลูกสาว เธอจะทนไหวได้อย่างไรอีก!
เหยียนซินหย่าที่โกรธสุดขีดก็เริ่มไม่พอใจจ้าวอิงหัวที่ยังพูดจ้ออยู่ตรงนี้ ดูสิว่าทั้งครอบครัวนี้เป็นคนอย่างไรกัน แต่ละคนล้วนไม่มีใครหวังดีต่อลูกสาวเธอเลย!
เธอกระชากจ้าวอิงหัวมาพลางกวาดมองรอบด้าน เมื่อพบว่าไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมเลยเลือกยกกระถางดอกเบญจมาศที่เหี่ยวเฉาขึ้นมาทุ่มใส่จ้าวอิงหย่ง
“เพล้ง”
กระถางดอกเบญจมาศแตกแล้ว หัวก็แตกเช่นกัน…
จ้าวอิงหย่งยืนกุมศีรษะอยู่อย่างนั้นและไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด มือลูบจับรอบศีรษะทีสัมผัสถึงของเหลวเหนียวข้นก็พบว่าเลือดเปื้อนเต็มฝ่ามือ รวมถึงเศษดินด้วยบางส่วน
“ใครกล้าว่าลูกสาวฉัน ฉันจะสู้กับมันถึงตาย!” เหยียนซินหย่าทำหน้าเย็นยะเยือก เรือนร่างบอบบางที่มีแรงมหาศาลนั่นกำลังถลึงตาจ้องจ้าวอิงหย่ง
จ้าวอิงหัวเสียวสันหลังวูบ ช่วงนี้ภรรยาของเขาแรงเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนะ!
กล้าทำพี่สามของเขาหัวแตกแล้วด้วย!
ทำได้ดี!
“เลือดออกเยอะเลย หยุดทะเลาะกันได้แล้ว วันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้ช่วยอยู่เฉย ๆสักทีได้ไหม?” อันหย่าฟางห้ามจ้าวอิงหย่งที่ยังคิดจะใช้กำลังโต้กลับ ส่วนจ้าวเสวียเอ๋อร์ยกกล่องปฐมพยาบาลมาแต่จ้าวอิงหย่งไม่ยอมทำแผลร้องจะซัดจ้าวอิงหัวกลับให้ได้ เขาจะไม่ยอมโดนกระถางดอกเบญจมาศทุ่มฟรีเด็ดขาด
“แค่ก แค่ก แค่ก…”
ในที่สุดคุณปู่จ้าวก็ปรากฏตัว คุณปู่ดูแก่ลงหลายปีเพราะเรี่ยวแรงซูบหายไปตามกาลเวลา
เขาจับขอบประตูไว้ใช้ดวงตาหม่นกวาดมองหนึ่งรอบแล้วพูดเสียงแหบ “ต้มเกี๊ยวแล้วเอาไปส่งให้เจ้าสอง วันส่งท้ายปีแบบนี้ไม่กินเกี๊ยวไม่ได้!”
คุณปู่จ้าวพูดจบก็หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้ง ทำเป็นไม่เห็นของตกเกลื่อนตรงลานบ้านรวมถึงสภาพดูไม่ได้ของจ้าวอิงหย่ง
ทุกคนชะงักไปทันทีแล้วรู้สึกปวดใจขึ้นมาจนหมดอารมณ์จะทะเลาะกันต่อ จ้าวอิงหย่งทิ้งตัวนั่งลงอย่างห่อเหี่ยวใจพลางให้อันหย่าฟางช่วยทำแผลให้เขา จ้าวเสวียเอ๋อร์ก็เก็บกวาดไป
เขาในตอนนี้ถึงเห็นสภาพของดอกเบญจมาศที่นอนหายใจโรยรินอยู่บนพื้นได้ชัดพาลรู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดหัวใจ อาสะใภ้เล็กของเขาช่างเลือกจริง ๆ เขวี้ยงทั้งทีก็เลือกกระถางต้นที่แพงที่สุดเสียด้วย
ดอกเบญจมาศกระถางนี้เขาเสียเงินไปตั้งหลายร้อยดอลลาร์สหรัฐนะ!
เตรียมไว้ว่าปลูกเรียบร้อยแล้วจะมอบให้ผู้หญิงไร้หัวใจบางคน!
ผู้หญิงคนนั้นชอบดอกเบญจมาศที่สุดล่ะ!
จ้าวเสวียเอ๋อร์ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเตรียมลงปลูกอีกรอบดูและไม่รู้ว่าจะชุบชีวิตได้หรือเปล่า ส่วนแผลของจ้าวอิงหย่งเขาไม่สนใจมันเลยสักนิดเพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีทางตายหรอก
อีกอย่างก็สมควรแล้ว!
จ้าวอิงหัวมองเล็บที่ผ่านการบำรุงรักษาอย่างดีของเหยียนซินหย่าอย่างปวดใจ หักไปตั้งสองนิ้ว โชคดีแค่ไหนที่ไม่บาดโดนเนื้อ แต่ก็ทำเขาปวดใจแทบแย่
“วันหลังงานที่ต้องใช้แรงคุณไม่ต้องทำหรอก ให้ผมทำเอง ดูสิว่าเล็บคุณหักหมดแล้ว!”
เหยียนซินหย่าเองก็ปวดใจไม่แพ้กันเพราะนิ้วที่เล็บหักคือนิ้วโป้งทั้งสองข้างพอดี ซึ่งต้องใช้เวลาเลี้ยงมันตั้งเกือบครึ่งปีกว่าจะโค้งงอเหมือนต้นหอมที่สวยงดงาม ตอนนี้กลับหักไปแล้วเลยมาลงความโกรธที่จ้าวอิงหัวคนเดียว ถลึงตาเขม่นมองใส่แวบหนึ่งก่อนหยิกเอวเขาไปแรง ๆอีกที
อันหย่าฟางเห็นชัดเจนเต็มสองตาพลันแววตาก็หม่นลง รู้สึกน้อยใจที่ยากจะอธิบายได้จนเผลอลงแรงมากไปโดยไม่รู้ตัว จ้าวอิงหย่งร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดพลางถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจ อันหย่าฟางมุ่นคิ้วเล็กน้อยรู้สึกรังเกียจยิ่งกว่าเดิมขณะที่อารมณ์ขุ่นมัวกำลังสุมอยู่ในอก
……………………………