ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1636 ปกป้องผู้ชาย + ตอนที่ 1637 การยั่วยุ
ตอนที่ 1636 ปกป้องผู้ชาย
เกี๊ยวผักจี้ไฉ่ที่คุณย่าหยางห่อสดใหม่มาก ชิ้นก็ไม่ได้ใหญ่พอดีกับปากเล็กๆ ของเหมยเหมย เธอกินด้วยความเอร็ดอร่อยจนหมดไปครึ่งค่อนชามใหญ่ ๆอย่างไม่รู้ตัว
“ย่าไปเอามาเพิ่มให้อีกถ้วยนะ” คุณย่าหยางยิ้มตาหยีพูดขึ้น
เหมยเหมยเกิดลังเลใจขึ้นมา เกี๊ยวอร่อยมากจริงๆ แต่กระเพาะของเธอรับได้แค่นี้ กินหรือไม่กินดีนะ?
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยตอบ “ไม่ต้องกินแล้ว กระเพาะเธอเล็กมาก กินเยอะเดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
คุณย่าหยางได้ยินดังนั้นจึงหดมือกลับ ในใจนึกเสียดาย อันที่จริงแม่หนูเหมยเหมยดีทุกอย่าง เว้นก็แต่รูปร่างผอมบางติดกระดูกไปหน่อย หน้าอกไม่ใหญ่สะโพกก็เล็กไปนิด ไม่รู้ว่าอีกหน่อยคลอดลูกจะราบรื่นดีไหม?
แต่คุณย่าก็คิดได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้การแพทย์ก้าวหน้า คลอดเองไม่ได้ก็ใช้วิธีการผ่าคลอดได้นี่!
ไม่มีผลกระทบต่อการอุ้มเหลนของเธอเลย!
“หมิงซุ่น หลานว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะไปพบปะกับญาติฝั่งเจ้าสาวบ้าง? ธรรมเนียมนี้ห้ามขาดเชียวล่ะ” คุณย่าหยางเตือน
ต่อให้ตอนนี้จะยังไม่จัดงานมงคลแต่ก็ต้องจดทะเบียน ในทางกฎหมายก็จะถือว่าเป็นคนของตระกูลเหยียนแล้ว ควรทำตามธรรมเนียมที่มี อย่าให้คนตระกูลจ้าวต้องมาว่าคนตระกูลเหยียนเอาได้ว่าไม่มีมารยาท
เหยียนโฮ่วเต๋อดวงตาเป็นประกาย ถ้าญาติพี่น้องของสองตระกูลพบปะกันเขาก็ต้องอยู่ในงานด้วย ถึงเวลานั้นเขาก็สามารถร่วมโต๊ะกินข้าวกับจ้าวอิงหัวได้แล้ว แม้กระทั่งอาจจะได้เจอคุณปู่จ้าวด้วย!
เหยียนหมิงซุ่นก็พยักหน้าตาม บ่งบอกว่าต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนพบปะคนตระกูลจ้าว ปรึกษาหารือเรื่องการแต่งงาน
เหยียนหมิงซุ่นมองปราดเดียวก็รู้ถึงความคิดของเหยียนโฮ่วเต๋อ กระตุกมุมปากเย้ยหยัน คิดได้ดีนี่!
“คุณปู่คุณย่าไม่ต้องกังวลไปหรอก เรื่องพวกนี้พ่อบุญธรรมของผมจัดการได้ คนบ้านเราไม่ต้องไปหรอก” เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้น
คุณปู่เหยียนมุ่นคิ้วพูดอย่างไม่พอใจ “งั้นวันหน้าจะไม่จัดงานที่เมืองจินเหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอน รอให้เหมยเหมยเรียนจบ จัดที่เมืองหลวงก่อนแล้วค่อยกลับมาจัดที่เมืองจิน”
เหยียนหมิงซุ่นวางแผนไว้นานแล้ว เขาจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่จนยากจะลืมให้กับหญิงสาวคนรักของตน
คุณปู่เหยียนเมื่อได้ฟังว่าจะกลับมาจัดที่เมืองจิน หัวคิ้วพลันคายลง ไม่ถามถึงเรื่องงานแต่งอีก เขาและภรรยาต่างก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องบางเรื่องก็คงไม่ต้องยุ่งแล้วล่ะ!
เหยียนโฮ่วเต๋อกลับกระวนกระวาย พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “แต่งงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แกจะให้พ่อบุญธรรมที่เป็นคนนอกมาจัดการได้อย่างไร? ผิดธรรมเนียมกันหมด”
“พ่อบุญธรรมของผมจะเป็นคนนอกไปได้อย่างไร? ในใจของผมเขาสำคัญยิ่งกว่าคุณอีก” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างเย็นชา
เหยียนโฮ่วเต๋อตัวชาวาบ ความโกรธจุกอยู่ในอก พลันด่าด้วยความโมโห “ไร้สาระ ใครกันที่ให้กำเนิดแกเลี้ยงแกมากันแน่? แกนี่มันใจจืดใจดำ ฉันจะตีแกให้ตาย…”
“คนที่คลอดผมออกมาคือแม่ คนที่เลี้ยงดูผมมาก็คือคุณปู่คุณย่า คนที่อบรมสั่งสอนให้ผมเติบใหญ่คือพ่อบุญธรรม ในช่วงชีวิตของผมคุณก็แค่คนไร้ประโยชน์”
เหยียนโฮ่วเต๋อโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เนื้อข้างแก้มกระเพื่อม เส้นเลือดปูดโปนเผยให้เห็นสีหน้าอันน่ารังเกียจ
“ถ้ารู้แต่แรกว่าแกมันเป็นเดรัจฉานใจดำอำมหิต ตอนนั้นที่แกเกิดมาน่าจะจับยัดลงชักโครกเสีย”
เหมยเหมยชิงพูดก่อนเหยียนหมิงซุ่นจะสบถด่า “ต่อให้ใจดำก็คงไม่เท่าคุณ คุณคือคนที่ทำให้แม่แท้ ๆของพี่หมิงซุ่นตาย คุณยังมีหน้ามาว่าพี่หมิงซุ่นใจดำอีกเหรอ?”
ด่าผู้ชายของเธอต่อหน้าต่อตาเธอ เหอะ คิดว่าเธอตายไปแล้วหรือไง?
เหยียนโฮ่วเต๋อหายใจถี่หอบ ใบหน้าเขียวปั๊ดราวกับจะกินคนก็มิปาน คุณปู่เหยียนกระแอมไอหนักครั้งหนึ่ง เหยียนโฮ่วเต๋อที่ได้สติจากความโกรธก็รีบเก็บกำปั้นที่พร้อมจะปล่อยออกไปกลับมา เหงื่อแตกไปทั่วร่าง
ถ้าเขาต่อยลูกสาวของจ้าวอิงหัวล่ะก็ ยังจะมีชีวิตได้เห็นแสงตะวันยามรุ่งสางของวันพรุ่งนี้อีกไหม?
……………………………………………………….
ตอนที่ 1637 การยั่วยุ
เพราะคำพูดของเหมยเหมย สีหน้าของคนตระกูลเหยียนจึงไม่สู้ดีนัก ในตระกูลเหยียนนั้นโม่เหวินเซียงเป็นดั่งระเบิดเวลาที่เพียงแค่เอ่ยถึงก็พร้อมระเบิดได้ทันที อากาศเงียบลงทันตา บรรยากาศดูน่าอึดอัดเหลือเกิน
คุณปู่เหยียนไม่ค่อยชอบใจเหมยเหมยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดูไม่ค่อยสง่างามเท่าไร หากเป็นเมื่อก่อนคงเป็นพวกนางบำเรอต่ำต้อย หนำซ้ำแม่เด็กนี่เป็นคนจิตใจไม่ดี ไม่ใช่คนที่จะอยู่ในโอวาท
แต่หลานชายคนโตเป็นคนรักของสวย ๆงาม ๆ เอาแต่ชอบแม่เด็กนั่น รวมถึงหลังจากที่แม่เด็กนั่นทำอาหารฝีมือดี อีกทั้งยังมีความสามารถโดดเด่น และรักหลานชายคนโตเพียงคนเดียวเขาจึงฝืนใจยอมรับได้
แต่ในใจกลับมีปมเล็ก ๆติดอยู่ พอตอนนี้เหมยเหมยเอ่ยถึงโม่เหวินเซียงอีกครั้ง ปมในใจของคุณปู่เหยียนจึงขยายใหญ่ขึ้น หน้านิ่งขรึมลงทันที
คุณย่าหยางถอนหายใจยาวอีกครั้ง ในชีวิตนี้เธอไม่เคยทำเรื่องละอายแก่ใจเลย หนึ่งเดียวก็คือเรื่องที่ทำกับลูกสะใภ้คนก่อน เธอเป็นหนี้ชีวิตตระกูลโม่และเป็นหนี้ชีวิตหลานชายคนโตด้วย
หากกลับกันลูกสาวของเธอเป็นฝ่ายถูกครอบครัวของแม่สามีปฏิบัติเช่นนั้น เธอคงใช้มีดทำกับข้าวสับเหยียนโฮ่วเต๋อเป็นชิ้น ๆไปแล้ว แต่บัดนี้เหยียนโฮ่วเต๋อคือลูกแท้ ๆของเธอ เธอจะทำอะไรได้เล่า?
คุณย่าหยางยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ไม่ง่ายเลยกว่าหลานชายคนโตจะกลับมา ไอ้พวกขี้หนูสองก้อนนี่ยังดึงดันจะกลับมาทำลายบรรยากาศให้ได้ ต้องบอกเหยียนหมิงซุ่นสักหน่อยแล้วว่าให้ส่งทั้งสองคนไปเขตชายแดนเพื่อให้ปรับปรุงตัว อย่าได้ทำตัวสามวันดีสี่วันไข้แล้วกลับมาสร้างความรำคาญใจให้คนอื่นอีก
“วันปีใหม่แบบนี้แกเป็นบ้าอะไรขึ้นมา? ยิ่งแก่ก็ยิ่งเจ๋งมากงั้นเหรอ? ถ้าจะทะเลาะกันก็ไสหัวไป หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
คุณย่าหยางคว้าผ้าเช็ดโต๊ะได้ก็ขว้างไปปิดหน้าเหยียนโฮ่วเต๋อ เหยียนหมิงซุ่นทำเสียงคลื่นไส้อย่างสะอิดสะเอียน สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“แม่ก็ดูที่นางเด็กนี่กับเด็กเวรนี่พูดสิ มันด่าว่าผมอย่างไร? แม่ดูให้ชัดเจนสิ!”
“ฉันเห็นชัดเจนดี เหมยเหมยไม่ได้พูดผิดนี่เพราะพวกเราทำผิดต่อเหวินเซียง แกมันพวกใจดำอำมหิต ถ้าไม่ใช่เพราะมุดออกมาจากท้องฉัน ฉันจะแทงแกตายด้วยมีดทำกับข้าวเลย!”
คุณย่าหยางยิ่งด่าไฟโทสะยิ่งปะทุ เดินฉับๆ เข้าห้องครัวอย่างรวดเร็วคว้าไม้นวดแป้งขึ้นมา พร้อมวิ่งออกมาฟาดเหยียนโฮ่วเต๋อไม่ยั้งจนยากจะหลบได้ อย่ามองว่าเธอเป็นหญิงชราอายุมากล่ะ เธอน่ะเต้นดิสโก้ผู้สูงวัยเพื่อออกกำลังกายทุกวัน และยังต้องยกตะกร้าผักไปจับจ่ายตลาดทุกวัน พละกำลังมีไม่น้อย ร่างกายว่องไวกระฉับกระเฉง
เหยียนโฮ่วเต๋อนั่งแต่ในห้องทำงานมาหลายปี ทั้งอ้วนทั้งขี้เซา รวมถึงเขาเป็นลูกกตัญญู ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหญิงชราเลยด้วยซ้ำ ในชั่วพริบตาจึงถูกทุบตีจนฟกช้ำดำเขียวร้องลั่นไม่หยุด
“แม่เป็นโรคอัลไซเมอร์เหรอ? ผมเป็นลูกแท้ๆ ของแม่นะ นี่แม่อยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย?”
“สมองของฉันยังจำความได้ดี ถ้ารู้ว่าแกมันเป็นพวกใจดำอำมหิต ตอนนั้นคลอดแกออกมาคงจับยัดลงชักโครกไปแล้ว”
คุณย่าหยางโกรธมากที่เมื่อครู่เหยียนโฮ่วเต๋อบอกว่าจะฆ่าเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่คลอดออกมา กว่าเหยียนหมิงซุ่นจะโตขึ้นมาได้เป็นเพราะเธอเลี้ยงมา ซ้ำตอนเด็ก ๆก็ร่างกายไม่แข็งแรง แล้วยังต้องมาโดนถานซูฟางทารุณอีก ทั้งร่างกายและจิตใจล้วนมีปัญหา
เพื่อทำให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นปกติ คุณย่าหยางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย ความรักก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น สำหรับในใจเธอแล้วไม่ว่าจะเป็นเหยียนโฮ่วเต๋อหรือเหยียนหมิงต๋าต่างก็ไม่สำคัญเท่ากับเหยียนหมิงซุ่น
แล้วเหยียนโฮ่วเต๋อมายืนด่าหลานชายหัวแก้วหัวแหวนต่อหน้าเธอแบบนี้ เธอจะไม่บันดาลโทสะได้เหรอ?
สาแก่ใจเหมยเหมยมาก เธอกังวลว่าร่างกายของหญิงชราจะรับไม่ไหวจึงชงชาเพิ่มยาวิเศษเล็กน้อยให้เงียบ ๆแล้วยกให้คุณย่าหยาง “คุณย่าดื่มชาให้คลายโมโหนะคะ พี่หมิงซุ่นโชคดีนักที่ได้คุณย่าคอยปกป้อง ไม่งั้นเขาคงถูกคนอื่นรังแกจนตายไปแล้ว!”
คุณย่าหยางยกแก้วชาดื่มรวดเดียว ความรู้สึกพร่าเบลอเล็กน้อยในตอนแรกก็กลับมาสดใส กระปรี้กระเปร่า เมื่อได้ยินคำพูดเหมยเหมย ภาพที่เหยียนหมิงซุ่นท่าทางซูบผอมจนน่าเวทนามาที่นี่เป็นครั้งแรกก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ทั้งรู้สึกโกรธและปวดใจ
……………………………………………………..