ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1638 ไม่ทำงานบ้านเด็ดขาด + ตอนที่ 1639 เป็นคนดี ภักดี รับใช้ชาติ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1638 ไม่ทำงานบ้านเด็ดขาด + ตอนที่ 1639 เป็นคนดี ภักดี รับใช้ชาติ
ตอนที่ 1638 ไม่ทำงานบ้านเด็ดขาด
“พวกแกไสหัวไปเดี๋ยวนี้ หลังจากนี้ไปไม่ต้องมาที่นี่อีก” คุณย่าหยางเริ่มทำการขับไล่ ใช้ไม้นวดแป้งฟาดอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เหยียนโฮ่วเต๋อกับถานซูฟางถูกไล่ต้อนไปถึงลานบ้านอย่างน่าสงสาร ผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างวิ่งออกมาดูความครึกครื้น ยกมือชี้พลางนินทา
คุณปู่เหยียนรู้สึกขายหน้าเอามากจนเกิดความไม่พอใจต่อหญิงชรา และยิ่งไม่พอใจเหมยเหมย เขาเองก็โกรธที่เหยียนโฮ่วเต๋อต่อว่าหลานชายแต่ก็เป็นลูกชายเขา ถึงอย่างไรคงไม่ถึงกับต้องให้คนรุ่นหลังมาสั่งสอนหรอกมั้ง?
“ทำตัวอย่างกับอะไรดี? เข้าบ้านไปให้หมด ปีใหม่แบบนี้อย่าให้ใครเขามาหัวเราะเยาะเอาได้” คุณปู่เหยียนเดินเข้าไปยึดไม้นวดแป้งในมือของคุณย่าหยาง หน้าดำบึ้งตึงราวถ่านหิน
ปกติถ้าอยู่นอกบ้านคุณย่าหยางจะไม่คัดค้านสามีนัก เธอบ่นพึมพำเล็กน้อยจ้องเขาตาเขม็ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากขับไล่ใครอีก
เหยียนโฮ่วเต๋อสองสามีภรรยาผู้น่าสงสารเดินเข้าบ้านอย่างโมโห แต่พอเห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นยังคงกินเกี๊ยวอย่างสุภาพ เมื่อเทียบกับใบหน้ากระเซอะกระเซิงของพวกเขาที่ต่างกันลิบลับ ในใจพลันรู้สึกแย่เสียกว่าเดิมมาก
คุณปู่เหยียนมองเหมยเหมยด้วยสายตาไม่พอใจ ความรู้สึกไม่ชอบที่อยู่ในใจยิ่งทวีคุณ เหยียนหมิงซุ่นดีทุกอย่างเว้นก็แต่โลภต่อสิ่งสวย ๆงาม ๆ ต้องเสียเปรียบในไม่ช้าก็เร็วแน่
เหยียนโฮ่วเต๋อถูกสั่งสอนไปยกใหญ่จึงไม่กล้าปริปากพูด นั่งนิ่งอย่างว่าง่าย คุณย่าหยางเข้าไปทำงานในครัว ถานซูฟางอยากเข้าไปด้วยแต่ก็กลัวถูกทุบตี จึงนั่งลงอย่างว่าง่ายเหมือนกับเป็นหุ่นไม้
“เธอเข้าครัวไปเป็นลูกมือให้คุณย่าสิ คุณย่าทำคนเดียวคงจะไม่ไหว” คุณปู่เหยียนพลันหันมาพูดกับเหมยเหมย ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไร
เหมยเหมยนิ่งอึ้งแล้วลุกขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว แต่เสียงกำชับก่อนที่จ้าวอิงหัวจะขึ้นเครื่องบินก็ดังอยู่ในหูเธอ ภายในใจจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้น ตามหลักแล้วการช่วยเหลือคุณย่าเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่คุณปู่พูดออกมาแบบนี้กลับทำให้รู้สึกแย่
“ลูกสาว ลูกต้องจำไว้ว่าเข้าบ้านครั้งแรกห้ามทำงานบ้านเด็ดขาด ถ้ายอมทำล่ะก็ต่อไปก็ต้องทำจนไม่รู้จักจบจักสิ้น ทั้งชีวิตของลูกก็คงจะกลายเป็นดั่งวัวม้าที่เป็นคนรับใช้คนตระกูลเหยียนแล้วล่ะ!”
ถึงคำพูดของจ้าวอิงหัวจะเกินจริงไปหน่อยแต่ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางให้เธอเป็นคนใช้อยู่แล้ว แต่คนตระกูลเหยียนนั้นไม่แน่
ถึงอย่างไรก็เป็นคนในครอบครัวของเหยียนหมิงซุ่น ถ้าเธอจัดการไม่ได้ วันข้างหน้าให้เหยียนหมิงซุ่นคอยเป็นคนกลาง นานวันเข้าจะต้องห่างเหินกันไปแน่
ดังนั้น…
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความรักของเหยียนหมิงซุ่น สะโพกของเธอจะขยับไปไหนไม่ได้เด็ดขาด
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก้มหน้าบิดนิ้วมือเล่น คุณปู่เหยียนตีหน้าขรึม รู้สึกไม่ชอบใจยิ่งกว่าเดิม
ตามหลักแล้วเขาไม่จำเป็นต้องพูด หากว่าจ้าวเหมยเข้าใจสถานการณ์ดีก็จะรู้ตัวเองดีว่าควรเข้าครัวไปช่วยงาน แต่ตอนนี้เขาเอ่ยเตือนแล้วแม่สาวน้อยกลับยังนั่งนิ่ง ขี้เกียจเสียยิ่งกว่าตอนเด็ก ๆอีก
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปาก กินเกี๊ยวชิ้นสุดท้ายเสร็จ พูดว่า “พี่เข้าไปช่วยงานคุณย่าเอง เหมยเหมยนั่งนี่แหละ ไม่ต้องทำอะไรหรอกนะ!”
ผู้หญิงของเขาใครก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ทำงานบ้านทั้งนั้น!
เหยียนโฮ่วเต๋อบ่นพึมพำ “พ่อ พ่อดูสิ แม้แต่พ่อก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย”
เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เหยียนโฮ่วเต๋อตัวสั่นสะท้านในฉับพลันแล้วหุบปากลงทันที ในใจขมขื่นราวกับหวงเหลียน[1]
คนอื่นต่างก็อิจฉาที่เขามีลูกชายเป็นข้าราชการชั้นสูง แต่ใครหน้าไหนล่ะที่จะรู้ว่าเขาอึดอัดมากแค่ไหน?
ลูกชายใจจืดใจดำแบบนี้ไม่มียังดีเสียกว่า!
เหมยเหมยยิ้มหวานให้เหยียนหมิงซุ่น พยักหน้าอย่างว่าง่าย เหยียนหมิงซุ่นลูบหัวเธอเบา ๆยกชามเดินเข้าครัว แต่ก็ถูกคุณย่าหยางไล่ออกมาอย่างรวดเร็ว
“ถานซูฟาง เธอเป็นหุ่นไม้หรือไง เข้ามาล้างผักพวกนี้จะเอาแต่กินของคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้!”
คุณย่าหยางออกคำสั่งด้วยพละกำลังอันเต็มเปี่ยม ในเมื่อไล่แล้วไม่ยอมไปงั้นก็ทำงานบ้านสิ!
…………………………………………………………………
ตอนที่ 1639 เป็นคนดี ภักดี รับใช้ชาติ
มื้ออาหารค่ำถือว่าสามัคคีกันดีอยู่ เหยียนโฮ่วเต๋อและถานซูฟางต่างก็ไม่กล้าพูดจาไร้สาระ เพียงแค่ก้มหน้าก้มตากินข้าว คุณย่าหยางเอาแต่คีบอาหารให้เหมยเหมยพร้อมถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
“ครั้งนี้พวกเธอจะมาอยู่กี่วัน? ถ้างานไม่ยุ่งก็อยู่หลาย ๆวันหน่อยสิ!” คุณย่าถามอย่างมีหวัง
เหยียนหมิงซุ่นอยากจะพูดว่าอยู่แค่สองสามวัน แต่พอเห็นผมหงอกบนหัวคุณย่าหยางก็พลันใจอ่อน ยิ้มและพูดว่า “ดูก่อนว่ามีเรื่องที่ต้องสะสางไหม ถ้าไม่มีก็อยู่หลายวันหน่อย”
คุณย่าหยางดีใจในทันทีมีความสุขจนยิ้มไม่หุบ คีบเอาก้ามใหญ่ ๆของปูม้าใส่ชามเหมยเหมย พร้อมคีบอีกหนึ่งก้ามให้เหยียนหมิงซุ่น
“สองก้ามนี้เนื้อแน่นที่สุด ย่าจองไว้แต่แรกแล้ว ก้ามหนึ่งหนักหนึ่งกิโลเลยนะ!”
มือของเหยียนโฮ่วเต๋อเคว้งอยู่กลางอากาศ มองก้ามปูใหญ่ทั้งสองตาร้อนผ่าว สุดท้ายเลยคีบเอาก้ามเล็กขึ้นมาแทะกิน รสชาติดีมากจริง ๆแต่ติดที่เล็กไปหน่อย
เหมยเหมยแคะเนื้อปูออกจากก้าม ทั้งนุ่มทั้งแน่น จิ้มน้ำจิ้มเสร็จก็วางใส่ชามคุณย่าหยาง อมยิ้มพูด “คุณย่าหยางกินเนื้อปูสิคะ สารอาหารครบถ้วน ไขมันต่ำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ”
“จ๊ะ!”
คุณย่าหยางรับความกตัญญูมาจากเหมยเหมย ตัวเธอเองเป็นหมอ เคยได้เรียนรู้เรื่องโภชนาการมาบ้างจึงรู้ว่าเหมยเหมยพูดถูกเลยอารมณ์ดีมากไปอีก
คุณปู่เริ่มพึงพอใจท่าทีของเหมยเหมยขึ้นมาเล็กน้อย รู้มารยาทว่าควรยอมให้คนแก่ เขาขบคิดพลางเหลือบหางตามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างอดไม่ได้ เขาไม่ได้อยากกินก้ามปูก้ามนั้นแน่เพราะเขาไม่ใช่คนตะกละตะกลาม
แต่เขากลับอยากรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะจัดการกับก้ามปูใหญ่ ๆนั้นอย่างไร?
เนื้อขาวแน่น ๆถูกแงะออกมาอย่างรวดเร็ว ปลายขาอวบอ้วน ยาวเป็นเส้น พอได้เห็นก็เกิดความอยากอาหาร คุณปู่เหยียนกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ แต่ก่อนไม่คิดเลยว่าเนื้อปูม้าจะน่าดึงดูดขนาดนี้
เหยียนหมิงซุ่นเอาเนื้อปูจิ้มน้ำจิ้ม และวางลงในชามของเหมยเหมย แววตาเผยรอยยิ้ม
เจ้าปีศาจน้อยชอบกินเนื้อปูเป็นที่สุด!
เหมยเหมยฉีกยิ้มแล้วแบ่งเนื้อปูเป็นสองส่วน คีบขึ้นมาจ่อปากสื่อว่าให้เขาอ้าปาก เหยียนหมิงซุ่นชะงักก่อนแต่ก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เคี้ยวเนื้อปูพลางอมยิ้ม
เหมยเหมยจึงได้กินเนื้อปูอีกครึ่งที่เหลือ และยังส่งยิ้มให้คนข้างกายอย่างเหยียนหมิงซุ่นเป็นระยะ ๆ ความรักหวานหยดย้อยของทั้งคู่เกิดเป็นฟองอากาศสีชมพูลอยล่องไปทั่วห้อง บรรยากาศหวานชื่นมื่น
คุณย่าหยางยิ้มอย่างชื่นชม สองหนุ่มสาวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หนำซ้ำยังเป็นประเภทใจเธอมีฉัน ใจฉันมีเธอ เป็นความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ซึ่งกันและกัน
ในที่สุดหมิงซุ่นของเธอก็ตามหาคู่ชีวิตเจอแล้ว ต่อไปนี้จะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว!
คุณปู่เหยียนแค่นเสียงเบา เจ็บจี๊ดอยู่ในทรวง แถมด้วยความขมขื่น
มีเมียก็ลืมเขา ช่างเป็นหลักความจริงที่คงอยู่ไม่เคยเปลี่ยน ทั้ง ๆที่ตอนเด็ก ๆต่อให้เหยียนหมิงซุ่นจะซื้อมอลท์โตสมาแค่หนึ่งเม็ดก็จะแบ่งอีกครึ่งหนึ่งให้เขากับภรรยา!
เหมยเหมยมุ่ยปาก แต่ก่อนคุณปู่เหยียนไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้ แต่ยิ่งแก่ก็ยิ่งใจแคบนะเนี่ย!
ดูใบหน้าขุ่นเคืองนั่นสิ ก็แค่ก้ามปูก้ามเดียวเองไม่ใช่เหรอ!
เพราะไม่ได้ดื่มเหล้ามื้อค่ำจึงจบลงอย่างรวดเร็ว คุณย่าหยางจัดการเตรียมห้องให้พวกเขาด้วยความร่าเริง ซ้ำเธอยังเล่นหูเล่นตาจงใจถามเหยียนหมิงซุ่นว่าจะเอาหนึ่งหรือสองห้องดี
เหยียนหมิงซุ่นเห็นก็นึกตลก ตอบด้วยท่าทีนิ่ง ๆ “ห้องเดียวก้พอครับ ห้องเก่าของผมนั่นแหละ”
ดอกเก๊กฮวยเบ่งบานบนใบหน้าของคุณย่าหยาง เผยถึง ‘ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ’ ทางสีหน้า ตบไหล่เหยียนหมิงซุ่นอย่างพึงพอใจ ชูนิ้วโป้งให้เหยียนหมิงซุ่น “หลานของยายจะมีอนาคตแล้ว สู้ๆ ล่ะ!”
เป็นคนดี ภักดี รับใช้ชาติ!
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอนครับ คุณย่าวางใจได้!”
นอกเสียจากรอบเดือนจอมน่ารำคาญนั่นแล้ว เขาไม่มีทางเสียคืนวันแห่งความสุขไปเปล่า ๆแน่!
………………………………………………………………
[1] หวงเหลียนมีรสชาติขม