ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1640 พี่ชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ + ตอนที่ 1641 เอาข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาส่งให้
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1640 พี่ชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ + ตอนที่ 1641 เอาข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาส่งให้
ตอนที่ 1640 พี่ชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
เหยียนโฮ่วเต๋อและถานซูฟางก็ไม่กลับบ้านตัวเอง แต่นอนห้องของเหยียนหมิงต๋า พอเขาเห็นการจัดการของคุณย่าหยางเช่นนั้นจึงบ่นพึมพำกับคุณปู่เหยียน
“ยังไม่ทันแต่งงานก็อยู่ด้วยกันแล้ว ภาพลักษณ์ดี ๆจะเหลือเหรอ? ผมคิดว่างานแต่งครั้งนี้คงต้องไตร่ตรองดูใหม่ อย่าแต่งเอาตัวปัญหาเข้าบ้านเลยดีกว่า!”
ถานซูฟางก็ร่วมด้วยไม่กี่ประโยค แต่เธอแค่พูดส่ง ๆไปอย่างนั้น ถึงอย่างไรเธอก็มีอีกแผนการไว้อยู่แล้ว
เหอะ เจ้าบ้าเหยียนหมิงซุ่น เธอมีชีวิตที่ย่ำแย่ เดรัจฉานอย่างมันก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีได้เลย!
ความจริงคุณปู่เหยียนก็มีความคิดที่ว่า เหยียนหมิงซุ่นเอาเปรียบผู้หญิงแบบนี้ไม่ดีเลย หากว่าเกิดเรื่องผิดพลาดแล้วแต่งงานกันไม่ได้ ครอบครัวฝ่ายหญิงของเหมยเหมยก็จะเสียเปรียบเอามาก
แต่เขาก็คิดว่าเหมยเหมยหัวอ่อนเกินไป หากว่าเป็นหลานสาวของเขาล่ะก็ เขาคงใช้ไม้เรียวฟาดไปนานแล้ว!
“ต่อให้ภาพลักษณ์ไม่ดีก็ยังดีกว่าแกแล้วกัน ตอนนั้นพวกแกสองคนอยู่ด้วยกันอย่างไรเหรอ? เหอะ!” คุณปู่เหยียนด่าออกไปอย่างหัวเสีย คิดจะหลอกใช้เขาออกหน้าเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
เหยียนโฮ่วเต๋อหน้านิ่งขรึม จ้องถานซูฟางตาเขม็งด้วยความโกรธ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหญิงชั่วคนนี้ หากว่าตอนนั้นไม่ยั่วยวนเขาแล้วเขาจะยอมขึ้นเตียงกับเธอเหรอ?
ตอนนี้ความผิดทั้งหมดตกอยู่ที่เขา ภรรยาคนแรกต้องมาตาย รักสนุกกับผู้หญิงแล้วเขี่ยทิ้ง ถือว่าเป็นเฉินซื่อเหม่ย[1]ในคาบปัจจุบัน… ทั้งหมดล้วนเป็นหมวกที่ครอบอยู่บนหัวเขา
ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ทำงานไปได้ยินมาจากไหน บางครั้งก็ถกเถียงกันต่อหน้าเขา ซ้ำยังมีผลกระทบต่อการเลื่อนขั้นของเขาอีก ชีวิตส่วนตัวที่ดูเหลวแหลกจะสามารถเลื่อนขั้นได้อย่างไรกัน?
ถ้าเหยียนโฮ่วเต๋อรู้แต่แรกว่าจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่มีทางคบหากับถานซูฟางแน่นอน พอตอนนี้มาคิด ๆดูแล้วนอกจากเรื่องไร้การศึกษา เรื่องอื่นโม่เหวินเซียงเก่งกว่าถานซูฟางทุกอย่างเลย!
ในตอนนั้นเขาถูกบังตาด้วยน้ำมันหมูหรือไงกัน!
เสียดายที่ในโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง!
ทางด้านคุณปู่เหยียนวิตกกังวลอย่างหนัก ขบคิดอยู่เนิ่นนานจึงลากคุณย่าหยางออกไปกระซิบกระซาบอีกฝั่ง พูดด้วยสีหน้าแดงก่ำว่า “คุณเอาถุงนั่นไปให้เหยียนหมิงซุ่นหน่อยสิ พวกวัยรุ่นไม่ค่อยรู้ความ อย่าเพิ่งให้มีอีกหนึ่งชีวิตขึ้นมาเลย จ้าวเหมยยังเรียนอยู่เลยนะ!”
“ทำไมฉันต้องเป็นคนเอาไปให้? คุณให้เองไม่ได้เหรอ?” คุณย่าหยางจ้องเขา
คุณปู่เหยียนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม พูดโมโหกลบเกลื่อน “คุณจะไม่เอาไปให้ก็ได้ ถึงเวลานั้นทำคนอื่นท้องโตขึ้นมา ฉันจะคอยดูสิว่าคุณจะอธิบายกับตระกูลจ้าวอย่างไร!”
“ท้องก็แค่คลอดออกมา ถึงอย่างไรก็เป็นคนในตระกูลเรา ฉันอยากมีเหลนพอดี!”
คุณย่าหยางจงใจยั่วโมโหเขา แค่ปากเธอพูดไปอย่างนั้น จะให้เหมยเหมยมามีลูกตอนนี้ได้อย่างไรกัน เธออายุน้อยเกินไปจะเป็นอันตรายง่าย
ห้องนอนของเหยียนหมิงซุ่นยังเหมือนเฉกเช่นเดิม การตกแต่งไม่เปลี่ยนไปมาก สะอาดสะอ้านไร้ที่ติ บนผนังแขวนประกาศนียบัตรรางวัลต่าง ๆที่เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยได้รับเต็มไปหมด
เหมยเหมยไม่ได้เข้ามาเป็นครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรกที่เธอมานอนค้างที่นี่ เธออดคิดถึงตอนที่เพิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ ตอนที่เจอเหยียนหมิงซุ่น เขาไม่สนใจเธอเลยสักนิด หนำซ้ำยังไม่ยอมแบกเธออีกต่างหาก
“พี่คะ พี่ชอบฉันตั้งแต่เมื่อไรเหรอ? ต้องพูดความจริงนะ!”
เหมยเหมยอดถามไม่ได้ เธอเดินตามติดหลังเหยียนหมิงซุ่นที่ตระเตรียมที่นอนราวกับหมาพันธ์ปั๊ก
เหยียนหมิงซุ่นกางผ้าห่มออกแล้วหันเหลือบมอง เจ้าปีศาจน้อยสีหน้าเจ้าเล่ห์ มุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาดึงปกเสื้อของเหมยเหมยด้วยมือเดียวย้ายไปอีกฝั่งอย่างเบามือ พูดเสียงเรียบว่า “อย่าขวางพี่ทำงานสิ!”
เหมยเหมยจัดคอเสื้ออย่างนึกโมโห แล้วเซ้าซี้ถามอย่างไม่ลดละ “พี่จะพูดหรือไม่พูด? ถ้าไม่พูดคืนนี้ไปนอนที่พื้น!”
เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว งอแขนเกี่ยวดึงเธอเข้ามาใกล้ พอสบโอกาสก็กดไว้ใต้ร่างพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย “นี่เหมยเหมยกำลังจะเตือนพี่ว่าคืนนี้ให้ทำงานบนพื้นหรือเปล่า?”
…………………………………………….
ตอนที่ 1641 เอาข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาส่งให้
เหมยเหมยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดของใครบางคน ก็รู้สึกโมโหอับอายจนหน้าแดง หมัดเล็ก ๆทุบใส่ไม่หยุด ด่าอย่างเขินอายว่า “คนเลว พี่ต้องตอบคำถามของฉันมาเร็ว ๆว่าทำไมตอนนั้นพี่ถึงไม่ยอมแบกฉัน?”
เหยียนหมิงซุ่นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เหมยเหมยเตือนสติเขา “ก็ตอนที่ฉันอายุสิบสองปีเลิกเรียนแล้วปวดท้องนั่นไง ฉันให้พี่แบกฉันแต่พี่ไม่ยอมแบก แถมยังทำเฉยเมยใส่อีก”
เชอะ เรื่องนี้เธอสามารถจำไปจนชั่วชีวิตเลยแหละ!
ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นถึงนึกขึ้นมาได้ ที่แท้หัวใจของผู้หญิงเล็กเสียยิ่งกว่าเข็มอีกนะเนี่ย เรื่องเล็กแค่นี้ยังจำฝังใจอีก
“ที่รักเธอต้องมีเหตุผล ตอนนั้นพี่กับเธอยังไม่สนิทกัน พี่จะแบกเธอได้อย่างไร? หรือว่าเธอจะให้พี่ไปแบกผู้หญิงแปลกหน้าคนอื่นงั้นเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ ต่อให้สนิทกันก็ห้ามแบกห้ามอุ้ม พี่แบกฉันได้แค่คนเดียวเท่านั้น!” กระดิ่งสัญชาตญาณของเหมยเหมยสั่นเตือนอย่างแรง ยื่นมือบีบแก้มของเหยียนหมิงซุ่นแล้วออกแรงดึงทั้งสองข้าง
กล้าแบกผู้หญิงคนอื่น ก็รอเธอฉีกอกได้เลย!
ดวงตาเรียวยาวของเหยียนหมิงซุ่นเบิกขึ้นเล็กน้อย มองเธออย่างยียวน แต่มือกลับเริ่มอยู่ไม่สุขปัดป่ายไปทั่ว
คุณย่าหยางเพิ่งเอาผ้านวมไปตากเมื่อเช้าจึงส่งกลิ่นหอมละมุน นักกวีมักจะบอกว่ามันเป็นกลิ่นของแสงแดด เหมยเหมยบิดตัวมุดเข้าไปในผ้าห่ม เพื่อไม่ให้ใครบางคนทำแผนชั่วสำเร็จ
“พี่ยังไม่บอกเลยว่าเริ่มชอบฉันตอนไหน ไม่บอกฉันก็ไม่ออกไป”
เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเบา ๆ ยัยปีศาจน้อยคิดว่าผ้านวมจะสามารถหยุดเขาได้งั้นเหรอ?
แต่ว่าเวลานี้เหมยเหมยก็ดูน่ารักไปอีกแบบ เขาก็ไม่ถือสาที่จะเล่นเป็นเพื่อน
“พี่ขอคิดดี ๆก่อนว่าเริ่มชอบเธอตอนไหนกันนะ? น่าจะเป็น…” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางมองไปที่สาวน้อยที่ขดตัวเป็นดักแด้อยู่บนเตียง ตั้งใจเงียหูฟัง ผ้านวมกระจัดกระจายไปแล้วยังไม่รู้ตัวเลย
“ก็ตอนนี้ไง…”
เพิ่งสิ้นเสียงเหยียนหมิงซุ่นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว จับเหมยเหมยออกมาจากผ้าห่ม กดเอาไว้ใต้ร่าง มือเหมือนงูที่เลื้อยมุดเข้าไปจับร่างกายตัวอุ่นนุ่มนิ่ม ใจเต้นโครมคราม หายใจหอบหนัก จูบลงบนกลีบดอกอันหอมหวาน
“เกลียด…หลอกฉันอีกแล้ว…คนเลว…”
เหมยเหมยทุบตีอย่างอ่อนแรง ร่างกายอ่อนปวกเปียกราวกับโคลน แล้วค่อย ๆมีปฏิกิริยาตอบรับ บรรยากาศในห้องเริ่มอบอวลไปด้วยความรัก
“ก๊อก ๆ”
ประตูถูกเคาะดังขึ้นขัดจังหวะอันดีงามของพวกเขาทั้งสอง โชคดีที่เสื้อผ้าในฤดูหนาวมันหนาจึงยังไม่ทันจะได้เปลือยกาย เหมยเหมยรีบผลักร่างของเหยียนหมิงซุ่นบนตัวออก จัดระเบียบเสื้อผ้าและผมเผ้าอย่างเร่งรีบใบหน้าแดงซ่านเหมือนปัดแก้มก็ไม่ปาน
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ เหน็บเสื้อเข้าไปในกางเกง เอ่ยถามขึ้นว่า“ใครน่ะ?”
คุณย่าหยางส่งเสียงขานรับ เธอเป็นคนที่ฉลาดและมากประสบการณ์ ตอนนี้รับรู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แต่ทั้งสองคนยังไม่เปิดประตูน่าจะกำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่ หน้าก็พลันแดงซ่าน แต่ก็รู้สึกโชคดีที่ตัวเองมาทันเวลา
“ฉันเอาพวกข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาให้”
เหยียนหมิงซุ่นกำลังจะไปเปิดประตู เหมยเหมยก็ส่งเสียงหัวเราะพรืดออกมา ชี้ไปที่ผมบนหัวที่ยุ่งเหมือนรังไก่ที่เมื่อครู่โดนเธอขยี้เข้าให้ ตอนไหล่เปลือยเปล่ามองดูแล้วก็เซ็กซี่ดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับรู้สึกตลกมากเลย
“ไก่ ไก่ ไก่!”
เหมยเหมยพูดหยอกล้อไม่มีเสียง เหยียนหมิงซุ่นส่องกระจกและรีบจัดการกับทรงผม ดวงตาดุดัน ทำปากพูดว่า “อีกเดี๋ยวจะจัดการเธอ!”
ประตูเปิดออก คุณย่าหยางโผล่หัวเข้ามาอย่างเร็ว สวมแว่นตาที่เมื่อครู่เธอตั้งใจพกมาโดยเฉพาะ
ดวงตาของคุณยายเป็นเหมือนไฟฉายก็ไม่ปาน เพียงแค่ครู่เดียวก็มองไปทั่วทั้งห้องแล้ว แต่กลับไม่พบจุดน่าสงสัย ตัวอย่างเช่นเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น เตียงอันยุ่งเหยิง หลานชายคนโตหรือเหมยเหมยที่มีสภาพไม่เรียบร้อย…
ไม่มีเลยสักอย่าง!
หรือว่าเมื่อครู่เธอคิดผิดไป?
“คุณย่า!” เหยียนหมิงซุ่นเรียกเสียงสูง
คุณย่าหยางหัวเราะคิกคักแล้วหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนึ่งกล่องยัดใส่มือของเหยียนหมิงซุ่นด้วยท่าทีลับ ๆล่อ ๆ พูดเสียงเบาว่า “หมิงซุ่นหลานใช้ตามสบายเลยนะ ย่ามีอีกเยอะ มีเป็นหลายร้อยอันเลย!”
…………………………………………..
[1] บุรุษผู้หนึ่งในสังคมจีนโบราณ เป็นที่รู้จักในนาม ‘ผู้ชายเลวทรามที่มีพฤติกรรมทรยศต่อภรรยาของตน’